ผู้จัดการรายวัน360-"พาณิชย์"ย้ำส่งหนังสือถึงกรมบังคับคดี เพื่อดำเนินการยึดทรัพย์นักการเมืองและข้าราชการ 6 ราย ทุจริตขายข้าวจีทูจี 2 หมื่นล้านบาทแล้ว แต่เจอทั้ง 6 รายเล่นแง่ ยื่นฟ้องศาลปกครองให้ยกเลิกคำสั่ง หากศาลรับ ต้องรอคำสั่งศาลก่อน ป.ป.ท.นัดถกความคืบหน้าคดีตามเงินค่าเสียหายจำนำเจ๊งส่วน 80% วันที่ 23 ธ.ค.นี้ "หมอวรงค์"ยอมชม "ปู" ที่กำลังชวนซื้อข้าวจากชาวนามอบเป็นของขวัญปีใหม่ เหตุช่วยชาวนาได้จริง ไม่เหมือนจำนำ
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ส่งหนังสือบังคับทางปกครองไปยังกรมบังคับคดี เพื่อขอให้ดำเนินการเรียกค่าเสียหายกรณีการขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 4 สัญญา ปริมาณ 6.2 ล้านตัน มูลค่าความเสียหาย 2 หมื่นล้านบาท กับนักการเมืองและข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้ง 6 ราย หลังจากที่ได้มีการส่งหนังสือเตือนให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งครบกำหนดระยะเวลา 15 วันไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ล่าสุดนักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 ราย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองแล้ว เพื่อขอให้ยกเลิกคำสั่งบังคับทางปกครองชดใช้ค่าเสียหายจีทูจีข้าว และขอให้ทุเลาการบังคับคดี หากศาลปกครองพิจารณาแล้วมีคำสั่งทุเลา การดำเนินการดังกล่าวก็จะหยุดไว้ก่อน เพื่อรอการพิจารณาทางคดีของศาลปกครอง แต่หากศาลมีคำสั่งไม่ทุเลา กรมบังคับคดีก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนการบังคับทางปกครอง เพื่อยึดทรัพย์กับบุคคลที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายต่อไป
"ขั้นตอนของกระทรวงพาณิชย์เสร็จสิ้นแล้ว หลังจากครบกำหนดการส่งหนังสือแจ้งเตือนเป็นครั้งที่ 2 ใน 15 วัน ก็ส่งหนังสือไปยังกรมบังคับคดี ตามม. 44 ที่ออกคำสั่งมา ซึ่งกรมบังคับคดีจะทำการสืบค้นว่าทรัพย์อยู่ตรงไหนบ้าง และต้องใช้ระยะเวลา แต่หากศาลปกครองมีคำสั่งทุเลา ขั้นตอนทุกอย่าง ก็จะหยุดไว้ก่อน และไปเข้าสู่กระบวนการของศาลแทน” นางดวงพรกล่าว
สำหรับนักการเมืองและอดีตข้าราชการ 6 ราย ที่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ได้แก่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ต้องชดใช้ค่าเสียหาย 1,770 ล้านบาท , นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ 2,300 ล้านบาท ส่วนพ.ต.ท.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรมว.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ต้องชดใช้ค่าเสียหายคนละ 4,000 ล้านบาท
นางดวงพร กล่าวอีกว่า ช่วงต้นเดือนม.ค.2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เพื่อพิจารณาแนวทางการระบายข้าวในสต๊อกที่เหลืออยู่ประมาณ 8 ล้านตัน เพราะมีทั้งข้าวเสื่อมและข้าวคุณภาพที่บริโภคได้ โดยจะมีการหารือถึงข้อเสนอของกระทรวงพลังงานที่จะขอซื้อข้าวเสื่อมไปผลิตเอทานอล 4-5 ล้านตัน และการระบายในส่วนของข้าวคุณภาพที่บริโภคได้อีก 3 ล้านตัน เพราะหากมีแนวทางชัดเจน ก็จะสามารถระบายข้าวที่เหลืออยู่ในสต๊อกได้ทั้งหมดภายในปีหน้าแน่นอน และจะเป็นผลดีต่อรัฐบาลในการลดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา ที่ปัจจุบันเฉลี่ยเดือนละ 510 ล้านบาท หรือวันละ 17 ล้านบาทลงได้
ส่วนการหาตลาดให้กับข้าวไทย ล่าสุดกำลังเจรจาเพื่อส่งมอบข้าวจีทูจีแสนตันที่ 2 ในเดือนม.ค.-ก.พ.2560 ให้กับจีน และยังมีแนวโน้มที่ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียจะเปิดซื้อข้าวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี ซึ่งไทยน่าจะขายได้ และจะส่งผลดีทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับการส่งออกข้าวไทย ตั้งแต่เดือนม.ค.-14 ธ.ค.2559 ส่งออกได้แล้ว 9.3 ล้านตัน มูลค่าราว 4,100ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.46 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% และคาดว่าทั้งปีจะส่งออกได้ 9.5 ล้านตัน มูลค่า 1.49 แสนล้านบาท
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามค่าเสียหายทางแพ่งจากโครงการรับจำนำข้าว ในส่วน 80% จากฝ่ายปฏิบัติ ว่า ขณะนี้มีคดีเข้ามายัง ป.ป.ท. กว่า 986 คดี มีคำสั่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาไต่สวนแล้ว 911 คดี โดยวันที่ 23 ธ.ค.นี้ จะเชิญคณะอนุกรรมการไต่สวนมาพูดคุยวิธีการทำงานให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพราะในแต่ละคดีมีมูลเหตุเดียวกัน และรูปแบบคล้ายคลึงกัน แต่ยืนยันว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี โดยเมื่อไต่สวนเสร็จแล้วจะเร่งรายงานให้กับนายกรัฐมนตรีรับทราบ โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
ด้านนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชวนซื้อข้าวโดยตรงจากชาวนาเพื่อเป็นของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า ต้องขอบคุณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ขานรับแนวคิดนี้ เพราะการให้ชาวนาปลูกเอง สีเอง ขายเอง ก็น่าจะยั่งยืนกว่านโยบายรับจำนำข้าว ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ดำเนินการจนสร้างความเสียหาย เพราะเกิดการทุจริตในทุกขั้นตอน
นางดวงพร รอดพยาธิ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ส่งหนังสือบังคับทางปกครองไปยังกรมบังคับคดี เพื่อขอให้ดำเนินการเรียกค่าเสียหายกรณีการขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) 4 สัญญา ปริมาณ 6.2 ล้านตัน มูลค่าความเสียหาย 2 หมื่นล้านบาท กับนักการเมืองและข้าราชการที่เกี่ยวข้องทั้ง 6 ราย หลังจากที่ได้มีการส่งหนังสือเตือนให้ชดใช้ค่าเสียหายเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งครบกำหนดระยะเวลา 15 วันไปเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ล่าสุดนักการเมืองและข้าราชการทั้ง 6 ราย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองแล้ว เพื่อขอให้ยกเลิกคำสั่งบังคับทางปกครองชดใช้ค่าเสียหายจีทูจีข้าว และขอให้ทุเลาการบังคับคดี หากศาลปกครองพิจารณาแล้วมีคำสั่งทุเลา การดำเนินการดังกล่าวก็จะหยุดไว้ก่อน เพื่อรอการพิจารณาทางคดีของศาลปกครอง แต่หากศาลมีคำสั่งไม่ทุเลา กรมบังคับคดีก็จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนการบังคับทางปกครอง เพื่อยึดทรัพย์กับบุคคลที่ต้องชดใช้ค่าเสียหายต่อไป
"ขั้นตอนของกระทรวงพาณิชย์เสร็จสิ้นแล้ว หลังจากครบกำหนดการส่งหนังสือแจ้งเตือนเป็นครั้งที่ 2 ใน 15 วัน ก็ส่งหนังสือไปยังกรมบังคับคดี ตามม. 44 ที่ออกคำสั่งมา ซึ่งกรมบังคับคดีจะทำการสืบค้นว่าทรัพย์อยู่ตรงไหนบ้าง และต้องใช้ระยะเวลา แต่หากศาลปกครองมีคำสั่งทุเลา ขั้นตอนทุกอย่าง ก็จะหยุดไว้ก่อน และไปเข้าสู่กระบวนการของศาลแทน” นางดวงพรกล่าว
สำหรับนักการเมืองและอดีตข้าราชการ 6 ราย ที่ต้องชดใช้ค่าเสียหาย ได้แก่ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ต้องชดใช้ค่าเสียหาย 1,770 ล้านบาท , นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ 2,300 ล้านบาท ส่วนพ.ต.ท.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการรมว.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ และนายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ ต้องชดใช้ค่าเสียหายคนละ 4,000 ล้านบาท
นางดวงพร กล่าวอีกว่า ช่วงต้นเดือนม.ค.2560 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว (นบข.) เพื่อพิจารณาแนวทางการระบายข้าวในสต๊อกที่เหลืออยู่ประมาณ 8 ล้านตัน เพราะมีทั้งข้าวเสื่อมและข้าวคุณภาพที่บริโภคได้ โดยจะมีการหารือถึงข้อเสนอของกระทรวงพลังงานที่จะขอซื้อข้าวเสื่อมไปผลิตเอทานอล 4-5 ล้านตัน และการระบายในส่วนของข้าวคุณภาพที่บริโภคได้อีก 3 ล้านตัน เพราะหากมีแนวทางชัดเจน ก็จะสามารถระบายข้าวที่เหลืออยู่ในสต๊อกได้ทั้งหมดภายในปีหน้าแน่นอน และจะเป็นผลดีต่อรัฐบาลในการลดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา ที่ปัจจุบันเฉลี่ยเดือนละ 510 ล้านบาท หรือวันละ 17 ล้านบาทลงได้
ส่วนการหาตลาดให้กับข้าวไทย ล่าสุดกำลังเจรจาเพื่อส่งมอบข้าวจีทูจีแสนตันที่ 2 ในเดือนม.ค.-ก.พ.2560 ให้กับจีน และยังมีแนวโน้มที่ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียจะเปิดซื้อข้าวเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี ซึ่งไทยน่าจะขายได้ และจะส่งผลดีทำให้ราคาข้าวปรับตัวสูงขึ้น
สำหรับการส่งออกข้าวไทย ตั้งแต่เดือนม.ค.-14 ธ.ค.2559 ส่งออกได้แล้ว 9.3 ล้านตัน มูลค่าราว 4,100ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.46 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% และคาดว่าทั้งปีจะส่งออกได้ 9.5 ล้านตัน มูลค่า 1.49 แสนล้านบาท
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามค่าเสียหายทางแพ่งจากโครงการรับจำนำข้าว ในส่วน 80% จากฝ่ายปฏิบัติ ว่า ขณะนี้มีคดีเข้ามายัง ป.ป.ท. กว่า 986 คดี มีคำสั่งตั้งคณะอนุกรรมการพิจารณาไต่สวนแล้ว 911 คดี โดยวันที่ 23 ธ.ค.นี้ จะเชิญคณะอนุกรรมการไต่สวนมาพูดคุยวิธีการทำงานให้เป็นไปด้วยความรวดเร็ว เพราะในแต่ละคดีมีมูลเหตุเดียวกัน และรูปแบบคล้ายคลึงกัน แต่ยืนยันว่าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับสำนวนคดี โดยเมื่อไต่สวนเสร็จแล้วจะเร่งรายงานให้กับนายกรัฐมนตรีรับทราบ โดยตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน
ด้านนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชวนซื้อข้าวโดยตรงจากชาวนาเพื่อเป็นของขวัญช่วงเทศกาลปีใหม่ว่า ต้องขอบคุณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ขานรับแนวคิดนี้ เพราะการให้ชาวนาปลูกเอง สีเอง ขายเอง ก็น่าจะยั่งยืนกว่านโยบายรับจำนำข้าว ที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ดำเนินการจนสร้างความเสียหาย เพราะเกิดการทุจริตในทุกขั้นตอน