เอพี – ทรัมป์กลายเป็นประธานาธิบดีอเมริกันคนที่สามที่ถูกยื่นถอดถอน หลังสมาชิกสภาล่างตั้งข้อหาอย่างเป็นทางการลุแก่อำนาจและขัดขวางการสอบสวนของคองเกรสส์ในกระบวนการครั้งประวัติศาสตร์ที่จะเพิ่มอุณหภูมิความตึงเครียดแก่สังคมอเมริกาที่แตกแยกร้าวลึกอยู่แล้ว
การที่สภาผู้แทนราษฎรที่ควบคุมโดยพรรคเดโมแครตโหวตรับรองญัตติถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ใน 2 ข้อหาเมื่อวันพุธ (18 ธ.ค.) ปูทางสู่การไต่สวนในวุฒิสภาที่ควบคุมโดยพรรครีพับลิกัน ซึ่งจะมีขึ้นในเดือนหน้าเพื่อพิจารณาว่า ทรัมป์มีความผิดและสมควรปลดจากตำแหน่งหรือไม่
ทั้งนี้ ไม่เคยมีประธานาธิบดีคนใดในประวัติศาสตร์ 243 ปีของอเมริกา ที่เคยถูกปลดจากกระบวนการถอดถอน ซึ่งต้องได้รับเสียงสนับสนุน 2 ใน 3 ของสภาสูงที่มีสมาชิก 100 คน หมายความว่า ต้องมีสมาชิกรีพับลิกันอย่างน้อย 20 คนช่วยเดโมแครตโหวตให้ถอดถอนทรัมป์ ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีใครระบุว่า จะทำแบบนั้น โดยทาง มิตช์ แม็กคอนเนลล์ วุฒิสมาชิกระดับนำของรีพับลิกันคาดว่าไม่มีโอกาสที่สภาสูงจะลงมติปลดทรัมป์
แนนซี เปโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครต กล่าวว่า จะรอจนกว่าจะรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกระบวนการไต่สวนของสภาสูงจึงจะแต่งตั้งอัยการสภาล่าง แต่ไม่ได้ระบุว่าจะส่งเรื่องให้สภาสูงดำเนินการต่อเมื่อใด
ทั้งนี้ ทรัมป์ถูกกล่าวหาลุแก่อำนาจด้วยการกดดันให้ยูเครนสอบสวนอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน ตัวเก็งผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีของพรรคเดโมแครตในปีหน้า รวมถึงสอบสวนตามทฤษฎีที่ไม่มีข้อพิสูจน์ว่า เดโมแครตสมรู้ร่วมคิดกับยูเครนแทรกแซงการเลือกตั้งผู้นำสหรัฐฯ ในปี 2016
เดโมแครตระบุว่า ทรัมป์ระงับความช่วยเหลือด้านความมั่นคง 391 ล้านดอลลาร์เพื่อใช้ต่อสู้กับกบฏแบ่งแยกดินแดนที่รัสเซียหนุนหลัง และเสนอจัดให้ประธานาธิบดี โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน ได้พบตนในทำเนียบขาว เพื่อโน้มน้าวให้เคียฟแทรกแซงการเลือกตั้งปี 2020 ด้วยการทำให้ไบเดนเสื่อมเสียชื่อเสียง
สำหรับข้อหาที่ 2 คือการขัดขวางการสอบสวนของรัฐสภาด้วยการสั่งห้ามเจ้าหน้าที่ในคณะบริหารและหน่วยงานรัฐบาลไปให้การหรือส่งมอบเอกสารตามหมายเรียกของสภาผู้แทนฯ ที่สอบสวนกรณีการถอดถอนทรัมป์
ทรัมป์ปฏิเสธมาตลอดว่า ไม่ได้ทำผิด และประณามการสอบสวนที่เปโลซีเริ่มต้นเมื่อเดือนกันยายนว่าเป็นการล่าแม่มด และในระหว่างหาเสียงเพื่ออยู่ในทำเนียบขาวต่ออีก 4 ปีที่มิชิแกนเมื่อวันพุธ เขาประกาศว่าการถอดถอนจะเป็นตราบาปแห่งความอัปยศและเป็นการฆ่าตัวตายทางการเมืองของเดโมแครตกับเปโลซี และส่งผลต่อการเลือกตั้งในปีหน้า
พรรครีพับลิกันรับลูกโดยกล่าวหาเดโมแครตใช้กระบวนการที่ไม่เป็นธรรมเพื่อให้การเลือกตั้งปี 2016 เป็นโมฆะ รวมทั้งโน้มน้าวผลการเลือกตั้งในปีหน้า
ทั้งนี้ ข้อหาลุแก่อำนาจได้เสียงสนับสนุน 230-197 และ 229-198 สำหรับข้อหาขัดขวางการสอบสวน โดยสมาชิกรีพับลิกันทุกคนโหวตคัดค้านทั้ง 2 ข้อหา ขณะที่มีสมาชิกเดโมแครต 2 คนโหวตคัดค้านทั้งสองข้อหา และสมาชิกอีกคนโหวตคัดค้านข้อหาขัดขวางการสอบสวน
ชัยชนะของทรัมป์ในการเลือกตั้งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ทำให้สังคมอเมริกันร้าวลึก รวมทั้งทำให้นักการเมืองในวอชิงตันมีปัญหาในการประนีประนอม ขณะที่อเมริกากำลังเผชิญความท้าทายสำคัญหลายอย่าง เช่น อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของจีน และปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ
ไบเดนที่วิจารณ์การใช้อำนาจหน้าที่ของทรัมป์มาตลอดและให้สัญญาว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้ ได้ทวิตโจมตีอดีตนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และพิธีกรเรียลลิตี้โชว์ผู้นี้ว่าลุแก่อำนาจ ละเมิดคำสาบานตนเข้ารับตำแหน่งและทรยศชาติ พร้อมสำทับว่าไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายแม้กระทั่งประธานาธิบดี
ขณะเดียวกัน ผลสำรวจของรอยเตอร์/อิปซอสพบว่า แม้ผู้สนับสนุนพรรคเดโมแครตส่วนใหญ่อยากเห็นทรัมป์ถูกถอดถอน แต่ผู้สนับสนุนพรรครีพับลิกันส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย นอกจากนั้นการไต่สวนในสภาผู้แทนฯ ที่มีการถ่ายทอดทางทีวีเมื่อเดือนที่แล้วดูเหมือนทำให้ทั้งสองฝ่ายเห็นต่างกันมากขึ้น
การโหวตในสภาล่างเมื่อวันพุธเป็นเพียงความขัดแย้งล่าสุดแต่ไม่ใช่ใหญ่ที่สุด โดยการสอบสวนเพื่อถอดถอนทรัมป์พุ่งประเด็นที่การคุยโทรศัพท์กับเซเลนสกีเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม ที่ทรัมป์ขอให้ผู้นำยูเครนสอบสวนไบเดนและลูกชายคือ ฮันเตอร์ ไบเดน ที่เป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารบูริสมา บริษัทพลังงานยูเครน ตอนที่ไบเดนเป็นรองประธานาธิบดี
ทรัมป์กล่าวหาไบเดนและลูกชายทุจริตโดยไม่มีหลักฐาน ขณะที่ทั้งคู่ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว ซึ่งบันทึกการคุยโทรศัพท์ที่ทำเนียบขาวเผยแพร่หลังมีผู้เปิดโปงออกมาร้องเรียน แสดงให้เห็นว่า ทรัมป์ขอให้เซเลนสกี “ช่วยเหลือ” และสอบสวนไบเดนโดยประสานงานกับ รูดี้ จูเลียนี ทนายความส่วนตัวของตน
การให้ปากคำของพยานต่อคณะกรรมาธิการสภาล่างก่อนหน้านี้ยังระบุว่า จูเลียนีดำเนินการเพื่อให้ทรัมป์ปลดเอกอัครราชทูตประจำยูเครนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เนื่องจากมองว่าขัดขวางความพยายามผลักดันให้เคียฟสอบสวนไบเดน