“วิษณุ” เผย “บิ๊กตู่” ไม่สนใครเสนอชื่อนายกฯ ขอแค่มาอย่างสง่า ชี้เป็นไปไม่ได้ ส.ส.ไม่ชง

รองนายกรัฐมนตรีแจงย้อนสมัย สปท.ชงคำถามพ่วง ยันให้ ส.ส.เสนอชื่อและ ส.ว.ร่วมโหวตนายกฯ ก่อน หากไม่ได้ค่อยเอาคนนอก แต่ตอนนี้ชัดแล้วให้วุฒิสภาเลือกกี่ครั้งก็ได้ใน 5 ปี เผยนายกฯ ไม่สนใจใครเสนอชื่อ แต่ต้องมาอย่างสง่างาม ชี้ยังไม่เห็นปัญหา เหตุเป็นไปไม่ได้ที่ ส.ส.ไม่ยอมเสนอชื่อ โยน สนช.แก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวตั้ง 30 สมาชิกเพิ่ม แย้มไม่แต่งตั้งทีเดียว

วันนี้ (24 ส.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 14.30 น. นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขร่างรัฐธรรมนูญให้สอดคล้องกับคำถามพ่วงประชามติว่า การประชุมร่วม ครม.กับ คสช.เมื่อวันที่ 23 ส.ค.เป็นการเรียกประชุมเร่งด่วนเพื่อลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ประเด็นเพิ่มจำนวนสมาชิกนิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เนื่องจากพบว่ามีข้อกฎหมายที่ต้องเร่งดำเนินการแก้ไขออกใหม่ และกฎหมายตามนโยบายรัฐบาลอีกจำนวนมาก จึงตั้งเพื่อให้เข้ามาแบ่งเบาภาระการทำงานของ สนช.ปัจจุบัน

นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนเรื่องคำถามพ่วงประชามตินั้น แต่เดิมเป็นข้อเสนอของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ก่อนที่จะเสนอให้ สนช.พิจารณา โดยข้อเสนอของ สปท.ตอนแรกอ่านแล้วเข้าใจว่าเป็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญในบทถาวร สนช.จึงขอปรับเปลี่ยนให้แก้ไขในบทเฉพาะกาล คือ วาระ 5 ปีตามที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องของการโหวตเลือกนายกฯ ได้มีการพูดถึงในที่ประชุม สปท.ว่าจะสามารถเลือกนายกฯ นอกเหนือจากบัญชีพรรคการเมืองมาใส่ในตะกร้าได้หรือไม่ ซึ่งถูกทักท้วงโดยนายสมชาย แสวงการ สมาชิก สนช.ว่าให้เคารพเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ โดยรอบแรกต้องเลือกนายกฯ ในตะกร้าเป็นหลัก ใครจะได้เป็นนายกฯ ต้องผ่านการเห็นชอบ 376 เสียง

นายวิษณุกล่าวอีกว่า แต่ถ้าเลือกไม่ได้จะเข้าสู่กระบวนการรอบที่สอง ให้ ส.ส.และ ส.ว.ร่วมกันโหวตด้วยคะแนน 2 ใน 3 หรือ 500 เสียง เพื่อยอมให้เอาคนนอกตะกร้า หากไม่ได้ต้องกลับมาเลือกในตะกร้ากันต่อไป ส่วนในรอบที่ 3 ให้เอาชื่อคนที่ถูกเสนอทั้งในและนอกตะกร้ามาแข่งกัน ถ้าใครได้รับการโหวต 376 เสียง จะได้เป็นนายกฯ ส่วนที่ว่าใครจะเป็นคนเสนอชื่อคนนอกตะกร้านั้นก็ไปว่ากัน โดย สนช.ไม่ควรทำ แต่เป็นเรื่องของ กรธ.ที่ต้องทำ แต่วันนี้ชัดเจนแล้วว่า ส.ว.สามารถโหวตเลือกนายกฯ กี่ครั้งก็ได้ภายใน 5 ปี

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะใช้เวลาแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวเพื่อให้ได้ สนช.30 คนมาเติมจากที่มีอยู่แล้ว 220 คนเมื่อไหร่ นายวิษณุกล่าวว่า สนช.จะพิจารณาเรื่องนี้ในวันที่ 26 ส.ค. ไม่ทราบว่าจะพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวได้ 3 วาระรวดหรือไม่ แต่เมื่อพิจารณาเสร็จแล้วจะต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เมื่อทรงลงพระปรมาภิไธยแล้ว หัวหน้า คสช.จะดำเนินการแต่งตั้งได้ โดยไม่จำเป็นแต่งตั้งทั้งหมดทีเดียวก็ได้ แต่สิ่งที่คนไม่ค่อยพูดถึง คือ แม่น้ำ 4 สาย ประกอบด้วย คสช., ครม., สนช. และ สปท. หากใครต้องการลงสมัคร ส.ส. ต้องลาออกจากตำแหน่งภายใน 90 วันนับตั้งแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ ส่วน กรธ.ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองภายใน 2 ปีอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงกรณี สนช.เสนอให้ ส.ว.สามารถเสนอชื่อนายกฯ ได้ รองนายกฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ครม.และ คสช.ไม่เคยพูดเรื่องนี้ และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นคนเสนอ และไม่เข้าใจว่าสังคมต้องสนใจเรื่องนี้ มันจะมีอะไรแตกต่างกันกับเรื่องที่ใครเป็นคนเสนอ คิดกัน หรือว่าถ้า ส.ว.ไม่เสนอแล้ว ส.ส.จะไม่เสนอหรืออย่างไร ตนไม่เห็นว่าเรื่องนี้จะเป็นปัญหา เพราะเป็นไปได้อย่างไรว่าคนที่จะเป็นนายกฯ ไม่มี ส.ส.คบ และไม่ยอมเสนอชื่อ จึงต้องให้ ส.ว.เป็นผู้เสนอ

รองนายกฯ กล่าวว่า ที่เราพูดกันว่าคนนอก-คนใน ก่อนหน้านี้คือคนนอกพรรค คนในพรรค แต่วันนี้คำว่าคนนอกกับคนใน คือ คนนอกตะกร้า กับคนในตะกร้า เมื่ออยู่ในตะกร้าไม่ว่ามาจากไหนถือว่าเป็นคนที่พรรคนั้นเสนอและประกาศให้ประชาชนรู้แต่แรก ไม่ใช่พูดกลางสภาวันที่จะเลือก และหากพรรคใดได้ ส.ส.ไม่ถึง 25 คนจะไม่มีสิทธิเสนอรายชื่อในบัญชีเป็นนายกฯ มีสิทธิเพียงเลือกนายกฯ ในบัญชีของพรรคอื่นเท่านั้น ใครจะเสนอรายชื่อนายกฯ เราไม่ติดใจ แต่สิ่งสำคัญที่นายกฯ พูดเมื่อวันที่ 23 ส.ค.คือ คนจะมาเป็นนายกฯ ต้องมาอย่างสง่างาม เพราะคนเราไม่มีอะไรสำคัญกว่าความสง่างาม

ต่อข้อถามว่า แล้วนายกฯ คนปัจจุบันถือว่าสง่างามหรือไม่ รองนายกฯ ตอบเพียงว่า “แล้วคุณคิดว่าอย่างไร” เมื่อถามย้ำว่า หากมีนายกฯ คนนอก กลัวว่าจะเกิดความวุ่นวายเหมือนปี 2535 หรือไม่ รองนายกฯ ได้ยกคำของพระพุทธเจ้าที่ว่า อย่ากังวลในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง