ปฏิบัติการงัดข้อ เซ็ตซีโร่องค์กรอิสระ

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ไม่ได้คืบ แต่ได้แค่ต้องบอกว่าคุ้มค่าแล้ว หลังเหล่าห้อยโหนเถียงกันคอเป็นเอ็น เจตนารมณ์คำถามพ่วงประชามติจะให้ ส.ว.มีสิทธิชงชื่อ และร่วมโหวตนายกรัฐมนตรีคนนอกได้หรือไม่

หลังจากยึกยัก กระฉึกกระฉัก เป็นขบวนรถไฟถึงก็ช่างไม่ถึงก็ช่างแรมเดือน สำหรับกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่ 20 โดย คณะอรหันต์ทองคำ คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่นำโดย มีชัย ฤชุพันธุ์ ปรมาจารย์ด้านกฎหมายแห่งประเทศไทย

เเม่อุ้มบุญจำเป็นอย่างศาลรัฐธรรมนูญ รับหน้าเสื่อ คลอดคำวินิจฉัยเผยแพร่ออกมา 19 หน้ากระดาษเอสี่ พอดิบพอดี

สรุปการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับประเด็นคำถามพ่วง ที่ผ่านประชามติ ตกลงแล้ว การขันน็อต หยอดจารบีจากกรธ. ที่นำคัดท้ายปรับแก้ไขเนื้อหาโดย “ซือแป๋มีชัย”ประธานกรธ. นั้นสอดคล้อง หรือ ชอบด้วยกับเจตนารมณ์เสียงสวรรค์ประชาชนหรือไม่นั้น พูดเเบบไม่ต้องเเเปลไทยเป็นไทย ศาลรัฐธรรมนูญไม่ค่อยปลื้ม ตีกลับให้ กรธ.ไปปรับเสริมเติมเเต่งใหม่ภายใน 15 วัน ดังนี้

1. การจะชงชื่อบุคคลที่จะมานั่งเเท่นนายกฯ ในมาตรา 272 วรรคสอง จากเดิม ที่หากเกิดเหตุเอ็กซิเดน ไม่อาจเเต่งตั้งนายกฯ จากบัญชีที่พรรคการเมืองเสนอมาได้ หรือพูดง่ายๆ ถ้าจะเสนอชื่อนายกฯนอกบัญชี หรือนายกฯคนนอก ในมาตรา 272 วรรคสอง บอกว่า ต้องใช้เสียง ส.ส.จำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของส.ส.เท่าที่มีอยู่ มีสิทธิเสนอต่อประธานรัฐสภาเพื่อยกเว้นขั้นตอนดังกล่าวนั้น กล่าวคือ กรธ.บอกจะเสนอชื่อนายกฯคนนอกหรือไม่คนนอกได้นั้น ต้องผ่านล็อกเสียงของ ส.ส.ก่อนเท่านั้น

แต่ศาลรัฐธรรมนูญให้ กรธ.แก้ไขเป็นว่า ผู้มีสิทธิเสนอขอยกเว้นการเสนอชื่อนายกฯนอกบัญชีพรรคการเมือง คือ สมาชิกรัฐสภา( ส.ส.เเอนด์ ส.ว.ลากตั้ง 250 นาย ) จำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่ง ของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภา

2. กำหนดเวลาและวันเริ่มนับเวลาตามร่างรัฐธรรมนูญ ตามร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรคหนึ่ง และวรรคสอง คือ ในระหว่าง 5 ปีแรก นับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้
 
จากคำวินิจฉัย เเม้ไม่ได้ตามเสียงโหยหวน ที่ขอให้ ส.ว.250 คน มีสิทธิ อำนาจ ทั้งร่วมโหวต เเละชงชื่อนายกฯได้ ทั้งคืบ ทั้งศอกก็ตาม แต่แค่ได้ศอก มันก็เข้าล็อกไอ้ห้อยไอ้โหน จอมโจนทะยานไปเต็มๆ เเล้ว งานนี้ ฟันธงพันเปอร์เซ็นต์มี นายกฯคนนอกย้อนฉลุยไปยุคหินแน่นอน

ภาษาชาวบ้านเรียกหวานเจี๊ยบเรียบอาวุธ ต่อจากนี้มือชง มือตบ ทั้งหลายเเหล่ เตรียมทายาสีฟันถูลิ้นรอทำหน้าที่ได้เลย

แต่อย่างไรก็ตาม อย่าพึ่งดีใจกันไป ต้องรอดูลูกเล่นชั้นอ๋องของซือแป๋ จะยอมลดราวาศอกให้ได้เเค่ไหน

เพราะหากใครฟังคำวินิจฉัยเเล้วไม่เวียนหัวกับตัวหนังสือยึกยือภาษากฎหมายลายเเทง คงต้องยอมใจ

ขนาด “ซือแป๋มีชัย”จอมกระชากเรตติ้ง ฟังเเล้วยังมึบตึบ ตีลังกาก่ายหน้าผากไปแปดตลบ

ศาลอ่านคำวินิจฉัยจบนั้น “มีชัย”ให้สัมภาษณ์นักข่าวเเบบอ้อมๆ เเอ้มๆ ตามสไตล์ ยังยืนงงในดงกล้วยอยู่ว่า สรุปเเล้วส.ว.ลากตั้ง ตามคำวินิจฉัยของศาล ให้แค่เสนอยกเว้นบัญชีรายชื่อนายกฯ หรือ มีอำนาจเสนอชื่อนายกฯคนนอกหรือไม่คนนอก ได้ หรือไม่กันเเน่

“อย่างไรเสียน้อมรับคำวินิจฉัย และปรับแก้ 2 ข้อ เเบบที่ศาลว่ามา แต่มึนๆ งงๆ เพราะศาลไม่ได้เเนะนำ หรือบอกเเนวทางการปรับแกไข้ แต่ฟันธงมา 2 ข้อ คือ 1. ผู้มีสิทธิเสนอขอยกเว้นการเสนอชื่อนายกฯ จากผู้อยู่บัญชีรายชื่อ คือ สมาชิกรัฐสภาจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของจำนวน 2 สภา และ 2.กำหนดเวลาและวันเริ่มนับเวลาตามร่างรัฐธรรมนูญ ตามร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 272 วรรคหนึ่งและวรรคสอง คือ ในระหว่าง 5 ปีแรก นับแต่วันที่มีรัฐสภาชุดแรกตามรัฐธรรมนูญนี้ ตรงกับสิ่งที่เราเขียนไป แต่ศาลบอกว่า เราเขียนไม่ชัด จึงต้องนำกลับมาเขียนให้ชัด ซึ่งข้อแรกยังไม่ชัดเจน ที่บอกว่าผู้มีสิทธิเสนอขอยกเว้นการเสนอชื่อ คือ สมาชิกรัฐสภา เท่ากับ ส.ว. มีสิทธิเสนอยกเว้นได้ แต่มีสิทธิเสนอชื่อนายกฯ ด้วยหรือไม่ใน 2 ข้อนี้ ยังไม่เจอ แต่ถ้าดูตาม 2 ข้อ เหมือนจะไม่มี มีแต่เสนอยกเว้น ที่จะเอาคนนอก กรธ.คงต้องนั่งอ่าน ตีความกันอีก ภายใน 15 วัน ต้องชัดเจน ยังไม่รู้ว่ายังไง ต้องขอกลับไปอ่านให้ละเอียดก่อน หากสรุปตามที่เขียนมา 2 ข้อ ก็เพียงแต่มีสิทธิแค่เข้าชื่อยกเว้นการใช้บัญชีรายชื่อพรรคการเมือง เพื่อเปิดประชุมรัฐสภาจากเดิมที่ต้องใช้เสียง ส.ส. 250 เสียง โดยศาลรัฐธรรมนูญให้แก้ไขโดยใช้เสียงของรัฐสภาเกินกึ่งหนึ่ง หรือ 376 เสียง จาก 750 เสียงได้”

ยังไงเสีย คงไม่อ่อนข้อให้ง่ายๆ

ถ้อยความข้างต้นของ “ซือเเป๋มีชัย”ทำให้นึกถึงช่วงก่อนหน้านี้ ที่ กรธ. และศาลรัฐธรรมนูญ ตีกลับร่างฉบับแก้ไขให้สอดคล้องกับคำถามพ่วงประชามติ กันไปกันมา โดยอ้างติดขัดเรื่องเดินเอกสารทางราชการ ให้ สังคมโดยเฉพาะนักการเมืองหูผึ่ง ตั้งข้อสังเกตมาเเล้ว

มาคราวนี้ เชื่อว่า ก็เข้าอีหรอบเดิม

ประธานกรธ. ทำทีเลี่ยงตอบพลิ้วไหวไปตามเรื่อง แต่เอาเข้าจริงขิงแก่กฎหมาย มีหรือจะคิดไม่ออก ความจริงเเทบจะกางปฏิทินรอเเผนสอง เเผนสาม เอาไว้เเล้วด้วย หรือ ถ้าไม่เคลียร์จริงๆ จะให้ “สุพจน์ ไข่มุก”หนึ่งในกรธ. และอดีตศาลรัฐธรรมนูญชุดเก่า ต่อสายตรงยกหูไปสอบถามความชัดเจนรอบที่สองก็ได้ คงไม่มีใครว่ากระมัง !
 
ระดับ“มีชัย”นับกันเอาดูว่าร่างกติกาประเทศมาเเล้วกี่ฉบับ ลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นมือกฎหมายระดับพระกาฬแห่งยุค มีอยู่เต็มเมือง นับไม่รู้เท่าไหร่เป็นเท่าไหร่ จะยอมเสียเชิงกฎหมายทำตามคำเเนะนำง่ายๆ เเบบไม่อิดออดหรือ ?

เเม้จะเป็นคำแนะนำจากศาลรัฐธรรมนูญ ที่เป็นหลักชี้ขาดเรื่องสำคัญระดับประเทศมาตลอดก็ตาม

แต่มีชัย ก็คือมีชัย ขงเบ้ง ก็คือขงเบ้ง

ไม่อย่างนั้นคราวก่อนแมสเซนเจอร์ คงไม่ต้องบิดเเมงกะไซด์ จากรัฐสภาไปศาลรัฐธรรมนูญ - จากรัฐธรรมนูญมารัฐสภา จนน้ำมันเเทบเกลี้ยงถังหรอกเหล่าประชาชี จับตาอย่าขยับจากนี้ ปฏิบัติการเอาคืนอาจเกิดขึ้นในกระบวนการร่างกฎหมายลูก ตามท้องเรื่องเเนวสยองขวัญสุดโหด บ้าระห่ำ 
                  
    จากผู้กำกับมากประสบการณ์ “เซ็ตซีโร่ปัดกวาดองค์กรอิสระยกโขลง” ให้พี่น้องคอการเมืองเเนวซาดิสต์ทั้งหลาย ได้ติดตาม ศาลรัฐธรรมนูญอาจเป็นหนึ่งในนั้น ที่ต้องโดนล้างบาง .