ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ตรงนี้แสดงให้เห็นว่า การซื้อขายตำแหน่งในระบบไม่มี เพราะหากมีการซื้อขายตำแหน่งเสียเงินเสียทองก็คงได้ตำแหน่งไปแล้ว”....
ทำเท่ห์ๆ ของ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. บอกกับนักข่าวประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อถูกรายล้อมป้อนคำถาม...ก็คงไม่ใช่อื่นไกลนอกจากความอื้อฉาวกรณี ร.ต.อ.ชาญชาย เย็นสุข รอง สว.จร.สน.นิมิตรใหม่ กับภรรยาขึ้น สน.บางซื่อ แจ้งความดำเนินคดีกับ ร.ต.อ.ชนินท์ธัช รัตน์ชิโนตรัย รอง สว.ป.สน.บางรัก ฐานอมเงิน 7 แสนบาท อันเป็นค่าวิ่งเต้นซื้อตำแหน่งสารวัตร
ท่าน ผบ.ตร.แสดงความเห็นอย่างที่นำมาจั่วหัวไว้ ส่วนตรรกะของท่านจะถูก หรือผิดขอให้ติดตามข้อเขียนนี้ไปเรื่อยๆ เพราะอันที่จริงแล้วสังคมทั่วไปทั้งสื่อสายตำรวจ บุคคลที่เกี่ยวข้องไม่เว้นข้าราชการตำรวจที่มีส่วนได้-เสีย ต่างเชื่อกันว่ามีขบวนการซื้อ-ขายตำแหน่งอย่างแน่นอน แต่มันติดอยู่ที่ไม่มีใครหาใบเสร็จได้ เพราะเรื่องแบบนี้หากเรื่องแดงขึ้น มันมีความผิดทั้งคนซื้อ-คนขาย หลายยุคหลายสมัยที่ผ่านมาคน “ถูกอม” จึงทำได้แค่เจ็บช้ำน้ำใจ หรือยกให้เป็น “ค่าโง่” ที่ไปหลงไว้ใจให้กับพวกของปลอมที่ชอบแอบอ้าง
วิธีคิดของ “บิ๊กแป๊ะ” จึงเป็นการยอมรับอีกแบบหนึ่ง...ท่านก็บอกอย่างชัดเจน ถ้าเสียเงินเสียทองซื้อก็คงได้ตำแหน่งไปแล้ว ส่วนที่ไม่ได้ แล้วมาโวยวายกันพวกนั้นคือพวกซื้อขายกันนอกระบบ...แบบนี้เข้าใจผิดหรือเปล่า !!??
ย้อนกลับไปช่วงแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลตำรวจ...ตอนนั้น พล.ร.อ.พะจุณห์ ตามประทีป ออกมาสะกิดสังคมว่า มีการซื้อขายตำแหน่งด้วยเงินหลายล้านบาท ปรากฏว่าบรรดาผู้เกี่ยวข้องจะเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคง กำกับดูแล สตช. ก็ดี หรือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ต่างออกมาปฏิเสธ แถมยังสั่งให้ดำเนินการเอาผิดฐานหมิ่นประมาท และความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
ตำรวจเล่นบทยักษ์ไล่ต้อน พล.ร.อ.พะจุณห์ อยู่ไม่กี่วัน ปรากฏกระแสสังคมตีกลับ ต้องถอยทัพกลับไปตั้งหลักในกรมปทุมวันอย่างไม่เป็นท่า ส่วนผู้หลักผู้ใหญ่เบอร์ 2 ของประเทศ ก็ต้องนัดเคลียร์หัวใจผ่าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี ในข้อกล่าวหาเทียบชั้น เทียบบารมี เรื่องราวจึงค่อยๆ เงียบลง
มาอื้อฉาวกันอีกตอนย้ายตำรวจระดับนายพัน ไล่มาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2558 พิ่งจะเสร็จไปหมาดๆ เมื่อเดือนที่แล้ว...ตอนนั้น “บิ๊กแป๊ะ” ถูกวิพากษ์วิจารณ์เละเป็นโจ๊ก ขนาดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.มอบกระบองยักษ์ มาตรา 44 ให้มาจัดการแก้ไขปัญหา แต่ดูเหมือนว่าปัญหายิ่งพัวพันยิ่งกว่าลิงแก้แห ทั้งการยุบแท่งพนักงานสอบสวน การโยกย้ายข้ามกองบัญชาการ และสลับสับเปลี่ยนตำแหน่งได้ตามใจชอบ
แม้ ผบ.ตร. จะดึงอำนาจการแต่งตั้ง-โยกย้ายมาอย่างเต็มตัว แต่ทีมงานที่ไว้เนื้อเชื่อใจดังกระฉ่อนในเวลานั้นก็คือ “ จ - อ -ก “หรือ โจ๊ก - โอ๋ -กุ้น อันเป็นชื่อเล่นของพล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.ท่องเที่ยว พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ ผบก.จ.สงขลา และ พล.ต.ต.สรไกร พลีธัญญวงศ์ ผบก.จ.สมุทรสาคร
ผลการแต่งตั้งนายตำรวจระดับนี้จึงสับสนอลม่าน เปรียบเสมือนเทศกาลปล่อยผีแต่ไม่วายมีเสียงร่ำลือกันอย่างหนาหูว่า ในความมั่วที่เกิดขึ้นเป็นเจตนาของขบวนการซื้อ-ขายตำแหน่ง และสิ่งที่ถือเป็นเรื่องใหม่ของการแต่งตั้งนั่นก็คือบัญชีรายชื่อแนบท้ายตำรวจที่ได้รับการพิจารณาดันโผล่ออกมายกแผงก่อนคำสั่งจริงจะออก
หากเรียกคำสั่งปลอมคงไม่ถนัดปากนักเพราะคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือก.ตร.เขาชงกันไว้อย่างนั้นจริงๆ แต่ยังไม่ผ่านการพิจารณาของ ผบ.ตร.อันเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ปรากฏการณ์เช่นนี้ใครจะเรียกอะไรก็สุดแท้แต่ หรือจะมองข้อดี-ข้อเสียอย่างไรสุดแต่สติปัญญาของท่าน ที่เขาวิจารณ์ และเป็นข้อสังเกตก็คือ นี่คือการประมูลซื้อ-ขายกันรูปแบบใหม่ ใครมีชื่อเลื่อน หรือย้าย ถ้ามีแรงเสียดทานพอ มีเส้นสาย มีกำลังทรัพย์ ก็สามารถเข้ามาเบียดกันได้
ซื้อ-ขายตำแหน่งว่าเลวแล้ว การประมูลตำแหน่งจะให้เรียกว่าอะไรดี พฤติการณ์แบบนี้แวดวงตำรวจเขารู้กันดี แต่จำใจปิดปากเงียบเพราะกลัวเพทภัย กระทั่ง ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ออกมาเตือนอีกแรง ผลก็คือตำรวจใหญ่ออกมาเต้นแร้งเต้นกา จะเอาผิดอย่างที่เคยกระทำกับ พล.ร.อ.พะจุณห์ มาแล้ว กลายเป็นเรื่องเป็นราว แต่สุดท้ายก็ “ไอ้เสือถอย” เพราะรู้ว่าถ้าปะทะกันจริงๆ อะไรจะเกิดขึ้น....ใครกันแน่เมื่อประดาบแล้วจะเลือดอาบ !!??
หลังคำสั่งแต่งตั้งระดับนายพลผ่านไป นายพลคนดังเจ้าของอักษร ย่อ อ -ก เจอพิษจากปฏิบัติการ ดีเอสไอ.กรณีบ่อนสะเดา และล้งกุ้ง ที่พบมีการใช้แรงงานเด็กผิดกฎหมาย
พล.ต.ต.กฤษกร พลีธัญญวงศ์ ผบก.จ.สงขลา และพล.ต.ต.สรไกร พูลเพิ่ม ผบก.สมุทรสาคร ได้รับเกียรติอยู่ในรายชื่อ 17 สีกากีรวมทั้งกลุ่มส่วยซ่อง “นาตารี” โดนกระบอกยักษ์มาตรา 44 สั่งย้ายด่วน พร้อมกับดาบสองมีการสอบสวนเอาผิดซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในฐานะลูกผีลูกคน
เมื่อกลับมายังคดีซื้อขายตำแหน่งสารวัตร จากข้อมูลในเชิงลึกปรากฏว่า ร.ต.อ.ชนินท์ธัช รัตน์ชิโนตรัย รองสวป. สน.บางรัก คือคนใก้ลชิดของนายพลคนดังคนหนึ่ง พบเห็นกันเป็นประจำในฐานะสารถีประจำตัว
ดังนั้นผลการสอบสวนดำเนินการ หากไม่อยากให้สังคมมองว่าเป็นการ “คัตเอาท์ -ตัดตอน” คณะผู้สอบสวนไม่ว่าจะเป็นพล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. พล.ต.ต.เจริญ ศรีศศลักษณ์ ผบก.น.2 ในฐานะเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุจงอย่าด่วนสรุปให้เป็นความผิดเฉพาะตัวบ้าง เป็นเรื่องหลอกลวงตกเบ็ดอะไรทำนองนั้น
เฉพาะ ผบก.น.2 ซึ่งออกมาชี้นำสร้างความสับสนแต่แรกทั้งประเด็นคืนเงิน 7 แสนบ้าง ไม่ได้ซื้อขายตำแหน่งแต่เอาเงินไปซื้อของขวัญบ้าง กระทั่งด่วนสรุปเตรียมเก็บฉากกันดื้อๆ นอกจากการตัดตอนผุ้ต้องหาแล้วยังมีในส่วนของ “ผู้เสียหาย” หากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือผู้มีอำนาจยังคงยืนยันว่า “คนซื้อ”จะต้องรับโทษด้วยก็เกรงว่าวิธีคิดแบบนี้ก็คือการตัดพยาน ตัดโอกาสของผู้เสียหายรายอื่นๆซึ่งเชื่อว่ามีอีกเยอะ และถ้าทำให้เป็นตัวอย่าง ทำให้เห็นว่า สตช.เอาจริง รัฐบาลเอาจริง ขบวนการเซ็งลี้เก้าอี้จะต้องถูกเปิดโปง คงมีบิ๊กๆอีกหลายคนต้องเดินขึ้นเดินลงศาลสถิตยุติธรรมอย่างแน่นอน
วันเกิดเรื่องท่านนายกรัฐมนตรี ถึงกับควันออกหูบอกว่าได้สั่งสำนักงานฯเรียกตัว 2 ร.ต.อ.มาพบที่ทำเนียบฯแล้ว แถมยืนยันว่าจะไม่ปล่อยให้พวกทำผิดลอยนวล....ขอโทษครับ....นี่ผ่านมา 4-5 วันแล้วลุงตู่ของพวกเราก็ยังเฉยๆ หรือท่านลืม หรือท่านมีภารกิจอื่นๆจนล้นมือ หรือท่านมีข้อมูลใหม่ มีใครมาขอไว้!!??
หากเอาจริง ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูสิ่งแรกที่ควรดำเนินการก็คือตรวจสอบในเชิงลึกว่า ร.ต.อ.ชนินท์ธัช รัตน์ชิโนตรัย รอง สวป.สน.บางรัก มารับตำแหน่งนี้ได้อย่างไร...เพราะโรงพักบางรัก ถือเป็นสถานีเกรด เอ.บวก หากไม่มีเส้นสายจริงไม่มีทางมาอยู่ได้
ประการต่อมามีใครเรียกไปช่วยราชการ หรือปฏิบัติภารกิจอื่นหรือไม่ หรือขอไปช่วยงานเปล่าๆโดยไม่มีหนังสือส่งตัว....สุดท้ายคือการลงละเอียดวัน-เวลาปฏิบัติหน้าที่ ปกติตำแหน่งรอง สวป.จะต้องมีการตั้งด่านธรรมดา และด่านความมั่นคงซึ่งมีเบี้ยเลี้ยงให้กับตำรวจทุกคน....ตรวจสอบดูว่าในช่วง 5-6 เดือนย้อนหลังไปนั้นมาทำงานหรือเปล่า.... เคยลงชื่อตั้งด่านหรือไม่....หากตรวจสอบแล้วมีหลักฐานยืนยันทุกอย่างว่า ร.ต.อ.ชนินท์ธัช ปฏิบัติหน้าที่ทุกวันตามปกติก็ขอให้ตรวจสอบด้วยว่าเป็นการสร้างหลักฐานย้อนหลังหรือเป็นหลักฐานจริง
ขอให้ตรวจสอบกันแค่นี้แหละ หากพิสูจน์ได้ตามนั้นทุกข้อผมคนหนึ่งละที่จะพยายามเชื่อว่าเป็นความผิดเฉพาะตัว ไม่มีคนอื่นเกี่ยวข้อง.... ส่วนที่ใครจะช่วยเหลือใครถือว่าเป็นเรื่องของท่าน สื่อมีหน้าที่สืบค้นหาข้อเท็จจริงก็ว่ากันไปตามหน้าที่ เอาเป็นว่าตอนนี้ยอดภูเขาน้ำแข็งกำลังละลายแล้ว สักวันไม่ช้าไม่นานความจริงต้องปรากฏ.