ผู้จัดการรายวัน360-"พานทองแท้" รอด! ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางยกฟ้องคดีร่วมกันฟอกเงินธนาคารกรุงไทย ชี้หลักฐานฝ่ายโจทย์ไม่แน่นหนาเพียงพอ เชื่อไม่รู้เงิน 10 ล้านบาทมาจากการทำผิด เจ้าตัวรับตื่นเต้นก่อนเข้าฟังคำพิพากษา และรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น หลังศาลตัดสิน ด้าน "คุณหญิงพจมาน" ปรากฎตัวพร้อมลูกสาว เดินทางมาให้กำลังใจ เผยความเห็นแย้งองค์คณะผู้พิพากษา ให้จำคุก 4 ปี ด้าน "วิษณุ" ชี้อัยการยังอุทธรณ์ได้ ยันไม่เกี่ยวกับเรื่องปรองดอง แต่เป็นการตัดสินของศาล ชี้ที่ผ่านมา คนคาดการณ์กันไปเอง โดยไม่เคยฟังพยาน ไม่เคยดูคำฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (25 พ.ย.) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เมื่อเวลา 10.00 น. ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีฟอกเงิน ทุจริตการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกรุงไทยให้ธุรกิจเครือกฤษดามหานคร คดีหมายเลขดำที่ อท.245/2561 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายพานทองแท้ ชินวัตร หรือโอ๊ค บุตรชายคนโตของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน และสมคบกันฟอกเงิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 มาตรา 5, 9, 60 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2558 มาตรา 10 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91
คดีนี้ อัยการยื่นฟ้องนายพานทองแท้ เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2561 จากกรณีรับโอนเงินเป็นเช็คจำนวน 10 ล้านบาทเข้าบัญชี โดยกล่าวหาว่าเงินนั้น เป็นส่วนหนึ่งของการกระทำจากการทุจริตปล่อยกู้สินเชื่อระหว่างธนาคารกรุงไทยกับเอกชนกลุ่มกฤษดามหานคร ที่มีนายวิชัย กฤษดาธานนท์ ผู้บริหารกฤษดามหานคร กับนายรัชฎา กฤษดาธานนท์ บุตรชายของนายวิชัย และอดีตคณะผู้บริหารธนาคารกรุงไทย ตกเป็นจำเลย
โดยชั้นพิจารณ่าของศาลอาญาคดีทุจริตฯ นายพานทองแท้ ให้การปฏิเสธสู้คดีว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง เงินดังกล่าวเป็นส่วนที่จะร่วมลงทุนธุรกิจนำเข้าซูเปอร์คาร์กับนายรัชฎา บุตรชายของนายวิชัย และนายพานทองแท้ ได้รับการประกันตัวระหว่างพิจารณาคดี 1 ล้านบาท พร้อมเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล
สำหรับบรรยากาศวานนี้ มีกลุ่มคนสนิทนายพานทองแท้เดินทางมาให้กำลังใจตั้งแต่ช่วงเช้า ขณะที่นายพานทองแท้เดินทางมาพร้อมกับคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร มารดา น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ และน.ส.แพทองธาร ชินวัตร พี่สาว-น้องสาว รวมทั้งบุคคลในครอบครัว ถึงศาลในเวลา 09.38 น.
ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ว่า ตื่นเต้นหรือไม่ในการฟังคำพิพากษาวันนี้ นายพานทองแท้ กล่าวด้วยสีหน้ายิ้มเล็กน้อยว่า รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย
ด้านคุณหญิงพจมานได้ยิ้มทักทาย ขณะเดินทางมาให้กำลังใจบุตรชายคนโต
ทั้งนี้ บริเวณศาลได้มีการประสานกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก บก.น.1 มาดูแลความเรียบร้อยบริเวณศาลด้วย
ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้พิพากษาให้ยกฟ้องนายพานทองแท้ ไม่ผิดฐานฟอกเงิน เนื่องจากเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ว่านายพานทองแท้ ได้รู้ที่มาของเงินจำนวน 10 ล้านบาท ที่นายวิชัย โอนเข้าบัญชี ว่า นายวิชัยได้มาจากการกระทำผิดทุจริตการปล่อยกู้แบงก์กรุงไทย โดยขณะที่รับโอนเงินนั้น จำเลยมีอายุเพียง 26 ปี และขณะนั้นมีเงินรายได้จากหุ้นในบริษัทอยู่แล้วถึง 4,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับเงิน 10 ล้านบาทแล้ว คิดเป็น 0.0025% จากยอดเงินดังกล่าว ขณะที่โจทก์นำสืบได้เพียงว่าขณะที่รับโอนหุ้น นายพานทองแท้เป็นบุตรชายของนายทักษิณ และมีความสนิทสนมกับครอบครัวของนายวิชัยเพียงเท่านั้น
เมื่อฟังคำพิพากษาเสร็จสิ้น นายพานทองแท้พูดสั้นๆ ว่า ขอบคุณทุกกำลังใจ และรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น ส่วนคุณหญิงพจมานตอบผู้สื่อข่าวว่า รู้สึกสบายใจขึ้น
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์สำนักข่าวอิศรา www.isranews.orgได้รายงานเพิ่มเติมว่า คดีดังกล่าวเกิดความเห็นแย้งกันขึ้น ภายใต้การพิจารณาข้อกฎหมายเดียวกัน โดยหนึ่งในองค์คณะผู้พิพากษายืนยันความเห็นว่า ควรพิพากษาลงโทษจำคุกนายพานทองแท้ 4 ปี โดยในคำพิพากษาศาลฉบับเต็ม จะแนบความเห็นแย้งของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนไว้ด้วย
วันเดียวกันนี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ถ้าเป็นศาลชั้นต้นตัดสิน อัยการสามารถอุทธรณ์ได้
เมื่อถามว่าการตัดสินสามารถสร้างความปรองดองสมานฉันท์ได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบคุณไปพูดแบบนั้นไม่ได้ เป็นเรื่องของศาลตัดสิน ใครจะไปปรองดองกับศาล
เมื่อถามว่า สังคมคาดการณ์ตอนแรกว่านายพานทองแท้น่าจะโดนคดี นายวิษณุกล่าวว่า เล่นไปคาดการณ์กันเอง คาดถูกคาดผิดไปตามเรื่อง โดยไม่เคยฟังพยาน ไม่เคยดูคำฟ้อง ไม่เคยดูคำให้การ ศาลตัดสินว่าอย่างไร ก็ต้องเป็นไปอย่างนั้น ถ้าไม่เห็นด้วย ไม่พอใจก็เป็นเรื่องที่จะไปว่ากันต่อไป