“พาณิชย์” ย้ำส่งหนังสือถึงกรมบังคับคดีเพื่อดำเนินการยึดทรัพย์นักการเมืองและข้าราชการ 6 ราย ทุจริตขายข้าวจีทูจี 2 หมื่นล้านบาทแล้ว แต่เจอทั้ง 6 รายเล่นแง่ยื่นฟ้องศาลปกครองให้ยกเลิกคำสั่ง จึงต้องรอคำสั่งศาลก่อน
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ส่งหนังสือบังคับทางปกครองไปยังกรมบังคับคดี เพื่อขอให้ดำเนินการเรียกค่าเสียหายกรณีการขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 4 สัญญา ปริมาณ 6.2 ล้านตัน มูลค่าความเสียหาย 2 หมื่นล้านบาท กับนักการเมืองและข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้ง 6 ราย หลังจากที่ได้มีการส่งหนังสือเตือนให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งครบกำหนดระยะเวลา 15 วันไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ล่าสุดนักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 รายได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองแล้ว เพื่อขอให้ยกเลิกคำสั่งบังคับทางปกครองชดใช้ค่าเสียหายจีทูจีข้าว และขอให้ทุเลาการบังคับคดี หากศาลปกครองพิจารณาแล้วมีคำสั่งทุเลา การดำเนินการดังกล่าวก็จะหยุดไว้ก่อนเพื่อรอการพิจารณาทางคดีของศาลปกครอง แต่หากศาลมีคำสั่งไม่ทุเลา กรมบังคับคดีก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนการบังคับทางปกครองเพื่อยึดทรัพย์กับบุคคลที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายต่อไป
“ขั้นตอนของกระทรวงพาณิชย์เสร็จสิ้นแล้ว หลังจากครบกำหนดการส่งหนังสือแจ้งเตือนเป็นครั้งที่ 2 ใน 15 วันก็ส่งหนังสือไปยังกรมบังคับคดี ตาม ม.44 ที่ออกคำสั่งมา ซึ่งกรมบังคับคดีจะทำการสืบค้นว่าทรัพย์อยู่ตรงไหนบ้าง และต้องใช้ระยะเวลา แต่หากศาลปกครองมีคำสั่งทุเลา ขั้นตอนทุกอย่างก็จะหยุดไว้ก่อน และไปเข้าสู่กระบวนการของศาลแทน” นางดวงพรกล่าว
นางดวงพรกล่าวว่า สำหรับการเรียกร้องค่าเสียหายในส่วนโครงการรับจำนำข้าวที่มีการเรียกเก็บจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวงเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท หรือสัดส่วน 20% จากวงเงินรวมค่าเสียหายจำนำข้าว 1.78 แสนล้านบาท และอีกสัดส่วน 80% หรือประมาณ 1.4 แสนล้านบาท จะเรียกจากผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีรายชื่อที่ รมว.ยุติธรรมสรุปออกมาเบื้องต้นถึง 6,000 รายชื่อนั้น มองว่าผลสรุปสุดท้ายคงไม่ถึง 6,000 รายชื่อ เนื่องจากการสรุปบุคคลที่เกี่ยวข้องออกมาเป็นการตั้งต้นเพื่อแสวงหาข้อมูลบุคคลที่เกี่ยวข้องจริงๆ และผู้ที่ต้องรับผิดชอบควรเป็นผู้กำหนดนโยบายมากกว่าผู้ปฏิบัติงานตามคำสั่งของโครงสร้างคณะกรรมการ
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า นักการเมืองและอดีตข้าราชการ 6 รายที่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ได้แก่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ต้องชดใช้ค่าเสียหาย 1,770 ล้านบาท, นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ 2,300 ล้านบาท ส่วน พ.ต.ท.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ต้องชดใช้ค่าเสียหายคนละ 4,000 ล้านบาท
นางดวงพรกล่าวอีกว่า ช่วงต้นเดือน ม.ค. 2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เพื่อพิจารณาแนวทางการระบายข้าวในสต๊อกที่เหลืออยู่ประมาณ 8 ล้านตัน เพราะมีทั้งข้าวเสื่อมและข้าวคุณภาพที่บริโภคได้ โดยจะมีการหารือถึงข้อเสนอของกระทรวงพลังงานที่จะขอซื้อข้าวเสื่อมไปผลิตเอทานอล 4-5 ล้านตัน และการระบายในส่วนของข้าวคุณภาพที่บริโภคได้อีก 3 ล้านตัน เพราะหากมีแนวทางชัดเจนก็จะสามารถระบายข้าวที่เหลืออยู่ในสต๊อกได้ทั้งหมดภายในปีหน้าแน่นอน และจะเป็นผลดีต่อรัฐบาลในการลดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา ที่ปัจจุบันเฉลี่ยเดือนละ 510 ล้านบาท หรือวันละ 17 ล้านบาทลงได้
ส่วนการหาตลาดให้กับข้าวไทย ล่าสุดกำลังเจรจาเพื่อส่งมอบข้าวจีทูจีแสนตันที่ 2 ในเดือน ม.ค.-ก.พ. 2560 ให้แก่จีน และยังมีแนวโน้มที่ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียจะเปิดซื้อข้าวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี ซึ่งไทยน่าจะขายได้ และจะส่งผลดีทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับการส่งออกข้าวไทย ตั้งแต่เดือน ม.ค.-14 ธ.ค. 2559 ส่งออกได้แล้ว 9.3 ล้านตัน มูลค่าราว 4,100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.46 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% และคาดว่าทั้งปีจะส่งออกได้ 9.5 ล้านตัน มูลค่า 1.49 แสนล้านบาท