xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

กรรมไล่ล่า ฟ้องอีก 7 ราย เอี่ยวคดี “บุญทรง” โกงขายข้าวจีทูจี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -มหากาพย์โคตรโกงจำนำข้าวคดีที่สุดอื้อฉาวของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ยังมีเรื่องราวต่อเนื่องไม่หยุด ล่าสุด อัยการสูงสุด ยื่นฟ้องเอกชนเพิ่มอีก 7ราย ที่ร่วมกันกับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กระทำผิดทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ซึ่งมีพฤติกรรมเจี๊ยะทูเจี๊ยะจนกรรมไล่ล่าตามมาทันในวันนี้

กรรมตามทันคราวนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากสำนวนคดีที่คณะป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ไต่สวนคดีการทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าวแล้วส่งให้สำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้ฟ้องคดี โดยส่วนนี้เป็นกลุ่มเอกชนที่ร่วมสนับสนุนการกระทำความผิดของนายบุญทรง กับพวก ซึ่งอัยการสูงสุดได้ฟ้องคดีไปแล้วก่อนหน้านี้แล้ว

นายชุติชัย สาขากร รองอัยการสูงสุด พร้อมด้วยนายกิตินันท์ ธัชประมุข รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน และ นายพันธุ์โชติ บุญศิริ อัยการพิเศษฝ่ายการสอบสวน 1คณะทำงานอัยการคดีโครงการรับจำนำข้าวและระบายข้าว แถลงหลังการยื่นฟ้องคดี โดยเท้าความว่า คดีดังกล่าวเป็นคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ส่งสำนวนการไต่สวนให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องบริษัท กวางตุ้ง จำกัด (Guangdong stationery & sporting goods imp.& exp. Corp.) กับพวกรวม14 คน ที่ร่วมกันกระทำการสนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต กรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐในโครงการรับจำนำข้าว

หลังจากรับสำนวนคดีมาจาก ป.ป.ช. อัยการสูงสุด พิจารณาแล้วมีความเห็นว่า พยานหลักฐานยังมีข้อไม่สมบูรณ์ จึงตั้งคณะทำงานร่วม ป.ป.ช.-อัยการสูงสุด เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานให้สมบูรณ์ ต่อมา คณะทำงานร่วมฯ รวบรวมพยานหลักฐานแล้วได้ข้อยุติเกี่ยวกับการดำเนินคดี จึงส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องร้อง

แต่อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุด พิจารณาแล้ว ยังคงมีความเห็นว่า ในส่วนของบริษัท กวางตุ้งฯ กับพวกซึ่งเป็นนิติบุคคล รวมทั้งผู้แทน หรือเจ้าหน้าที่นิติบุคคลจากสาธารณรัฐประชาชนจีน รวม 7 คน มีข้อไม่สมบูรณ์ จึงให้ดำเนินการไต่สวนเพิ่มเติมตามกฎหมาย และอยู่ระหว่างการดำเนินการขอความร่วมมือทางอาญา

นั่นหมายความว่า ผู้ถูกกล่าวหาในส่วนนี้ คือ ตัวแทนจากจีนที่มาซื้อข้าว ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญที่จะสาวไปยังตัวการใหญ่ ยังลอยนวล อัยการสูงสุด ยังไม่สั่งฟ้องคดี หลังจากไต่สวนเพิ่มเติมมาแล้วสองยก

มีแต่ส่วนที่เป็นบริษัทคนไทยที่อัยการสูงสุดส่งฟ้องคือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร กับพวกรวม 7 คน ซึ่งมีพยานหลักฐานสมบูรณ์เพียงพอต่อการฟ้องร้อง ทาง ร.ต.ต.พงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อัยการสูงสุด จึงมีคำสั่งให้ดำเนินคดีฟ้องนิติบุคคลกับพวกกลุ่มนี้ไปก่อน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2559ที่ผ่านมา ทางผู้แทนอัยการสูงสุด จึงนำคำฟ้อง และสำนวนการไต่สวน ป.ป.ช.รวมถึงหลักฐานต่างๆ 300 กล่อง เอกสาร 2,280แฟ้ม ความหนาประมาณ 85,990 แผ่น ยื่นฟ้องห้างหุ้นส่วนจำกัด โรงสีกิจทวียโสธร โดยนายทวี อาจสมรรถ หุ้นส่วนผู้จัดการ, นายทวี อาจสมรรถ, บริษัท กิจทวียโสธรไรซ์ จำกัดโดยนายทวี อาจสมรรถ กรรมการ, บริษัท เค.เอ็ม.ซี. อินเตอร์ไรซ์ (2002)จำกัด โดยนายปกรณ์ ลีศิริกุล กรรมการ, นายปกรณ์ ลีศิริกุล, บริษัท เจียเม้ง จำกัดโดยนางประพิศ มานะธัญญา กรรมการ และนางประพิศมานะธัญญา เป็นจำเลยที่ 1-7 ต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นคดีหมายเลขดำ อม. 1/2559ในความผิดฐานร่วมกันกระทำการสนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และโดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157, 83, 86และ 91และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542มาตรา 4 และมาตรา 123/1ตามที่ ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา

หลังจากนั้น ศาลฎีกาฯ นัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องหรือไม่ ในวันที่ 25กุมภาพันธ์ 2559 เวลา 10.00 น.

ผู้แทนอัยการสูงสุด ระบุว่า คดีที่ฟ้องเอกชน 7ราย เพิ่มมีข้อเท็จจริงเกี่ยวพันกันและมีพยานหลักฐานชุดเดียวกันกับคดีอาญาหมายเลขดำ อม.25/2558 ที่ยื่นฟ้องนายบุญทรงกับพวก ดังนั้น อัยการจึงได้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาฯ ขอรวมพิจารณาด้วยแล้ว แต่ต้องรอฟังคำสั่งศาลว่าจะอนุญาตหรือไม่

นายชุติชัย อธิบายการกระทำความผิดและนำไปสู่การยื่นฟ้องเอกชนเพิ่ม 7รายว่า มีพฤติการณ์กระทำผิดต่อเนื่องจากนโยบายการจำนำข้าว ที่อัยการสูงสุด ได้ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และยื่นฟ้อง นายบุญทรง กับพวก ทุจริตการระบายข้าว โดยเอกชนทั้ง 7 ราย รับข้าวมาตามสัญญา และมีการจ่ายแคชเชียร์เช็คแต่กลับไม่มีการส่งข้าวจริงไปยังต่างประเทศ แต่ข้าวนั้น กลับมีการหมุนเวียนอยู่ในตลาดประเทศไทย ซึ่งอัยการพร้อมที่จะแสดงหลักฐานให้ผู้พิพากษาและสังคมทราบว่า มีความเสียหายเกิดขึ้นอย่างไร ที่มีการทุจริตในสัญญา 4ฉบับ

ส่วนนิติบุคคลของจีนและชาวจีน อีก 7 ราย ที่ยังไม่ได้ตัวมาดำเนินคดีนั้นพร้อมกันนี้ เนื่องจากสำนวนยังพบข้อไม่สมบูรณ์ จึงยังอยู่ระหว่างการพิจารณาคณะกรรมการร่วมอัยการกับทางป.ป.ช.อีกทั้งยังติดปัญหาการส่งเอกสารแจ้งข้อกล่าวหา ให้กลุ่มเอกชนชาวจีน ที่มีถิ่นพำนักอยู่ในประเทศจีน กระบวนการจึงต้องรอติดตามตัวผู้ต้องหาชาวจีนที่เหลือมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไทย ซึ่งจะมีอายุความ 20 ปี และแม้ว่าขณะนี้ยังไม่ได้ตัวเข้ามาสู่สำนวนแต่ก็ไม่กระทบกับคดีที่ได้ยื่นฟ้องนายบุญทรง อดีต รมว.พาณิชย์ กับเอกชน โดยการยื่นฟ้องเอกชนไทยเพิ่ม 7ราย ก็จะแสดงให้เห็นถึงการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐและเอกชน ซึ่งจะทำให้เห็นภาพการทุจริตระบายข้าวอย่างครบวงจร

นายกิตินันท์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า พยานหลักฐานในส่วนพยานบุคคล คดีที่ฟ้องคดีเอกชน 7รายเพิ่มเติมวันนี้ มีประมาณ 80 % เป็นพยานชุดเดียวกับคดีนายบุญทรง ดังนั้นจึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะแสดงให้ศาลเห็นความชัดเจนเรื่องของการทุจริตได้

เหตุที่ฝ่ายอัยการมั่นใจเพราะมีความชัดเจนอยู่ตรงที่ข้าวที่บริษัทฯ ซื้อเป็นข้าวที่กรมการค้าต่างประเทศ ทำสัญญาขายให้กับบริษัทจีน 2 บริษัท แต่กลับไปเอาเงินของนิติบุคคลในประเทศ ไปชำระราคา แล้วนำข้าวไปให้นิติบุคคลในประเทศ โดยเฉพาะนิติบุคคลที่อัยการฟ้องเป็นเจ้าของโกดังที่เก็บข้าว ซึ่งบุคคลเหล่านั้นน่าจะรู้อยู่แล้วว่าการซื้อขายข้าวในโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวโดยสัญญาจีทูจี จะต้องไม่ได้ขายในประเทศ การที่นิติบุคคลออกเช็คไปชำระหนี้ให้กับกรมการค้าต่างประเทศ จึงเท่ากับว่าสนับสนุนเจ้าพนักงานให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

อย่างไรก็ตาม อัยการสูงสุด ไม่มีการฟ้องเรียกรับค่าปรับจำเลยทั้ง7 ราย เหมือนกรณีของนายบุญทรง แต่อาจจะฟ้องเป็นทางแพ่ง

ส่วนความคืบหน้าของคดีที่อัยการสูงสุด ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ อดีตนายก ฯ โครงการรับจำนำข้าวนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะนัดไต่สวนพยานครั้งแรกในวันที่ 15 มกราคม 2559 เวลา 09.30 น. ซึ่งนางสาวยิ่งลักษณ์จะต้องเดินทางมาเพื่อเข้ารับฟังการไต่สวนพยานในวันนั้นด้วย โดยคณะทำงานอัยการโจทก์ เตรียม ดร.นิพนธ์ พัวพงศกร อดีตประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ เบิกความเป็นพยานปากแรกเพื่อนำสืบภาพรวมโครงการจำนำข้าว , นายประจักษ์ บุญยัง รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และสื่อมวลชนที่นำสืบรายละเอียดข่าวโครงการจำนำข้าว กับเจ้าหน้าที่รัฐอีก 3 ปาก

แน่นอน ในช่วงก่อนวันก่อนจะขึ้นศาล ย่อมต้องมีกระบวนการโน้มน้าวกระแสสังคมให้เห็นอกเห็นใจอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศไทย โดยลิ่วล้อรอบข้างที่ถนัดเล่นบทนี้ไม่มีใครเกินนายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวงในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ช่วงปี 2545-2549 กระทั่ง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ ต้องออกมาเขียนจดหมายฝากผ่าน"ยิ่งลักษณ์" ไปสอนนายวัฒนา จอมโวยเบอร์หนึ่งแห่งยุคของพรรคเพื่อไทยในโมงยามนี้ ให้หยุดกล่าวหากระบวนการยุติธรรมในคดีโกงจำนำข้าวเสียที

จดหมายจากหมอวรงค์ ตอกหน้านายวัฒนา ว่า โครงการจำนำข้าวนั้นดี ไม่ผิดที่คิดต้องการช่วยเหลือชาวนา แต่ที่ผิดคือ พวกพากันโกงกินอย่างโจ่งครึ่มต่างหาก

การออกมาร้องแรกแหกกระเชอของพลพรรคเพื่อไทยก่อนนายหญิงขึ้นศาล เป็นเหมือนสัญญาณที่บอกถึงการดิ้นรนเอาตัวรอดเฮือกสุดท้ายของพี่น้องชินวัตรและพวกพ้อง


กำลังโหลดความคิดเห็น