xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

“นารีพิฆาต” ยั่วประสาท “ฤาษีตู่” ขุดบ่อล่อ “ปลาใหญ่” ลงเกมขัดแย้ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเดินทางไปร่วมงานประเพณีรับบัว-โยนบัว ที่วัดบางพลีใหญ่ จ.สมุทรปราการ
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ปฏิบัติการ “นารีพิฆาต” ของ “หนูปู” ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และองคาพยพ ยังคงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รัฐบาลเตรียมจะออกคำสั่งทางปกครองเพื่อยึดทรัพย์สังเวยความพินาศในโครงการรับจำนำข้าวที่เสียหายหลายแสนล้านบาท

ตั้งแต่จดหมายเปิดผนึกถึง “บิ๊กตู่” โดยตรง หรือการให้ “ทนายความไก่อ่อน” ออกมารับบท “ศรีธนญชัย” ตั้งแง่กับข้อกฎหมายต่างๆ ที่รัฐบาลใช้สารพัด โดยเฉพาะพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ความรับผิดทางละเมิดเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ตลอดจนการให้หมากเบี้ยในพรรคเพื่อไทย นำทัพโดย “โต้งไวท์ไล” กิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ออกมาเบี่ยงเบนประเด็น ตีปี๊บขาดทุนเพื่อช่วยชาวนา

ทำชาติฉิบหายป่นปี้ไป 5 แสนล้านบาท กลับมาตีหน้าเศร้าว่า ไม่อยากให้มองเป็นเรื่อง “กำไร” หรือ “ขาดทุน”

ปรับเกมเข้าโหมดดรามา “ยิ่งลักษณ์” กำลังเผชิญชะตากรรมลำบากเสี่ยง “คุก” เสี่ยง “ล้มละลาย” เพราะถลุงเงินของชาติ อ้างว่าจะไปช่วยชาวนาให้ลืมตาอ้าปากได้ แต่กลับไปตุงกระเป๋าใครก็ไม่รู้

ฟากฝั่งลิ่วล้อเพื่อไทย-เสื้อแดง ก็รับลูกล้อกระแสกันจนเคลิบเคลิ้ม เกิดปรากฏการณ์ในโลกโซเชียลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็นการที่อดีตนักร้องคว้าดาว ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กจะบริจาคเงิน 10,000 บาทให้ “ยิ่งลักษณ์” เอาไปชดใช้ความเสียหาย จนแฟนคลับคนรักชินวัตรโหวกเหวกอยากจะควักกระเป๋าช่วยมั่ง

จนเจอตอกกลับในสังคมออนไลน์ว่า ถึงเวลาจริงๆจะควักกันซักกี่คน

ต่อเนื่องกันด้วยการเชิญชวนคนที่สงสารหาเสื้อสีแดงมาสวมใส่เพื่อเป็นกำลังให้ “ยิ่งลักษณ์” ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พร้อมเพรียงกันทั้งประเทศ เพื่อเป็นการแสดงสัญลักษณ์ เชิดชู “วีรสตรีแห่งท้องทุ่ง”

โหมกระพือคิว “ดรามา” กันขึ้นเรื่อยๆ หวังว่า จะจุดติดเหมือนกับครั้งพี่ชาย “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ใช้เกมมวลชน “ฟอกโกง” ตัวเองมาแล้ว เมื่อครั้งร้องแรกแหกกระเชอว่า ถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ (คตส.) ที่เป็นปฏิปักษ์กับตัวเองรังแก

จนคนเสื้อแดงเคยออกมาเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้แบบไม่คิดชีวิต

เพราะถึงนาทีนี้ ว่ากันตามจริง หากสู้กันตามกระบวนการยุติธรรมหรือกฎหมาย “ยิ่งลักษณ์” แทบจะไม่มีโอกาสพลิกกลับมาชนะได้เลย ไม่ว่าจะเป็นคดีอาญา ในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือคดีแพ่งที่รัฐบาลกำลังรอไต่สวนพยานให้เสร็จ เพื่อออกคำสั่งทางปกครองให้ยึดทรัพย์

ขึ้นอยู่แค่ว่า ต้องจ่ายมากหรือจ่ายน้อยเท่านั้น

ดูทรงแล้ว “ยิ่งลักษณ์” เป็นรองทั้งในด้านพยานหลักฐานที่ปรากฏความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวแก่สาธารณะอย่างโจ่งแจ้ง มีตัวเลขเป็นใบเสร็จมัด ซึ่งนับวันยิ่งทวีคูณมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งในด้านข้อกฎหมายที่ “ทนายหน้าหอ” ลูกทีมของ “พิชิต ชื่นบาน” ฝีมือไม่ถึงขั้น กระดูกคนละเบอร์กับอีกฝั่ง

หมัดเด็ดที่คิดว่าจะงัดง้างในชั้นศาลก็ดันปล่อยให้ “ทนายความไก่อ่อน” แบไต๋ออกมาจนหมดหน้าตัก แถมเสียรังวัดเมื่อเจอ “ปรมาจารย์กฎหมาย” อย่าง “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี เล็คเชอร์วิชา LA101กฎหมายเบื้องต้น กลับไปจนได้แต่นั่งอ้าปากค้าง

เมื่อจำนนในหลักฐานการจะดิ้นเพื่อให้ตัวเองลุกจาก “ตาราง” และไม่ต้องเป็นคน “ล้มละลาย” เหลือทางเดียวคือ ปลุกมวลชนสู้ด้วยการเรียกร้องความสงสารจากประชาชน ซึ่งมีโอกาสได้ผลเหมือนกัน

เพราะ 1.โดยนิสัยคนไทยชอบเห็นอกเห็นใจผู้ที่ถูกกระทำ หรือมวยรอง

และ 2.การที่ “ยิ่งลักษณ์” เป็นผู้หญิง ส่วนอีกฝั่งเป็นผู้ชาย และยังเป็นชายชาติทหารอีกด้วย

ตีความจากจดหมายเปิดผนึก ที่ “น้องปู” ส่งถึงคนคุ้นเคยอย่าง “พี่ตู่” ที่โอดโอยถึงความไม่เป็นธรรม ในเรื่องการใช้คำสั่งทางปกครองบังคับให้ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว ใจความตอนหนึ่งว่า

“ฝ่ายกฎหมายของท่านกลับพลิกมุมกฎหมายและกลไก ในการเรียกค่าเสียหายใหม่ โดยหากพบว่ามีความผิด รัฐจะไม่ฟ้อง แต่ใช้วิธีให้ท่านออกคำสั่งทางปกครอง (โดยไม่ต้องเข้าคณะรัฐมนตรี) สั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องชำระหนี้เหมือนคำสั่งยึดทรัพย์... เท่ากับว่าท่านได้ใช้อำนาจหน้าที่ของท่านเสมือนหนึ่งเป็นคำพิพากษาของศาล เป็นกลไกในการชี้ถูกผิดว่าจะให้ผู้ใดรับผิดชอบในค่าเสียหายต่อการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว ทั้งที่การพิจารณาคดีของศาลในคดีอาญายังไม่เสร็จสิ้น"

กระทุ้งต่อไปอีกว่า “ดิฉันในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีผู้เคยดูแลการแก้ปัญหาสินค้าข้าว ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญของประเทศ เพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิผลเป็นประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม และที่เสนอว่าควรให้ศาลเป็นผู้พิจารณานั้น เพราะดิฉันเห็นว่าทุกคนควรได้รับหลักประกันแห่งความยุติธรรมที่จำต้องมี เพราะการดำเนินนโยบายโครงการรับจำนำข้าวเป็นการกระทำทาง การบริหารตามนโยบายของคณะรัฐมนตรี ที่แถลงนโยบาย ต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญที่มีผลผูกพันกับส่วนราชการ หลายส่วนที่ต้องปฏิบัติงาน”

พร้อมทิ้งท้ายด้วยว่า “ดังนั้น เพื่อความโปร่งใสและคงไว้ซึ่งความเป็นกลาง ท่านในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่มีตำแหน่งเป็น ประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว และในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่ต้องรับผิดชอบในการแก้ปัญหาในเรื่องข้าวในขณะนี้ ซึ่งอาจเห็นแตกต่างกันในเชิงนโยบาย และกลไกในการบริหารนโยบายในเรื่องข้าวในอดีต ที่ในสมัยรัฐบาลดิฉันได้ดำเนินนโยบายดังกล่าวไป จึงมิใช่ “ผู้ที่เป็นกลาง” แต่เป็น “ผู้มีส่วนได้เสีย” เพราะเห็นต่างกันในนโยบายการ แก้ปัญหาในเรื่องข้าว ดังนั้น การใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ใน ปัจจุบันเป็นผู้ตัดสินความถูกผิด โดยการใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีลงนามในคำสั่งทางปกครองเพื่อสั่งให้บุคคลหนึ่ง บุคคลใดชำระค่าเสียหายทั้งๆ ที่ศาลยังไม่มีคำตัดสิน ถือเป็น การขัดต่อ “หลักนิติธรรม” อย่างยิ่ง”

เนื้อความข้างต้นจะเห็นได้ว่าทั้งลากทั้งดึง “บิ๊กตู่” ให้ลงมาเป็นคู่ขัดแย้ง ในฐานะผู้ที่ล้มเลิกโครงการรับจำนำข้าว ทั้งยังโจมตีด้วยว่า รัฐบาล คสช.คิดเองเออเองไม่รอคำตัดสินของศาล ซึ่งขัดกับหลักนิติธรรมอีกด้วย

นอกจากการเล่นบทดรามาโกยคะแนนสงสารจากจดหมายที่ไม่ได้เขียนเองอย่างแน่นอนแล้ว ตัว “ยิ่งลักษณ์” เองก็เล่นออกหน้ามาเล่นบทนี้เองด้วย โดยเฉพาะฉากเดินสายทำบุญเข้าวัดต่อเนื่อง โผล่ภาคนู้น ภาคนี้ มีภาพประชาชนแห่มาให้กำลังใจ ดึงดูดให้ได้เป็นภาพข่าวและเนื้อข่าวติดหน้าสื่อรายวัน โพสต์ลงโซเชี่ยลแบบถี่ยิบ

ตามพะยี่ห้อการตลาดที่พรรคเพื่อไทยถนัด วางหมากให้ “ยิ่งลักษณ์” เดินตามสเตป ออกเดินสายทำบุญพบปะมวลชนทางอ้อม แบบไม่ต้องไฮปาร์คให้ขัดคำสั่ง คสช. หัวหมอเล่นแง่ ช็อตนี้ “แป๊ะ” ก็ทำอะไรไม่ได้เหมือนกัน ทั้งๆ ที่รู้อยู่เต็มอกว่า “ยิ่งลักษณ์” ทำแบบนี้ต้องการอะไร

ทางฝ่าย “นายหญิง” ก็เล่นไปตามบท สลับฉากกันไปกับบรรดาลูกหาบในพรรคคอยสลับหน้ากันมากระตุกปม “นายหญิง” ไม่ได้รับความเป็นธรรม โดยใช้ข้อกฎหมายเดิมๆ ที่แป้กๆ ไปแล้วมาเขย่าไปเรื่อยๆ เพื่อชโลมแฟนคลับให้คล้อยตามจน “จุดติด” ในวันใดวันหนึ่ง

ทางหนึ่งยังเป็นการยั่ว “บิ๊กตู่” ที่พยายามตีตัวเองออกจากเกมสงครามวิวาทะหรือวาทกรรม ด้วยการลดปริมาณการให้สัมภาษณ์ลงไม่ให้เป็นการโต้เถียงกันไปกันมาจนกลายเป็น “คู่ขัดแย้ง” กับ “ยิ่งลักษณ์” โดยตรง เพราะอย่าลืมว่า ในคดีแพ่งนั้นรัฐบาลต้องทำหน้าที่ออกคำสั่งทางปกครองเพื่อยึดทรัพย์

รวมกับเรื่องเด่นประเด็นร้อนอื่นๆ ทำให้ตอนนี้ "บิ๊กตู่" ปรับยุทธวิธีการสื่อสารใหม่ยึดหลัก “สงบสยบความ เคลื่อนไหว” ตามคำแนะนำของ “กุนซือข้างกาย” และผู้หลักผู้ใหญ่บางคนที่ติติงมาว่า ไม่อยากให้พูดมาก เพราะหลายครั้งปากพาไปจนต้องกลับมาแก้ตัวพัลวันไปหมด ยิ่งเต้นตามจังหวะที่สื่อถามหรือสถานการณ์ที่ฝ่ายตรงข้ามพยายามบิลต์ ก็มีแต่เสียกับเสีย เป็นเหตุให้ “นายกฯตู่” ประกาศหยุดสัมภาษณ์รายวัน จะให้ความเห็นเฉพาะเรื่องใหญ่ๆสำคัญๆเท่านั้น

ในเรื่องคดีจำนำข้าวที่งวดในส่วนของการเรียกค่าเสียหายจาก “ยิ่งลักษณ์” ก็ยิ่งไม่ควรไปต่อปากต่อคำ เพราะจะทำให้คำสั่งทางปกครองที่กำลังจะออกมา “สิ้นมนต์ขลัง” อาจถูกมองว่า การเป็นออกคำสั่งเพื่อกำจัดคนที่เป็นปฏิปักษ์กับตัวเองมากกว่าทำตามหน้าที่ในฐานะรัฐบาล

ยิ่งภาพลักษณ์ของ “บิ๊กตู่” สะท้อนจากคำพูดที่ผ่านมาได้ว่า อิดหนาระอาใจกับบรรดานักการเมืองเสียเหลือเกิน ก็ยิ่งอาจถูกโยงในเรื่องของการกลั่นแกล้งได้ไม่ยาก หากมีผู้พยายามผูกโยงประเด็นว่า รัฐบาลทหารพยายามใช้อำนาจกระทำต่อฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่ชอบธรรม ซึ่งแน่นอนว่ามีแต่เสียกับเสีย

การพยายามกัน “บิ๊กตู่” ออกจากความเป็นคู่ขัดแย้งหรือมีส่วนได้ส่วนเสียกับการออกคำสั่งทางปกครองยึดทรัพย์ “ยิ่งลักษณ์” นั้น ไม่ใช่แค่การลดปริมาณสัมภาษณ์ลงอย่างเดียว ดังจะเห็นว่า ก่อนหน้านี้ “เนติบริกร” อย่าง “วิษณุ” ในฐานะซือแป๋ประจำทำเนียบรัฐบาล เคยระบุถึงขั้นตอนการออกคำสั่งทางปกครองว่า จะต้องให้ “บิ๊กตู่” เป็นผู้ลงนามในคำสั่ง

แต่ไปๆ มาๆ เพราะเรื่องร้อน “ยิ่งลักษณ์” เริ่มแตะปม “บิ๊กตู่” มีส่วนได้ส่วนเสีย “เนติบริกร” จึงกลับลำใช้เหลี่ยมทางกฎหมาย อุ้ม “บิ๊กตู่” ออกจากกระบวนการดังกล่าว แล้วให้เป็น “อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นผู้ลงนามแทนในส่วนของค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว รวมถึงให้ “อภิรดี ตันตราภรณ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นคนลงนามในส่วนของค่าเสียหายจากกรณีทุจริตการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ หรือ “จีทูจี” แทน

การเดินสายไหว้พระทำบุญที่ถี่ยิบในช่วงนี้ จึงเป็นการยั่วยุให้ “บิ๊กตู่” เกิดอาการคันที่ริมฝีปากอยากจะออกมากระทุ้งกลับใส่ หรือต้องการให้ คสช. มีมาตรการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อ “ยิ่งลักษณ์” กับการเคลื่อนไหวในช่วงนี้ ดังที่มีความพยายามประโคมข่าวว่า คสช.สั่งทหารประกบติดอดีตนายกรัฐมนตรีหญิงรายนี้ไปทุกที่ เสมือนเป็นการคุกคามสิทธิเสรีภาพ แม้แต่เรื่องทำบุญ

ไม่เพียงเท่านั้น ทีมงาน “คุณหนูปู” ยังปั้นข่าวบิลต์กระแสชักภาพนายทหาร-ตำรวจที่ไปเกาะแกะติดตามความเคลื่อนไหวของคณะ “คุณหนูปู” พร้อมบรรยายเสร็จสรรพว่า มีภารกิจตรงนั้นตรงนี้ แต่ขลุกขลักไปหมด เพราะพี่ๆทหารขอความร่วมมือโน่นนี่ จนต้องยกเลิกกำหนดการทอดผ้าป่าที่วัดใน จ.อุดรธานี ไปอย่างน่าเสียดาย แถมส่งหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) มาล่องลอยคออยู่กลางน้ำโขง ในช่วงที่กินข้าวอยู่ที่ชายแดน จ.หนองคาย ราวกับกลัวว่า อดีตนายกฯจะสวมบทนักว่ายน้ำทีมชาติว่ายข้ามฝั่งหลบหนีไปต่างแดนเสียอย่างนั้น

ตีปี๊บหนักไปอีกว่า พี่ทหารเล่นงัดกล้องไล่แชะๆ “คุณหนูปู” แทบทุกอิริยาบถ ขนาดจะเดินไปทำธุระขับถ่ายตามประสา ก็ยังไม่วายตามไปแชะๆถึงหน้าประตูห้องน้ำ เล่ากันว่า ช้อตนี้ทำเอา “คุณหนูปู” ปรื๊ดๆๆๆ ราวกับซูเปอร์สตาร์ฮอลลีวู้ดเจอปาปารัสซี่แอบถ่ายภาพตอนใส่ชุดทูพีซอย่างไรอย่างนั้นทีเดียว

ปฏิบัติการ “นารีพิฆาต” ก็ประหนึ่งเป็นการขุดบ่อล่อปลาตัวใหญ่ เพราะหากหัวหน้า คสช.บ้าจี้หลงเกมไปด้วย อย่างน้อยก็จะเป็นการเปิดจุดอ่อนให้โจมตีในเรื่องการใช้อำนาจกลั่นแกล้ง โดยเฉพาะคำพูดของ “บิ๊กตู่” ที่หากหลุดออกมาในทางคุกคามเมื่อใด ฝ่าย “คุณหนูปู” ก็พร้อมที่จะตะปบทันที

ซึ่งก็อยู่ที่ “บิ๊กตู่” จะอดทนอดกลั้นได้นานแค่ไหน เพราะโดยปกติเป็นคนชอบชี้แจงแถลงไขเรื่องราวต่างๆ อย่างทุกวันนี้ที่จ้อน้อยลงก็เป็นการฝืนธรรมชาติตัวเอง เห็นได้ชัดพอเปิดปากให้สัมภาษณ์วันไหน “บิ๊กตู่” จะใส่เป็นฟืนเป็นไฟเหมือนกับเก็บกดมานาน

จนมีคนจับสถิติการพูดกันแบบวินาทีต่อวินาทีถึงกับยกให้ “บิ๊กตู่” โค่นแชมป์อย่าง "สมัคร สุนทรเวช" อดีตนักการเมืองคนดังผู้ล่วงลับ ไปอย่างขาดลอย ในเรื่องการพูดเร็ว แถมเรื่องยืนระยะก็ไม่เป็นรองใคร ล่าสุดในการประชุมแม่น้ำ 5 สายเมื่อวันก่อน ก็รับน้องสภาขับเคลื่อนการปฏิรูประเทศ (สปท.) และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ก็โชว์เดี่ยวไมโครโฟนไปเกือบ 3 ชั่วโมง ตัดช่วงถาม-ตอบไปแบบไม่ปรึกษาใคร

3 ชั่วโมงที่ว่าก็มีประเด็นหลุด ลูกสร้อยนอกสคริปต์จนเรียกเสียงฮือหลายช่วงทีเดียว ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็ไม่ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ของ คสช. ทั้งเรื่องประกาศอยู่ต่อในอำนาจหากยังไม่สงบเรียบร้อย หรือหากแย่หนักก็พร้อมปิดประเทศ ทั้งยังมีหลุด “พ่อ” ออกมาเมื่อตอนพูดถึงการปรับทัศนคติ

แน่นอนฝั่งตรงข้ามรู้ “จุดอ่อน” จุดนี้ของ “บิ๊กตู่” ดี จึงยั่วให้เข้ามาเล่นตามเกมที่วางเอาไว้

ว่ากันว่าแค่เจอรูปเดินสายกิจกรรมของ “คุณหนูปู” บนหน้าหนังสือพิมพ์ 3 วันติดๆ ก็ทำเอา “บิ๊กตู่” ควันออกหู ถามว่าไปเปิดพื้นที่ให้ราคาคนพวกนี้ทำไม

ช่วงนี้การเมืองเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ฝ่ายหนึ่งเดินหน้าเต็มพิกัด ต้องการให้ทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ใช้กฎหมายเป็นตัวตัดสิน กับอีกฝ่ายหนึ่งพยายามดิ้นรนทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองรอดจากวิบากกรรมที่ทำเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเกมจิตวิทยา หรือเกมใต้ดิน

ฤาษีจำศีลอย่าง “บิ๊กตู่” กำลังถูกยั่วประสาทจากปฏิบัติการ “นารีพิฆาต” จากฝ่าย “ยิ่งลักษณ์” อย่างหนักหน่วง

ต้องรอดูว่า แผนจิตวิทยาของอีกฝั่งจะทำฤาษีในตึกไทยถึงกับ “ตบะแตก” ออกมาฟาดงวงฟาดงาได้หรือไม่.


นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรไปทำบุญที่หนองคายและแวะชอปปิ้งที่ตลาดท่าเสด็จ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินทางมายังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถนนแจ้งวัฒนะ เพื่อนัดตรวจพยานหลักฐาน ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
กำลังโหลดความคิดเห็น