ริมฝั่งเจ้าพระยา
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กำลังจะตกเป็นเหยื่ออีกรายของตำรวจ เพราะหลังจากออกมาเปิดโปงการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้ง ก็ถูกหมายเรียกไปสอบสวน ตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานเผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย
ก่อนหน้านี้ พล.ร.อ.พระจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) เคยออกมาเปิดโปงการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ก็ถูก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตอบโต้ และถูกตำรวจขู่ดำเนินคดีมาแล้ว
การเปิดโปงการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นประเด็นที่ใหญ่มาก และรัฐบาลต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ จะออกมาปฏิเสธเป็นพัลวัน ดูจะเป็นเรื่องพิกลไปหน่อย
เพราะข้อมูลที่พล.ร.อ.พระจุณณ์หรือดร.อาทิตย์นำเสนอต่อสาธารณชนนั้น ถือเป็นเบาะแส ซึ่งน่าจะนำไปสู่การขยายผล เพื่อกำราบ ปราบปรามการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจ
ถ้าไม่มีการซื้อขายตำแหน่งจริง ถือว่ารัฐบาลได้ทำหน้าที่โดยสมบูรณ์แล้ว โดยเมื่อมีข้อร้องเรียน เมื่อสังคมมีปมข้อสงสัยในพฤติกรรมตำรวจ รัฐบาลก็เข้ามาสอบตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใส และไม่ได้ปกป้องเพื่อหวังใช้ตำรวจเป็น “ลูกมือ” หรือเข้ามาหาประโยชน์จากการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเสียเอง เหมือนรัฐบาลก่อนๆหน้า
แต่ถ้ามีการซื้อขายตำแหน่งจริง ก็ต้องผ่าตัดตำรวจครั้งใหญ่ หรือถึงขั้นตอนปฏิรูปองค์กรแห่งนี้ทันที ไม่ต้องรอรัฐบาลชุดต่อไป ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า
เพราะถ้ามีการซื้อขายตำแหน่ง ย่อมหมายถึงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดให้มีการ “เซ็งลี้” เก้าอี้ และตำรวจที่ทุ่มเงินซื้อตำแหน่งนับสิบล้านบาท ย่อมต้องเห็นช่องทางในการถอนทุนคืน รู้ว่าตำแหน่งที่ได้มา จะนำไปค้าขายหาเงินได้
ตำรวจที่ใช้เครื่องแบบหรืออำนาจหน้าที่หากิน ไม่มีวันที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริตตรงไปตรงมา เมื่อตำรวจละเว้นหรือเลือกปฏิบัติ ชาวบ้านก็จะได้รับความเดือดร้อน หาความเป็นธรรมจากการทำงานของตำรวจไม่ได้
สังคมที่วุ่นวาย ปัญหาหมักหมมมากมาย ไร้ระเบียบ หาความเป็นธรรมอย่างยากลำบาก ต้นเหตุสำคัญส่วนหนึ่ง เกิดจากตำรวจ ซึ่งมีอำนาจล้นฟ้า และแม้แต่รัฐบาลหลายๆ รัฐบาลยังไม่กล้าแตะต้อง
หลายรัฐบาลคอยทำหน้าที่ปกป้องเสียด้วยซ้ำ ใครต่อว่าโจมตีตำรวจ จะ ออกหน้ามาแก้ต่างแทน จนดูเหมือนว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรที่แตะต้องไม่ได้
บางรัฐบาลพยายามทำให้เห็นว่า ตำรวจดีไปหมด ใครติติงการทำงานของตำรวจ จะเป็นเดือดร้อนแทน อ้างว่ากลัวตำรวจเสียกำลังใจ แต่ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนตาดำๆ ที่ได้รับผลกระทบหรือถูกกระทำจากตำรวจ
การซื้อขายตำแหน่งเป็นต้นเหตุของการประพฤติมิชอบของตำรวจ เป็นบ่อเกิดของการทุจริต เป็นต้นธารของการรีดไถ รับส่วย ค้าคดีความ และทำให้สังคมไม่มีความสงบสุข
เพราะเมื่อกลุ่มคนที่ถือปืน มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ทำงานเพื่อรับใช้ประชาชน แต่สวมเครื่องแบบเพื่อมุ่งกอบโกยผลประโยชน์ สังคมจึงฟอนเฟะไร้กติกาเหมือนทุกวันนี้
การโวยวายร้องตีโพยตีพายกับคนที่ออกมาแจ้งเบาะแสตำรวจซื้อขายตำแหน่งนั้น รัฐบาลสามารถทำได้ ในฐานะผู้บังคับบัญชาตำรวจทุกคน แต่การจะออกมาอาละวาด ควรเกิดขึ้นภายหลังจากตรวจสอบว่า ตำรวจซื้อขายเก้าอี้กันจริงหรือไม่ ซึ่งกระบวนการตรวจสอบไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนหรือเสียเวลามากมาย
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาอยู่อีกอย่างน้อยเกือบ 2 ปี มีเวลาที่จะสอบสวนกรณีซื้อขายเก้าอี้ เพื่อแถลงให้ประชาชนเกิดความสบายใจได้ว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่กลัวตำรวจ ไม่เลี้ยงตำรวจ และพร้อมเล่นงานตำรวจที่สวมเครื่องแบบหากินอย่างจริงจัง
ถ้าจะตรวจสอบว่า ตำรวจเซ็งลี้ตำแหน่งกันจริงหรือไม่ ไม่ควรให้ตำรวจตรวจสอบกันเอง แล้วรายงานมาให้รัฐบาลรับทราบ เพราะรัฐบาลอาจกลายเป็นตัวตลกที่ถูกหลอก และผลการตรวจสอบคงไม่ใช่ข้อเท็จจริง ดังนั้นจึงต้องให้องค์กรอิสระและเป็นกลางทำหน้าที่ตรวจสอบ
ความจริงรายงานผลการศึกษาพฤติกรรมของตำรวจมีอยู่มากมาย และเคยถูกนำมาตีแผ่ให้ประชาชนรับรู้กันมาตลอด แต่ไม่เคยมีรัฐบาลชุดใด “ใจถึง” ไม่เคยมีรัฐบาลชุดใดมีความตั้งใจจริงในการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
งานวิจัยพฤติกรรมตำรวจ ซึ่งเป็นต้นธารแห่งปัญหาความชั่วร้ายมากมายในสังคม จึงเป็นเพียงการประจานองค์กรแห่งนี้เท่านั้น ซึ่งตำรวจทนต่อการถูกประณามได้เสมอ ไม่เช่นนั้นคงปรับปรุงตัวมานานแล้ว และไม่ควรมีใครเป็นห่วงว่า ตำรวจจะเสียกำลังใจในการทำงาน
การขู่ดำเนินคดีกับ พล.ร.อ.พระจุณณ์และ ดร.อาทิตย์นั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่า การ “ปิดปาก” คนที่ออกมาเปิดโปงความฉาวโฉ่ในวงการสีกากี
รัฐบาลไม่อยากรู้ว่า การเซ็งลี้เก้าอี้ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง เพราะถ้าอยากรู้ หาคำตอบง่ายนิดเดียว แค่ลองสุ่มถามชาวบ้านดูก็ได้คำตอบแล้ว
รับประกันได้เลยว่า ชาวบ้านร้อยละ 99 พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พล.ร.อ.พระจุณณ์และดร.อาทิตย์ไม่ได้พูดโกหก แต่นำเรื่องจริงแท้และแน่นอนมาบอกให้รัฐบาลฟัง
รัฐบาลไม่ฟังไม่เป็นไร แต่กลับโวยวาย จะเล่นคนที่นำเรื่องจริงมาเปิดโปงนี่ซิ ชาวบ้านชักจะรับไม่ไหว
โดย...สุนันท์ ศรีจันทรา
ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต กำลังจะตกเป็นเหยื่ออีกรายของตำรวจ เพราะหลังจากออกมาเปิดโปงการซื้อขายตำแหน่งในการแต่งตั้ง ก็ถูกหมายเรียกไปสอบสวน ตามความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฐานเผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสียหาย
ก่อนหน้านี้ พล.ร.อ.พระจุณณ์ ตามประทีป สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) เคยออกมาเปิดโปงการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ก็ถูก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมตอบโต้ และถูกตำรวจขู่ดำเนินคดีมาแล้ว
การเปิดโปงการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นประเด็นที่ใหญ่มาก และรัฐบาลต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ จะออกมาปฏิเสธเป็นพัลวัน ดูจะเป็นเรื่องพิกลไปหน่อย
เพราะข้อมูลที่พล.ร.อ.พระจุณณ์หรือดร.อาทิตย์นำเสนอต่อสาธารณชนนั้น ถือเป็นเบาะแส ซึ่งน่าจะนำไปสู่การขยายผล เพื่อกำราบ ปราบปรามการซื้อขายตำแหน่งในวงการตำรวจ
ถ้าไม่มีการซื้อขายตำแหน่งจริง ถือว่ารัฐบาลได้ทำหน้าที่โดยสมบูรณ์แล้ว โดยเมื่อมีข้อร้องเรียน เมื่อสังคมมีปมข้อสงสัยในพฤติกรรมตำรวจ รัฐบาลก็เข้ามาสอบตรวจสอบ เพื่อความโปร่งใส และไม่ได้ปกป้องเพื่อหวังใช้ตำรวจเป็น “ลูกมือ” หรือเข้ามาหาประโยชน์จากการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจเสียเอง เหมือนรัฐบาลก่อนๆหน้า
แต่ถ้ามีการซื้อขายตำแหน่งจริง ก็ต้องผ่าตัดตำรวจครั้งใหญ่ หรือถึงขั้นตอนปฏิรูปองค์กรแห่งนี้ทันที ไม่ต้องรอรัฐบาลชุดต่อไป ไม่ต้องรอถึงชาติหน้า
เพราะถ้ามีการซื้อขายตำแหน่ง ย่อมหมายถึงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเปิดให้มีการ “เซ็งลี้” เก้าอี้ และตำรวจที่ทุ่มเงินซื้อตำแหน่งนับสิบล้านบาท ย่อมต้องเห็นช่องทางในการถอนทุนคืน รู้ว่าตำแหน่งที่ได้มา จะนำไปค้าขายหาเงินได้
ตำรวจที่ใช้เครื่องแบบหรืออำนาจหน้าที่หากิน ไม่มีวันที่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์สุจริตตรงไปตรงมา เมื่อตำรวจละเว้นหรือเลือกปฏิบัติ ชาวบ้านก็จะได้รับความเดือดร้อน หาความเป็นธรรมจากการทำงานของตำรวจไม่ได้
สังคมที่วุ่นวาย ปัญหาหมักหมมมากมาย ไร้ระเบียบ หาความเป็นธรรมอย่างยากลำบาก ต้นเหตุสำคัญส่วนหนึ่ง เกิดจากตำรวจ ซึ่งมีอำนาจล้นฟ้า และแม้แต่รัฐบาลหลายๆ รัฐบาลยังไม่กล้าแตะต้อง
หลายรัฐบาลคอยทำหน้าที่ปกป้องเสียด้วยซ้ำ ใครต่อว่าโจมตีตำรวจ จะ ออกหน้ามาแก้ต่างแทน จนดูเหมือนว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นองค์กรที่แตะต้องไม่ได้
บางรัฐบาลพยายามทำให้เห็นว่า ตำรวจดีไปหมด ใครติติงการทำงานของตำรวจ จะเป็นเดือดร้อนแทน อ้างว่ากลัวตำรวจเสียกำลังใจ แต่ไม่เคยมีรัฐบาลชุดไหน ตระหนักถึงความเดือดร้อนของประชาชนตาดำๆ ที่ได้รับผลกระทบหรือถูกกระทำจากตำรวจ
การซื้อขายตำแหน่งเป็นต้นเหตุของการประพฤติมิชอบของตำรวจ เป็นบ่อเกิดของการทุจริต เป็นต้นธารของการรีดไถ รับส่วย ค้าคดีความ และทำให้สังคมไม่มีความสงบสุข
เพราะเมื่อกลุ่มคนที่ถือปืน มีอำนาจบังคับใช้กฎหมาย แต่ไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ไม่ทำงานเพื่อรับใช้ประชาชน แต่สวมเครื่องแบบเพื่อมุ่งกอบโกยผลประโยชน์ สังคมจึงฟอนเฟะไร้กติกาเหมือนทุกวันนี้
การโวยวายร้องตีโพยตีพายกับคนที่ออกมาแจ้งเบาะแสตำรวจซื้อขายตำแหน่งนั้น รัฐบาลสามารถทำได้ ในฐานะผู้บังคับบัญชาตำรวจทุกคน แต่การจะออกมาอาละวาด ควรเกิดขึ้นภายหลังจากตรวจสอบว่า ตำรวจซื้อขายเก้าอี้กันจริงหรือไม่ ซึ่งกระบวนการตรวจสอบไม่ได้ยุ่งยากซับซ้อนหรือเสียเวลามากมาย
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาอยู่อีกอย่างน้อยเกือบ 2 ปี มีเวลาที่จะสอบสวนกรณีซื้อขายเก้าอี้ เพื่อแถลงให้ประชาชนเกิดความสบายใจได้ว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่กลัวตำรวจ ไม่เลี้ยงตำรวจ และพร้อมเล่นงานตำรวจที่สวมเครื่องแบบหากินอย่างจริงจัง
ถ้าจะตรวจสอบว่า ตำรวจเซ็งลี้ตำแหน่งกันจริงหรือไม่ ไม่ควรให้ตำรวจตรวจสอบกันเอง แล้วรายงานมาให้รัฐบาลรับทราบ เพราะรัฐบาลอาจกลายเป็นตัวตลกที่ถูกหลอก และผลการตรวจสอบคงไม่ใช่ข้อเท็จจริง ดังนั้นจึงต้องให้องค์กรอิสระและเป็นกลางทำหน้าที่ตรวจสอบ
ความจริงรายงานผลการศึกษาพฤติกรรมของตำรวจมีอยู่มากมาย และเคยถูกนำมาตีแผ่ให้ประชาชนรับรู้กันมาตลอด แต่ไม่เคยมีรัฐบาลชุดใด “ใจถึง” ไม่เคยมีรัฐบาลชุดใดมีความตั้งใจจริงในการปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
งานวิจัยพฤติกรรมตำรวจ ซึ่งเป็นต้นธารแห่งปัญหาความชั่วร้ายมากมายในสังคม จึงเป็นเพียงการประจานองค์กรแห่งนี้เท่านั้น ซึ่งตำรวจทนต่อการถูกประณามได้เสมอ ไม่เช่นนั้นคงปรับปรุงตัวมานานแล้ว และไม่ควรมีใครเป็นห่วงว่า ตำรวจจะเสียกำลังใจในการทำงาน
การขู่ดำเนินคดีกับ พล.ร.อ.พระจุณณ์และ ดร.อาทิตย์นั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่า การ “ปิดปาก” คนที่ออกมาเปิดโปงความฉาวโฉ่ในวงการสีกากี
รัฐบาลไม่อยากรู้ว่า การเซ็งลี้เก้าอี้ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริง เพราะถ้าอยากรู้ หาคำตอบง่ายนิดเดียว แค่ลองสุ่มถามชาวบ้านดูก็ได้คำตอบแล้ว
รับประกันได้เลยว่า ชาวบ้านร้อยละ 99 พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พล.ร.อ.พระจุณณ์และดร.อาทิตย์ไม่ได้พูดโกหก แต่นำเรื่องจริงแท้และแน่นอนมาบอกให้รัฐบาลฟัง
รัฐบาลไม่ฟังไม่เป็นไร แต่กลับโวยวาย จะเล่นคนที่นำเรื่องจริงมาเปิดโปงนี่ซิ ชาวบ้านชักจะรับไม่ไหว