หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
มีคนบอกว่าประชาธิปไตยทั่วโลกกำลังถดถอย กล่าวถึงประเทศไทย ไม่ว่าเราจะยินดียินร้ายกับ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ก็ตาม แต่เขามาจากการเลือกตั้งซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งของระบอบประชาธิปไตย เมื่อฝ่ายที่ไม่ชอบ พล.อ.ประยุทธ์โจมตีว่า รัฐบาลไม่ได้ชนะการเลือกตั้ง แต่ตั้งรัฐบาลได้เพราะเขียนกติกาให้ได้เปรียบ ก็จะถูกตอบโต้กลับมาว่า กติกานี้มาจากการทำประชามติซึ่งเป็นกระบวนการหนึ่งของระบอบประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน
มองถึงตรงนี้ก็ตอบว่า เมื่อทุกอย่างถูกอ้างว่ามาจากระบอบประชาธิปไตยนั้นมันสะท้อนว่า ระบอบประชาธิปไตยมีปัญหาใช่หรือไม่ ทำไมผลลัพธ์ของระบอบประชาธิปไตยจึงได้รัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากระบอบเผด็จการ ขณะที่อีกฝ่ายบอกว่า ความเป็นเผด็จการมันจบลงไปแล้วตั้งแต่วันเลือกตั้ง เพราะนี่เป็นรัฐบาลที่ประชาชนเลือก ถ้าจะโทษว่าประชาชนที่เลือกรัฐบาลนี้ผิดก็จะสะท้อนความไม่เป็นประชาธิปไตยของคนกล่าวหาเสียเอง
แต่ถ้าพูดถึงผลที่ตามมาของรัฐบาลที่ชนะการเลือกตั้งก็คือ เผด็จการที่สืบทอดอำนาจด้วยระบอบประชาธิปไตยมีความพยายามสถาปนาระบอบอำนาจนิยมซ้อนขึ้นมาใต้ระบอบประชาธิปไตยอันนี้ก็เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แม้ผมเองก็ไม่นิยมชมชอบระบอบอำนาจนิยม แต่ก็มีคำถามว่า ประชาชนที่เลือกรัฐบาลชุดนี้ขึ้นมาเขายินดีที่จะให้ระบอบอำนาจนิยมดำรงอยู่ เพราะเขาเชื่อมั่นว่า ดีกว่ารัฐบาลประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งที่มาจากพรรคการเมืองที่มีแต่ความวุ่นวาย โกงกินทุจริตคอร์รัปชั่น
นักรัฐศาสตร์เรียกการปกครองแบบปัจจุบันว่า เป็นระบอบลูกผสมหรือไฮบริด แน่นอนว่าพวกที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตยย่อมไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ดำรงอยู่ แต่ก็ไม่มีพลังพอที่จะทัดทานได้ เพราะประชาชนอีกฝั่งหนึ่งเขายินดีที่จะให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้ด้วยสิ่งที่เขาเชื่อว่านี่เป็นความชอบธรรมเช่นเดียวกัน
ยิ่งนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งสะท้อนด้านลบออกมามากเท่าใดก็ยิ่งสร้างความชอบธรรมให้รัฐบาลที่ถูกกล่าวหาว่ากึ่งเผด็จการมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าความวุ่นวายนั้นจะมาจาก ส.ส.ฝ่ายค้านหรือรัฐบาลก็ตาม เพราะมันกลายเป็นการชี้ให้เห็นปัญหาของระบบตัวแทนที่อ้างว่ามาจากอำนาจของประชาชนนั้นมีแต่ปัญหา
เราเห็นความวุ่นวายในการประชุมสภา การถกเถียงกันในกรรมาธิการ การตอบโต้ทางวาทกรรมและสบถก่นด่ากันของนักการเมืองผ่านสื่อแล้ว มันยิ่งทำให้ประชาชนเอือมระอา และฝั่งที่เขาเลือกรัฐบาลเผด็จการให้สืบทอดอำนาจ เขายิ่งมองเห็นว่าเขามีความชอบธรรมที่จะเลือกระบอบลูกผสมและรัฐบาลอำนาจนิยมมาปกครองประเทศ
แม้ว่าพวกที่อ้างว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตยจะถือหลักการของระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็งเพียงใดก็ไม่มีความหมาย เพราะความเป็นประชาธิปไตยเองนั่นแหละที่มันเป็นตัวกำหนดให้ต้องยอมรับผลพวงและความเชื่อของอีกฝั่ง
ไม่แต่ในประเทศไทยเท่านั้น อย่างที่กล่าวข้างต้นว่า โลกทุกวันนี้ก็ตั้งคำถามถึงความถดถอยของระบอบประชาธิปไตยในหลายประเทศ แม้แต่ในประเทศตะวันตกซึ่งมีหลักการประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง แต่ก็มีแนวโน้มว่า ประชาชนเลือกรัฐบาลที่เป็นกึ่งเผด็จการกึ่งประชาธิปไตยหรืออำนาจนิยม มันจะโทษว่าใครผิดใครถูกหรือใครถูกกว่ากันก็เป็นเรื่องที่ยากจะไปกล่าวหากันได้
เพราะการเชื่อว่า ระบอบประชาธิปไตยเป็นระบอบที่ดีที่สุดเพราะเป็นระบอบที่ประชาชนเป็นใหญ่และมีเสรีภาพ แต่ถ้าประชาชนเขาเลือกอีกแบบเขาก็ใช้ความเป็นประชาธิปไตยและเสรีภาพในคูหาเลือกตั้งแบบวันแมนวันโหวตนั่นแหละ
หรือไม่เขาก็มองเห็นด้านลบของระบอบประชาธิปไตยที่ผ่านมาแล้วว่า ตัวแทนที่ประชาชนเลือกขึ้นมานั้น ไม่เสมอไปที่จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนของประชาชนที่แท้จริง เพราะอำนาจทำให้คนเปลี่ยน เพราะผลประโยชน์ทำให้คนคำนึงถึงประโยชน์ของตัวเองก่อน ระบอบการแข่งขันเสรีนั้นมันเป็นกติกาที่ไม่เป็นธรรม แต่เป็นการแข่งขันที่คนตัวใหญ่กว่าได้เปรียบ เหมือนชกมวยที่ไม่มีการแบ่งรุ่น
แล้วคำถามว่าในระบอบประชาธิปไตยนั้นประชาชนเลือกคนที่คิดว่า เป็นคนที่ดีที่สุดหรือพรรคการเมืองที่ดีที่สุดหรือเลือกเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวระบบอุปถัมภ์ สภาจึงเต็มไปด้วยผู้แทนที่ด้อยคุณภาพด้อยคุณวุฒิ และขาดวุฒิภาวะ บางคนเหมือนตัวตลกในคณะละครสัตว์ การได้ตัวแทนแบบนี้เข้าไปสภาเยอะๆ นั่นแหละที่มันสะท้อนภาพลักษณ์ที่ด้อยคุณค่าของระบอบประชาธิปไตยออกมา
ภาพสะท้อนการปกครองและความสำเร็จของผู้นำแบบ “สี จิ้นผิง” ก็กลายเป็นคำถามที่ท้าทายระบอบประชาธิปไตยว่า เป็นระบอบที่ดีที่สุดจริงหรือ แม้การฝากความหวังไว้ที่คนๆ เดียวจะเป็นภาวะที่เสี่ยงในทางหลักการ แต่มันสะท้อนภาพว่า การเลือกผู้นำที่ถูกตัวถูกคนถูกสถานการณ์นั้นมันก็อาจนำพาชาติไปสู่ความรุ่งโรจน์ได้ จีนกำลังเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ ทางนวัตกรรมแซงหน้าสหรัฐอเมริกา คนจีนพันกว่าล้านคนกำลังจะพ้นจากความยากจน โดยที่เขาไม่ได้เป็นประชาธิปไตย
ในขณะที่ระบอบประชาธิปไตยแบบเสรีนิยมนั้นมันทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียมมือใครยาวสาวได้สาวเอา ผลประโยชน์ตกอยู่ในมือของกลุ่มทุนใหญ่ คนตัวเล็กตัวน้อยไม่สามารถเติบโตได้ แม้ในฮ่องกงดูเหมือนสื่อบ้านเราพยายามจะเรียกฝ่ายต่อต้านรัฐบาลจีนว่าฝ่ายประชาธิปไตย แต่ชนวนสำคัญที่ทำให้คนออกมาก็คือ ความเหลื่อมล้ำและการไม่สามารถแข่งขันได้เท่าเทียมเสมอภาคกันในทางชนชั้นนั่นเองที่กลายเป็นเชื้อให้คนฮ่องกงส่วนหนึ่งลุกขึ้นมา
มันจึงหมดยุคแล้วที่จะบอกว่าระบอบการปกครองแบบไหนที่ดีที่สุด แต่มันขึ้นกับโอกาสที่ถูกต้องถูกจังหวะตามสถานการณ์แต่ละสถานการณ์มากกว่าว่าเราควรต้องการผู้นำแบบไหนในภาวการณ์แบบที่เป็นอยู่ พวกที่เที่ยวชี้หน้าว่า อีกฝั่งเป็นฝ่ายต่อต้านประชาธิปไตยแล้วเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยทั้งที่สู้กันมาด้วยการตัดสินใจของประชาชนเสียงข้างมาก จึงเป็นพวกหลังเขาในทางการเมืองมากๆ แล้วย้อนกลับไปพวกนี้ส่วนใหญ่ก็เคยเป็นฝ่ายซ้ายที่ฝักใฝ่ระบอบคอมมิวนิสต์มาก่อนแทบทั้งสิ้น
ในพวกที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยจึงมีทั้งพวกที่คลั่งระบอบประชาธิปไตยแบบตะวันตก พวกอกหักมาจากระบอบคอมมิวนิสต์ และพวกที่ยังมีอุดมการณ์ซ้ายฝังหัวใส่หมวกดาวแดงอยู่ พวกต้องการเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นแบบสาธารณรัฐ
ส่วนพวกที่ชื่นชอบรัฐบาลและถูกกล่าวหาว่า เป็นพวกต่อต้านระบอบประชาธิปไตยนิยมเผด็จการก็เป็นพวกที่บูชาตัวบุคคลแบบคลั่งไคล้ปิดหูปิดตาในสิ่งที่ฝ่ายตัวเองทำแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ชอบธรรมก็ตาม ทั้งสองฝ่ายจึงมีทั้งจุดอ่อนจุดแข็งพอๆกัน
ผมบอกเสมอว่าตัวเองนั้นไม่ได้ยินดียินร้ายกับรัฐบาลประยุทธ์ เพราะจริงๆ แล้วรัฐบาลประยุทธ์ก็ไม่ต่างกับรัฐบาลอื่นๆ ที่เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนและทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
แต่ถามผมว่าหลักสำคัญที่ทำให้รัฐบาลแบบประยุทธ์ดำรงอยู่ได้คืออะไร คำตอบแรกก็คือ ความแตกแยกของประชาชน แน่นอนประชาชนฝั่งหนึ่งนิยมชมชอบ พล.อ.ประยุทธ์ ประชาชนอีกฝั่งไม่ชื่นชอบ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วความแตกแยกแบ่งออกเป็นสองขั้วที่มีดุลอำนาจพอๆ กันนี่แหละที่เป็นเครื่องหล่อเลี้ยงให้รัฐบาลประยุทธ์หยิบฉวยสถานการณ์นี้มาใช้เพื่อทำให้ตัวเองมีสถานภาพที่มั่นคงลอยตัวอยู่ได้ และคำตอบที่สองก็คือ การมองแต่หลักการแบบดักดานโดยไม่มองข้อเท็จจริงของพวกที่เรียกตัวเองว่า ฝ่ายประชาธิปไตย
การแตกแยกของประชาชนเป็นอาหารอันโอชะของผู้มีอำนาจเสมอ เพราะเขาก็อ้างว่า เขามีประชาชนกลุ่มหนึ่งสนับสนุน ถ้าประชาชนอีกฝ่ายออกมาต่อต้าน ก็มีประชาชนอีกฝ่ายออกมาสนับสนุนปกป้องอยู่เสมอ แต่ความตะบี้ตะบันเอาหัวชนหลักการแบบตะวันตกของพวกที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยนั้นก็เอาแต่โทษว่าประชาชนอีกฝ่ายนิยมเผด็จการโดยมองไม่เห็นความผิดพลาดบกพร่องของฝ่ายตัวเอง
ปัญหาของรัฐบาลเลือกตั้งที่เข้ามาฉกฉวยหาประโยชน์ทุจริตคดโกงใช้อำนาจฉ้อฉล ทำให้ประชาชนแบ่งออกเป็นสองฝ่ายเกิดการชุมนุมปะทะทำร้ายแล้วฆ่าฟันกันกลางเมือง พวกที่อ้างเป็นฝ่ายประชาธิปไตยก็ท่องคัมภีร์ว่าถ้ารัฐบาลไม่ชอบธรรมเลือกตั้งครั้งหน้าก็ไม่ต้องเลือกอีก ไม่ใช่ออกมาชุมนุมขับไล่หรือเชียร์ให้ทหารออกมายึดอำนาจ แต่เหตุผลจริงๆที่ทหารยึดอำนาจก็คือ การใช้อาวุธมายิงทำร้ายฝ่ายที่ออกมาประท้วงรัฐบาล และการชุมนุมก็เป็นหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย
ซึ่งสรุปแล้วทำให้สงสัยว่า พวกที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยนั้นเข้าใจหลักพื้นฐานของประชาธิปไตยหรือไม่ หรือเข้าใจเพียงว่าประชาธิปไตยคือ การไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง
การไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรมก็เป็นสารัตถะหนึ่งของพวกที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตยบ้านเรา เพราะถ้าการตัดสินให้ฝ่ายตัวเองผิดแล้วก็จะโทษว่า การบังคับใช้กฎหมายไม่เป็นธรรม ความยุติธรรมเป็นสองมาตรฐาน การตัดสินคดีของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นั้น มีหลักฐานเชิงประจักษ์ เพราะทำผิดขั้นตอนของกฎหมาย แล้วไม่สามารถนำหลักฐานอะไรมาหักล้างได้เลยนอกจากท่องว่า “จำไม่ได้-ไม่ทราบ” ศาลก็ตัดสินไปตามเนื้อหาของคดี แต่ก็พยายามสร้างสถานการณ์ขึ้นมาว่า ศาลตัดสินใจให้ผิดเพราะต่อสู้กับเผด็จการซึ่งเป็นเพียงวาทกรรมที่ไม่มีอะไรรองรับเลย
ผมยังอดขำเพื่อนผมเองไม่ได้ คุณอธึกกิต แสวงสุข หรือใบตองแห้ง ประชาไท ผู้ดำเนินรายการทางช่องวอยซ์ทีวีของพานทองแท้ ชินวัตร ซึ่งชอบเรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย ทันทีที่ศาลตัดสินว่าพานทองแท้ไม่ผิด เพื่อนผมโพสต์เฟซบุ๊กทันทีว่า “ให้มันรู้กันเสียบ้าง นี่ยุคไล่ล่าธนาธร แม้วถอยไป”
คือแกผิดหวังที่ศาลตัดสินว่าพานทองแท้ซึ่งเป็นนายจ้างไม่ผิด แล้วทำให้เข้าใจว่า ฝ่ายกุมอำนาจไม่ต้องการเล่นงานฝ่ายทักษิณแล้วแต่มีเป้าหมายที่ธนาธรคนเดียว เพราะตัวแกเชื่อว่าธนาธรไม่ผิด แต่ธนาธรกำลังถูกทำลายเหมือนกับทักษิณในอดีตและตอนนี้ทักษิณไม่มีความหมายอะไรแล้ว
คำถามว่าประชาธิปไตยทั่วโลกกำลังถดถอย หรือประชาชนใช้กระบวนการของระบอบประชาธิปไตยคือการเลือกตั้งนั่นแหละในการเลือกผู้ปกครองที่สอดคล้องกับสถานการณ์ ซึ่งเป็นการคลี่คลายตัวของระบอบประชาธิปไตยไปตามทฤษฎีวิวัฒนาการ
เพียงแต่พวกที่อ้างว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยไทยยังดักดานจมปลักอยู่กับค่านิยมประชาธิปไตยแบบสูตรสำเร็จที่ลอกเลียนเขามาครอบสังคมไทย