จับตา ป.ป.ช.ชี้มูลโกงข้าวจีทูจีล็อต 2 อีก 8 สัญญา เผย “บุญทรง” พร้อมแก๊งเดิมทั้งข้าราชการ เอกชน เจอหนักเหมือนเดิม แต่รอบนี้มีอดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศติดร่างแหเพิ่ม ระบุมันจีทูจีใกล้งวด เตรียมชี้มูลเช่นเดียวกัน หลังพบโกงเลียนแบบข้าวจีทูจี
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ขณะนี้การพิจารณาตรวจสอบการทุจริตการขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ล็อตที่ 2 อีก 8 สัญญา ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจรติแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ใกล้จะได้ข้อยุติแล้ว และคาดว่า ป.ป.ช. จะมีการชี้มูลความผิดผู้ที่เกี่ยวข้องได้ในเร็วๆ นี้ หลังจากที่ได้มีการตรวจสอบการขายข้าวจีทูจีพบว่าไม่มีการขายจริง บริษัทของจีนที่มาซื้อข้าวไม่ได้การรับรองจากรัฐบาลจีน และยังมีการดำเนินการเป็นขบวนการเพื่อเอื้อประโยชน์ให้ภาคเอกชน ทำให้รัฐเสียหายจากการขายข้าวที่เกิดขึ้น
โดยในการชี้มูลครั้งนี้ผู้ที่จะถูกชี้มูลความผิดจะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเหมือนกับการชี้มูลความผิดการทุจริตขายข้าวจีทูจีล็อตแรก 4 สัญญา ปริมาณ 6.2 ล้านตัน โดยมีกลุ่มนักการเมือง ข้าราชการ และภาคเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มเดิม
สำหรับนักการเมืองและข้าราชการที่ถูกชี้มูลความผิดการขายข้าวจีทูจีล็อตแรก คือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ อดีตเลขานุการ รมว.พาณิชย์ นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายทิฆัมพร นาทวรทัต อดีตรองอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ นายอัครพงศ์ ทีปวัชระ อดีตผู้อำนวยการสำนักการค้าข้าวต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ในการชี้มูลครั้งใหม่นี้จะมีผู้ที่ถูกชี้มูลความผิดเพิ่มขึ้น ทั้งในส่วนของข้าราชการ และภาคเอกชน โดยในส่วนของข้าราชการ คืออดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศอีกคนที่มารับตำแหน่งต่อจากนายมนัส
ส่วนความผิดตามข้อกล่าวหา คือ ผิดประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งหากมีการชี้มูลความผิดแล้วจะมีการเสนอความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชาของผู้ถูกกล่าวหา โดยกรณีข้าราชการจะมีการพิจารณาลงโทษทางวินัย และจะมีการเสนอเรื่องไปยังคณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง เพื่อพิจารณาเรียกค่าเสียหายกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขายข้าวจีทูจีล็อต 2 ที่ได้มีการตรวจสอบพบว่าไม่มีจริง เช่น การขายข้าวให้กับบริษัท ไฮกู เหลียงเหมา ซีเรียล แอนด์ ออยล์ เทรดดิ้ง จำกัด ปริมาณ 3 ล้านตัน, บริษัท ไฮกู เหลียงหยุ่นไหล่ ซีเรียล แอนด์ ออยล์ เทรดดิ้ง จำกัด ปริมาณ 2 ล้านตัน, บริษัท ไฮหนาน โพรวินซ์ แลนด์ รีเคลเมชั่น อินดัสเทรียล ดิเวล็อปเม้นท์ ปริมาณ 4 ล้านตัน และบริษัท ไห่หนาน แลนด์ รีเคลเมชั่น คอมเมอร์ส แอนด์ เทรด กรุ๊ป จำกัด ปริมาณ 5 ล้านตัน
ทั้งนี้ บริษัทจากจีนทั้งหมดพบว่าไม่ได้เป็นหน่วยงานของรัฐที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวจีทูจีกับไทย แต่เป็นการดำเนินการเพื่อแอบอ้างการขายจีทูจีเพื่อขายข้าวให้กับภาคเอกชนของไทยที่อยู่ในกระบวนการ และไม่มีการส่งออกข้าวไปยังจีนจริง
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ป.ป.ช.ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาการขายมันสำปะหลังแบบจีทูจี ซึ่งพบว่ามีการทุจริตเหมือนกับการขายข้าวจีทูจี โดยมีการทำสัญญาซื้อขายมันสำปะหลังจำนวน 7 สัญญา ปริมาณ 4.79 ล้านตัน ที่พบว่าบริษัทจากจีนไม่ใช่บริษัทที่ได้รับมอบอำนาจจากรัฐบาล โดยกำลังอยู่ระหว่างการเตรียมชี้มูลความผิด ซึ่งผู้ที่ถูกชี้มูลก็เป็นกลุ่มเดียวกันกับการทุจริตขายข้าวจีทูจี แต่จะมีในส่วนของข้าราชการ และภาคเอกชนบางส่วนเพิ่มเข้ามา