ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -กรรมติดจรวดไล่ล่าไม่ต้องรอถึงชาติหน้าเพราะว่าอีกไม่นานนี้ก็จะได้เห็น “ก๊วนบุญทรง” ม้าใช้ของคุณนาย ด. ผู้กว้างขวาง ดิ้นทุรนทุรายด้วยฤทธิ์ดาบอาญาสิทธิ์ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ซึ่งใกล้จะชี้มูลความผิดจากการทุจริตขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ลอตสอง ที่ว่ากันว่า “ก๊วนบุญทรง” จัดสำรับเจี๊ยะทูเจี๊ยะ สวาปามกันอย่างเมามัน
สัญญาขายข้าวจีทูจี ลอตสอง อีก 8 สัญญา ต่อเนื่องจากลอตแรก 4 สัญญา ที่ชี้มูลไปแล้วนั้น คาดหมายกันว่า ก๊วนนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษ์ ชินวัตร ไม่รอดแน่ เพราะดูจากพฤติกรรมการกระทำผิดชนิดเย้ยฟ้าท้าดินแล้วไม่ได้แตกต่างไปจากการระบายข้าวจีทูจี ลอตแรก แม้แต่น้อย
การตรวจสอบของ ป.ป.ช.ในล็อตสองนี้จึงตามไปในรอยทางเดิม โดยได้ตั้งข้ออันควรสงสัยว่า นายบุญทรงเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีพาณิชย์ และนางปราณี ศิริพันธ์ ครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เห็นชอบการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี กับบริษัทที่อุปโลกน์ขึ้นมาอ้างว่าเป็นรัฐวิสาหกิจจีน4 แห่ง ทั้งที่ปกติแล้วการซื้อข้าวจีทูจีทางจีนจะซื้อขายผ่าน COFCO หน่วยงานเดียวเท่านั้น
การกระทำของนายบุญทรง จึงเป็นการให้ความเห็นชอบทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าเรื่องนี้มีความไม่ถูกต้องมาตั้งแต่ต้น ซึ่งหากมองย้อนกลับไปก็จะถึงบางอ้อว่า เหตุไฉน กระทรวงพาณิชย์ จึงทำอ้ำๆ อึ้งๆ เมื่อถูกสังคมเรียกร้องให้เปิดเผย สัญญาขายข้าวจีทูจี ในเวลานั้น
เมื่อเป็นบริษัทที่แอบอ้างไม่ได้เป็นรัฐวิสาหกิจจีนที่แท้จริง การซื้อขายระหว่างกันก็มีลักษณะการดำเนินการคล้ายคลึงโครงการระบายข้าวจีทูจี ล็อตแรก คือ ไม่มีการเปิดแอล/ซี มาจากจีน แหล่งเงินที่ใช้ซื้อมาจากในประเทศ และไม่มีการขนข้าวออกไปจีน แต่ถูกนำไปเวียนขายในตลาด ทำให้บริษัทเอกชนในเครือข่ายคุณนาย ด. ฟันกำไรจากราคาส่วนต่างมโหฬาร
มโหฬารขนาดไหน? คิดคำนวณดูกันเองเลยว่า ล็อตแรก 4 สัญญา ปริมาณรวม 7.2 ล้านตัน มีมูลค่า 6.9 หมื่นล้านบาท ส่วนลอตสอง 8 สัญญา ปริมาณรวม 14 ล้านตัน รวมทั้งสองลอตมีมูลค่าร่วมสองแสนล้าน แล้วเครือข่ายคุณนาย ด.ฟันส่วนต่างเข้ากระเป๋ากันไปเท่าไหร่ ตัวเลขชัดๆ ยังไม่มีใครตอบได้ แต่ที่แน่ๆ แค่ลอตแรกก็ทำเอาประเทศชาติก็เสียหายไปกว่า 2 หมื่นล้าน ซึ่งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังไล่เช็กบิลนายบุญทรงและพวกอยู่เวลานี้ ดังนั้น ที่ว่ากันว่าประเทศชาติเสียหายกันหลายแสนล้านในโครงการจำนำข้าวและระบายข้าวนั้นไม่ได้เป็นเรื่องที่เกินเลยความจริง ขณะที่ผลประโยชน์ที่ชาวนาตัวจริงได้รับนั้นเป็นเพียงส่วนน้อย
พูดย้ำกันให้ชัดอีกครั้ง สัญญาซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน หรือจีทูจี ทั้งสองลอต 12สัญญานั้นเป็นเรื่องยกเมฆทั้งสิ้น เพราะไม่มีการซื้อขายจริง บริษัทที่อ้างว่าเป็นตัวแทนรัฐบาลจีนก็ไม่ใช่ เพราะไม่ได้มีการรับรองจากรัฐบาลจีนแต่อย่างใด เรื่องใหญ่ระดับโกงข้ามชาติขนาดนี้มีการดำเนินการเป็นขบวนการ โดยผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง ที่ว่ากันว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือ คุณนาย ด. ซึ่งก็ไม่รู้ว่า “ก๊วนบุญทรง” จะกล้าซัดทอดถึงผู้บงการหรือไม่ ในเวลาที่ตัวเองถูกลากเอาคอขึ้นพาดเขียง หรือจะยอมตายเดี่ยว เพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี
สำหรับการชี้มูลความผิดสัญญาขายข้าวจีทูจีลอตสองนี้ ผู้ที่จะถูก ป.ป.ช. ชี้มูล จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม เหมือนกับการชี้มูลความผิดการทุจริตขายข้าวจีทูจี ลอตแรก โดยมีกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการ และภาคเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มคนหน้าเดิม แต่จะมีเพิ่มเติมเข้ามาอีกในส่วนข้าราชการและเอกชน
สำหรับกลุ่มนักการเมืองและข้าราชการ ที่ถูกชี้มูลความผิดการขายข้าวจีทูจี ลอตแรก ไปแล้ว ประกอบด้วย นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายภูมิ สาระผล อดีต รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์,นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ, นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ, นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ
ส่วนการชี้มูลคราวนี้ นอกจากรายชื่อในบัญชีหนังหมาเจี๊ยะทูเจี๊ยลอตแรกยืนพื้นแล้ว ในส่วนข้าราชการที่ถูกชี้มูลความผิดเพิ่มเติมคือ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ที่มารับตำแหน่งต่อจากนายมนัส สร้อยพลอย ส่วนกลุ่มเอกชน แยกเป็น กลุ่มผู้เข้ามาทำสัญญาซื้อขาย คือ 4 วิสาหกิจจีน และกลุ่มบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการชำระเงิน ซึ่งก็คือเครือข่าย “เสี่ยเปี๋ยง”นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร
บริษัทจีน 4 บริษัทในขบวนการทำสัญญาเจี๊ยะทูเจี๊ยะ ที่ ป.ป.ช. จะลงดาบมารับโทษทัณฑ์ ประกอบด้วย บริษัท ไฮกู เหลียงเหมา ซีเรียล แอนด์ ออยล์ เทรดดิ้ง จำกัด ที่ทำสัญญาซื้อขายข้าวในปริมาณ3 ล้านตัน , บริษัท ไฮกู เหลียงหยุ่นไหล่ ซีเรียล แอนด์ ออยล์ เทรดดิ้ง จำกัด ปริมาณ 2 ล้านตัน , บริษัท ไฮหนาน โพรวินซ์ แลนด์ รีเคลเมชั่น อินดัสเทรียล ดิเวล็อปเม้นท์ ปริมาณ 4 ล้านตัน และบริษัท ไห่หนาน แลนด์ รีเคลเมชั่น คอมเมอร์ส แอนด์ เทรด กรุ๊ป จำกัด ปริมาณ 5ล้านตัน รวมทั้งสิ้น 14 ล้านตัน
ส่วนบริษัทค้าข้าวในไทยที่อยู่ในขบวนการนี้ของจอมอื้อฉาวแห่งวงการ คือ “กลุ่มเสี่ยเปี๋ยงและเครือข่าย” ทั้งในนาม บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด หรือบริษัท ศิราลัย จำกัด ที่ภายหลังเปลี่ยนเป็น บริษัทกีธา พร็อพเพอร์ตี้ส์ จำกัด และเครือข่ายบริวาร
เครือข่ายบริวารเสี่ยเปี๋ยง นอมินีคุณนาย ด.เหล่านี้ ล้วนแต่ต้องถูกตามล้างตามเช็ดให้สะเด็ดน้ำ โดยก่อนหน้านี้ เครือข่ายเสี่ยเปี๋ยงเจอดาบแรกจาก ป.ป.ช. ไปแล้วจากการสั่งอายัดแคชเชียร์เช็ค 46 ฉบับ วงเงิน 1,870 ล้านบาท ที่สั่งจ่ายในการชำระค่าซื้อข้าวไว้ก่อน และในจำนวนนี้มี 40 ฉบับ วงเงิน 1,860 ล้านบาท มาจากเงินในบัญชีของ บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด บริษัท ศิราลัย จำกัด และนายสุธี เชื่อมไธสง คนใกล้ชิด เสี่ยเปี๋ยง
เครือข่ายเสี่ยเปี๋ยง ยังเจอดาบซ้ำจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.) ยุคที่มี พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ดำรงตำแหน่งเลขาการ โดย ป.ป.ง. ได้ยึดและอายัดทรัพย์บริษัทของเสี่ยเปี๋ยง รวมมูลค่าประมาณ 7,000 ล้านบาท ที่สืบเนื่องมาจากคดีเจี๊ยะทูเจี๊ยะ ลอตแรก ที่ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดนายบุญทรงกับพวกรวม21 คน
สำหรับฐานความผิดของขบวนการเจี๊ยะทูเจี๊ยะแหกตา ตามข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. คือ ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว)และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งเมื่อ ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดแล้ว จะเสนอความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหา โดยกรณีข้าราชการจะพิจารณาลงโทษทางวินัยและเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการพิจาณาความรับผิดทางแพ่ง เพื่อพิจารณาเรียกค่าเสียหายกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
พร้อมๆ กับการชี้มูลความผิดระบายข้าวจีทูจี ลอตสอง “ก๊วนบุญทรง” อาจมีของแถมจาก ป.ป.ช.เพิ่มเติมเข้ามาอีก นั่นก็คือ การขายมันสำปะหลังแบบจีทูจี ซึ่งพบว่า มีการทุจริตเหมือนกับการขายข้าวจีทูจี โดยมีการทำสัญญาซื้อขายมันสำปะหลังจำนวน 7 สัญญา ปริมาณ 4.79 ล้านตัน โดยบริษัทจากจีนไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาลจีน ซึ่งผู้ที่จะถูกชี้มูลก็เป็นกลุ่มเดียวกันกับการทุจริตขายข้าวจีทูจี แต่จะมีในส่วนของข้าราชการและภาคเอกชนเพิ่มเข้ามา
นอกเหนือจาก ป.ป.ช.ที่ขยับจะฟันแก๊งโกงระบายข้าวจีทูจีแล้ว ยังมีในส่วนของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ(ศอตช.) ที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นั่งเป็นประธาน ก็สั่งลุยสอบข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐต้องรับผิดชอบในทางละเมิดในโครงการรับจำนำข้าว มูลค่าความเสียหายเกือบ 3 แสนล้านบาท หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) โยนลูกมาให้ ศอตช.ดำเนินการ ซึ่งเมื่อเห็นตัวเลขจำนวนข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและอยู่ในสำนวนของ ป.ป.ท. แล้วจะตกใจเพราะมีมากถึง 800 กว่าราย
จากคำให้สัมภาษณ์ของ นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการ ป.ป.ท. ในฐานะเลขานุการ (ศอตช.) ระบุว่า ป.ป.ท. จะเข้าไปตรวจสอบเจ้าหน้าที่รัฐที่เอื้อประโยชน์ให้เอกชน รวมทั้งผู้ตรวจสอบข้าวในคลังสินค้าที่มีส่วนร่วมกระทำผิดสร้างความเสียหายให้แก่รัฐ และเกี่ยวข้องกับการทุจริต จำนวน 33 จังหวัด ในพื้นที่ภาตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคเหนือ และเตรียมเสนอคณะกรรมการ ป.ป.ท.ตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีที่เจ้าหน้าที่ของ อ.ต.ก. อคส. และ ธ.ก.ส. เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตรวม 853 สำนวน โดยจะเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดที่เคยสอบสวนเรื่องดังกล่าวแล้วมาดูภาพรวมก่อนสรุปว่าจะฟ้องร้องบุคคลใดบ้าง
ล้างกันคราวนี้ จะเข็ดขยาดไหม หรือว่าจะเป็นมหากาพย์ที่วนมาแล้วรอเวลาวนกลับมาอีก