ศาลฎีกาฯ นัดไต่สวนพยานจำเลยคดีโกงจำนำข้าว 42 ปาก รวม 16 นัด แล้วเสร็จพ.ย. 2559 ด้าน "ยิ่งลักษณ์" มั่นใจพยานสามารถแก้ข้อกล่าวหาได้ เชื่อศาลให้ความเป็นธรรม พร้อมขอบคุณประชาชนที่นัดชุมนุมให้กำลังใจ แต่ให้คำนึงถึง คสช และรัฐบาล อยากให้บ้านเมืองสงบ และอยากให้เข้าสู่การปรองดอง "วิษณุ"เชื่อคลังขยายเวลาสอบพยาน "ยิ่งลักษณ์" อีกรอบ เพื่อให้ครบทุกปาก เผยข้อกฎหมายจำเป็นต้องฟ้องเอกชนปมจีทูจีก่อน เหตุอายุความจะหมด ก.พ.59
วานนี้ (29 ต.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ นัดตรวจหลักฐานในคดีหมายเลขดำ อม. 22/2558 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพระราชบัญญัญติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
โดยก่อนเริ่มกระบวนการพิจารณาศาลแจ้งให้คู่ความทราบว่า นายศิริชัย วัฒนโยธิน ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ไปดำรงตำแหน่งประธานศาลอุทธรณ์ และที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาอนุญาตให้ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนเดิม ซึ่งได้เป็นประธานศาลฎีกา ถอนตัวจากการเป็นองค์คณะผู้พิพากษาในคดีนี้ ทำให้องค์คณะผู้พิพากษาทั้งสองพ้นหน้าที่จากการเป็นองค์คณะผู้พิพากษา ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจึงเลือกนายโสภณ โรจน์อนนท์ และนายพิศล พิรุณ เป็นองค์คณะผู้พิพากษาแทน คู่ความแถลงไม่ติดใจคัดค้าน องค์คณะผู้พิพากษาจึงได้พิจารณาเลือกนายชีพ จุลมนต์ เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน
ขณะที่การตรวจพยานหลักฐาน องค์คณะได้พิจารณาตามบัญชีของพยานโจทก์ และจำเลย ที่เสนอมาแล้วเห็นว่าให้โจทก์นำพยานเข้าไต่สวน 14 ปาก จากเดิมที่ยื่นบัญชีพยาน 17 ปากและกำหนดให้ไต่สวนพยานโจทก์ 5 นัดโดยเริ่มนัดแรกวันที่ 15 ม.ค. 2559 วันที่ 17 และ 26 ก.พ. 2559 วันที่ 4 และ 23 มี.ค. 2559
สำหรับจำเลย ศาลอนุญาตให้นำพยานเข้าไต่สวน 42 ปาก จากเดิมที่ยื่นขอ 43 ปาก โดยใช้เวลาไต่สวนพยานจำเลย 16 นัด โดยเริ่มวันที่ 1 และ 22 เม.ย. 2559 วันที่ 13 และ 18 พ.ค. 2559 วันที่ 17 และ 24 มิ.ย.2559 วันที่ 8 และ 22 ก.ค.2559 วันที่ 5 และ 19 ส.ค. 2559 วันที่ 9 และ 23 ก.ย. 2559 วันที่ 7 และ 21 ต.ค. 2559 วันที่ 4 และ 18 พ.ย. 2559 เวลา 09.30 น.
ส่วนนายบรรยง อินทนา, นางสวีณา พลพืชน์, น.ส.ศิรษา กันต์พิทยา พยานโจทก์อีก 3 ปาก และนางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. พยานจำเลยอีกหนึ่งปากให้รอพิจารณาสั่งว่าจะให้ไต่สวนหรือไม่ เมื่อศาลได้ทำการไต่สวนพยานแต่ละฝ่ายเสร็จสิ้นแล้ว
โดยศาลฎีกาฯ ได้กำชับให้คู่ความทั้งสองฝ่ายส่งคำเบิกความพยานให้ศาลก่อนวันนัด 14 วัน และส่งประเด็นคำถามเสนอศาลก่อน 7 วัน พร้อมกำชับให้นำพยานที่จะเข้าไต่สวนมาตามนัด
ภายหลังเสร็จกระบวนการพิจารณา น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวขอบคุณศาลที่อนุญาตให้นำพยานกลุ่มที่ ป.ป.ช. ไม่ได้รับไว้พิจารณา เข้าไต่สวนหลายปาก อาทิ ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ส่วนนางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. อยู่ระหว่างการตอบรับว่าจะมาเป็นพยานหรือไม่ และตัวเองมั่นใจในพยานหลักฐานที่มียู่จะสามารถชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของฝ่ายโจทย์ได้ โดยเชื่อว่า ศาลฎีกาฯ จะให้ความเป็นธรรม และตนก็พร้อมต่อสู้ตามกระบวนกฎหมาย
ส่วนกรณีที่มีกลุ่มประชาชนนัดสวมเสื้อสีแดงในวันที่ 1 พ.ย. นี้ เพื่อให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ขอขอบคุณทุกกำลังใจ ที่มอบให้ แต่ขอให้คำนึงถึงคำสั่งของ คสช. และรัฐบาล เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และอยากให้เข้าสู่การปรองดอง
ด้าน นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยว่าพยานสำคัญที่จะนำไต่สวนในคดีนี้ อาทิ น.ส.ยิ่งลักษณ์, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง, นายนิวัฒธำรงค์ บุญทรงไพศาล, นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย และอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์, นายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ , นายสัตวแพทย์ ชัย วัชรงค์ นักวิชาการอิสระ และนายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร บ.ซีพี อินเตอร์เทรด จำกัด
ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องขอความเป็นธรรม เพราะหากกระทรวงการคลังจะดำเนินการตรวจสอบคิดคำนวณเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งก่อนที่คดีอาญาในศาลฎีกาฯ จะเสร็จสิ้น ย่อมจะไม่ถูกต้อง เพราะในสำนวนคดีอาญาได้แต่ฟ้องในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบเท่านั้น ไม่ได้กล่าวหาว่ากระทำการทุจริตและในสำนวนก็ไม่ได้ระบุตัวเลขความเสียหายไว้ ซึ่งต่างจากสำนวนของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ส่วนพยานปากนางสดศรี อดีต กกต. ที่ศาลให้รอฟังว่าจะให้นำเข้าไต่สวนเพิ่มจากพยาน 42 ปาก หรือไม่นั้น ในการต่อสู้คดีเราก็ต้องการให้นางสดศรีเข้าเบิกความเกี่ยวกับประเด็นนโยบายการเมืองที่หาเสียงในช่วงเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศในบริเวณศาลฎีกาฯ เจ้าหน้าที่ได้นำรั้วเหล็กมากั้นเป็นทางเดิน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคู่ความ เนื่องจากมีประชาชนประมาณ 200 กว่าคนมารอให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบดูแลรักษาความปลอดภัย และเมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางมาถึงพร้อมทีมทนายความ ประชาชนต่างตะโกน "นายกฯสู้ สู้"
ขณะที่มีกลุ่มนักการเมือง อาทิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรมว.ไอซีที นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีต รมว.พาณิชย์ มาให้กำลังใจด้วยเช่นกัน
สำหรับคดีนี้คาดว่า ศาลฎีกาฯน่าจะตัดสินไม่เกินเดือนธันวาคม2559โดยประมาณ ทั้งนี้ จำเลยต้องไปศาลทุกนัดเพราะโทษสูงไม่สามารถพิจารณาลับหลังจำเลยได้
***"ทักษิณ"เลือกช้อปเสื้อแดงปนเหลือง
ในวันเดียวกัน (29 ต.ค.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์รูปลงอินสตาแกรมส่วนตัว ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าโทนสีแดง พร้อมระบุข้อความว่า "ไม่รู้เป็นไงแฟชั่นปีนี้ เพราะทุกแบรนดังๆ มีแต่สีแดง ทั้งๆ ที่ใกล้ฤดูหนาวแล้ว ปกติน่าจะเน้นสีมืดๆ เพราะปีนี้ผมก็กลัวจะตกเทรนด์ เลยเข้าไปถอยเสื้อแดงจาก Fanconnable และจาก Billionaire มาใส่ แต่เป็นสีแดงที่มีเหลืองปนนิดๆ ความปรองดอง ความยุติธรรมจะเกิดได้ ต้องเกิดจาก ?ใจที่เป็นธรรม? ด้วย"
**คาดคลังขยายเวลาสอบพยาน"ปู"อีกรอบ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการขยายเวลาสอบพยานเพิ่มเติมของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และกำหนดค่าความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว กระทรวงการคลัง ที่จะครบกำหนดวันที่ 30 ต.ค. ว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ สามารถขอขยายเวลาได้อีกหากยังไม่เสร็จ ให้ตนเดาเชื่อว่าจะขอขยายเวลาต่อไปอีก เพราะก่อนนี้เดิมจะครบในวันที่ 30 ก.ย.แต่ผู้ถูกกล่าวหาขอระบุพยาน จึงขยายให้เป็น 30 ต.ค. ขณะนี้ตนทราบว่าพยานเหล่านั้นได้มาแล้วบางคน แต่บางคนยังไม่ว่าง แจ้งมาว่าจะมาชี้แจงในเดือนพ.ย. จึงเห็นว่าน่าจะขยายเวลาต่อไปอีก เพื่อรอพยานเหล่านั้น
ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทราบว่ายังไม่มา ทั้งนี้การขอขยายเวลาต้องขอกับ รมว.คลัง และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าคสช. เนื่องจากทั้งสองคน เป็นคนลงนามคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ
สำหรับผลสอบของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ของกระทรวงพาณิชย์ ที่ส่งมาก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้ส่งไปให้นายกฯ เนื่องจากได้มีการสอบถามความชัดเจนกลับไปยังกระทรวงพาณิชย์อีกครั้ง และขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ ได้ส่งกลับมาแล้ว ในวันเดียวกันนี้ (29 ต.ค.) ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังดูอยู่ แต่ตนยังไม่ได้ดู ว่าคำนวณอย่างไร อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง จะไม่รอส่งให้นายกฯ พร้อมกัน และขอยืนยันว่าไม่ได้เร่งรัด หรือกลั่นแกล้ง ซึ่งทั้งหมดที่ต้องเร่งทำอยู่ เพราะมีเหตุผล 3-4 ข้อ คือ
1. กำหนดระยะเวลามีอายุความ 2 ปี จะต้องเร่งรัดเอ้อระเหยลอยชายไม่ได้
2. กระบวนการที่สอบมาถึงวันนี้ ยังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะกว่าที่ผ่านมา ดังนั้นต้องให้จบในกระบวนการสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว เพื่อให้ไปสู่กระบวนการของกระทรวงการคลัง ในการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง คือ ต้องมีการสอบอีกชั้น บวกการออกคำสั่งทางปกครอง ซึ่งกระบวนการยาวกว่าที่ผ่านมา
3. ในกระบวนการที่เหมือนจะเร่งรัดนั้นไม่มีการกลั่นแกล้ง เพียงแต่ต้องเดินอย่างนั้น ขณะเดียวกัน ได้กำชับในเรื่องให้ความเป็นธรรม ถึงได้มีการขยายเวลาเพื่อรับฟังพยาน
4. กรณีของกระทรวงพาณิชย์ มีเหตุที่จะต้องฟ้องหรือดำเนินคดีกับเอกชน
** หวั่นคดีฟ้องเอกชนจะหมดอายุความ
ทั้งนี้ รองนายกฯ กล่าวว่า กรณีของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ไม่มีเรื่องที่จะดำเนินคดีกับเอกชน แต่กรณีขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ต้องดำเนินการคดีกับเอกชนหลายราย ซึ่งอายุความที่ต้องดำเนินการกับเอกชนนั้นสั้นกว่า คือ สั้นไปอีก 1 ปี ไม่เหมือนเจ้าหน้าที่รัฐ และจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งสิ้น เพราะต้องรอฟังเจ้าหน้าที่ของรัฐที่รับผิดเสียก่อน จำเป็นต้องรู้ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐใครรับผิดเท่าไร แล้วจึงไปคิดการรับผิดของเอกชน จึงต้องพยายามทำเรื่องเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เสร็จโดยเร็วในขั้นตอนการสอบข้อเท็จจริง
ดังนั้น จุดเริ่มต้นเดินมาเหมือนกัน กระทั่งมาถึงจุดหนึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเลี้ยวซ้ายไปเข้ากระบวนการอีกยาว ส่วนเอกชน จะจบลงตรงนี้สามารถดำเนินการได้ แต่การดำเนินการต้องใน 1 ปี ไม่อย่างนั้นจะขาดอายุความ ซึ่งทั้งหมด คือ เหตุผลว่าทำไมต้องเร็ว โดยเอกชนต้องแล้วเสร็จในเดือนก.พ. 59 นี่คือปัญหา
เมื่อถามว่า กรณีตัวเลขค่าความเสียหายต้องดูจากค่าเช่าโกดังการเก็บรักษาที่เพิ่มมากขึ้นด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ในขณะนี้มันจบลงโดยไม่ได้บวกอนาคต ด้วยเหตุว่า ต้องตัดลงตรงที่ใดที่หนึ่ง แต่พอถึงเวลาที่จะออกคำสั่งทางปกครอง หรือฟ้อง ซึ่งแล้วแต่ว่าจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากเอกชนจะต้องใช้วิธีฟ้อง เพราะใช้คำสั่งทางปกครองไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้นมันง่าย เพราะเรารู้สูตรแล้ว โดยคูณระยะเวลาเข้าไปจนถึงวันที่ออกคำสั่งทางปกครอง
เมื่อถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้เคยระบุว่า จะเรียกค่าเสียหายได้ก่อนสิ้นปี 58 แต่เมื่อมีการสอบพยานเพิ่ม แสดงว่า การดำเนินการจะไม่ทันสิ้นปี 58 แล้ว ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า บางรายมันได้ ย้ำอีกที เรื่องนี้มันไม่ใช่เป็นการฟ้อง แต่เป็นการออกคำสั่งทางปกครอง สื่อถามพอแล้ว เพราะถ้าตนพูดไปทุกวัน มันไม่ดี คนทำความผิดไม่ใช่อาชญากร ไม่ควรมาตอกย้ำกันทุกวัน
** ซัด"เต้น"งัดวิชามารใช้ลูกชาวนาป้องโกง
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ อดีต รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. ใช้วิชามารในการตอบโต้ บิดเบือนคดีจำนำข้าว โดยให้ลูกหลานชาวนาเขียนเรียงความถึงโครงการรับจำนำข้าว และระบุว่า ตนกลัวความจริงจากลูกหลานชาวนา ว่า นายณัฐวุฒิ จะเอาเรียงความของเด็กมาปกป้องการโกงในโครงการจำนำข้าว จึงขอแนะนำให้นายณัฐวุฒิไปเยี่ยมลูกหลานชาวนาที่พ่อแม่ต้องตายถึง 16 ราย ก็จะได้ข้อมูลว่าพ่อแม่เขาตายเพราะรัฐบาลโกงจนไม่มีเงินจ่ายเงินค่าข้าว และรับทราบว่าเขาทุกข์ยากแสนสาหัสอย่างไร เพราะสังคมรู้ว่า เขาเอาเงินประชาชนทั้งประเทศ อ้างมาช่วยชาวนา แต่ก็โกงชาวนา ซื้อข้าวมาเก็บเสียค่าเช่าโกดังแพงหลายหมื่นล้าน ที่สำคัญ เก็บจนเป็นข้าวเน่า มีทั้งนั่งร้าน โกดังลม พอมาพูดในสภาฯแทนที่จะรีบแก้ไขปัญหา กลับจะแจ้งตำรวจดำเนินคดีกับตน จนพวกทุจริตได้ใจว่ารัฐบาลปกป้อง ที่สุดความเสียหายมันถึงเลวร้ายมากขนาดนี้
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ซ้ำการขายข้าวก็ขายจีทูจีปลอม แม้จะอภิปรายเปิดโปงในสภาฯ ก็ยังเหิมเกริมในอำนาจ เพราะ ป.ป.ช.เพิ่งแถลงว่า มีจีทูจีปลอมรอบสองซึ่งหนักกว่ารอบแรก สะท้อนถึงความไม่เกรงกลัวใดๆ พอถูกจับได้พร้อมหลักฐานเข้าตาจน ก็ใช้การดิ้นและบิดเบือนข้อเท็จจริง กลับใช้ลูกหลานชาวนามาปกปิดการทุจริตโกงชาติโกงแผ่นดินของเครือข่าย ดังนั้นตนขอท้านายณัฐวุฒิ หรือใครก็ได้ในพรรคเพื่อไทย ที่คิดว่าโครงการจำนำข้าว ดีไม่มีโกง มาดีเบทออกทีวีกับตน ให้ลูกหลานชาวนาดูเพื่อเด็กๆจะได้มีข้อมูลครอบคลุมทุกด้าน จะได้เขียนเรียงความให้ดีชนิดนายณัฐวุฒิไม่อยากจะอ่าน และขอเตือนถึงบางคนว่า หัดยอมรับความจริงได้แล้ว เผื่อโทษหนักจะเป็นเบา
วานนี้ (29 ต.ค.) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ.แจ้งวัฒนะ นัดตรวจหลักฐานในคดีหมายเลขดำ อม. 22/2558 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ และเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่ง หรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่ง หรือหน้าที่โดยมิชอบฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และความผิดตามพระราชบัญญัญติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 กรณีละเลยไม่ดำเนินการระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งทำให้รัฐเสียหายกว่า 5 แสนล้านบาท
โดยก่อนเริ่มกระบวนการพิจารณาศาลแจ้งให้คู่ความทราบว่า นายศิริชัย วัฒนโยธิน ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ไปดำรงตำแหน่งประธานศาลอุทธรณ์ และที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาอนุญาตให้ นายวีระพล ตั้งสุวรรณ ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนเดิม ซึ่งได้เป็นประธานศาลฎีกา ถอนตัวจากการเป็นองค์คณะผู้พิพากษาในคดีนี้ ทำให้องค์คณะผู้พิพากษาทั้งสองพ้นหน้าที่จากการเป็นองค์คณะผู้พิพากษา ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาจึงเลือกนายโสภณ โรจน์อนนท์ และนายพิศล พิรุณ เป็นองค์คณะผู้พิพากษาแทน คู่ความแถลงไม่ติดใจคัดค้าน องค์คณะผู้พิพากษาจึงได้พิจารณาเลือกนายชีพ จุลมนต์ เป็นผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน
ขณะที่การตรวจพยานหลักฐาน องค์คณะได้พิจารณาตามบัญชีของพยานโจทก์ และจำเลย ที่เสนอมาแล้วเห็นว่าให้โจทก์นำพยานเข้าไต่สวน 14 ปาก จากเดิมที่ยื่นบัญชีพยาน 17 ปากและกำหนดให้ไต่สวนพยานโจทก์ 5 นัดโดยเริ่มนัดแรกวันที่ 15 ม.ค. 2559 วันที่ 17 และ 26 ก.พ. 2559 วันที่ 4 และ 23 มี.ค. 2559
สำหรับจำเลย ศาลอนุญาตให้นำพยานเข้าไต่สวน 42 ปาก จากเดิมที่ยื่นขอ 43 ปาก โดยใช้เวลาไต่สวนพยานจำเลย 16 นัด โดยเริ่มวันที่ 1 และ 22 เม.ย. 2559 วันที่ 13 และ 18 พ.ค. 2559 วันที่ 17 และ 24 มิ.ย.2559 วันที่ 8 และ 22 ก.ค.2559 วันที่ 5 และ 19 ส.ค. 2559 วันที่ 9 และ 23 ก.ย. 2559 วันที่ 7 และ 21 ต.ค. 2559 วันที่ 4 และ 18 พ.ย. 2559 เวลา 09.30 น.
ส่วนนายบรรยง อินทนา, นางสวีณา พลพืชน์, น.ส.ศิรษา กันต์พิทยา พยานโจทก์อีก 3 ปาก และนางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. พยานจำเลยอีกหนึ่งปากให้รอพิจารณาสั่งว่าจะให้ไต่สวนหรือไม่ เมื่อศาลได้ทำการไต่สวนพยานแต่ละฝ่ายเสร็จสิ้นแล้ว
โดยศาลฎีกาฯ ได้กำชับให้คู่ความทั้งสองฝ่ายส่งคำเบิกความพยานให้ศาลก่อนวันนัด 14 วัน และส่งประเด็นคำถามเสนอศาลก่อน 7 วัน พร้อมกำชับให้นำพยานที่จะเข้าไต่สวนมาตามนัด
ภายหลังเสร็จกระบวนการพิจารณา น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวขอบคุณศาลที่อนุญาตให้นำพยานกลุ่มที่ ป.ป.ช. ไม่ได้รับไว้พิจารณา เข้าไต่สวนหลายปาก อาทิ ร้อยตำรวจเอก เฉลิม อยู่บำรุง และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ส่วนนางสดศรี สัตยธรรม อดีต กกต. อยู่ระหว่างการตอบรับว่าจะมาเป็นพยานหรือไม่ และตัวเองมั่นใจในพยานหลักฐานที่มียู่จะสามารถชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาของฝ่ายโจทย์ได้ โดยเชื่อว่า ศาลฎีกาฯ จะให้ความเป็นธรรม และตนก็พร้อมต่อสู้ตามกระบวนกฎหมาย
ส่วนกรณีที่มีกลุ่มประชาชนนัดสวมเสื้อสีแดงในวันที่ 1 พ.ย. นี้ เพื่อให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ขอขอบคุณทุกกำลังใจ ที่มอบให้ แต่ขอให้คำนึงถึงคำสั่งของ คสช. และรัฐบาล เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบ และอยากให้เข้าสู่การปรองดอง
ด้าน นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เปิดเผยว่าพยานสำคัญที่จะนำไต่สวนในคดีนี้ อาทิ น.ส.ยิ่งลักษณ์, นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง, นายนิวัฒธำรงค์ บุญทรงไพศาล, นายโอฬาร ไชยประวัติ อดีตประธานผู้แทนการค้าไทย และอดีตที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์, นายยรรยง พวงราช อดีต รมช.พาณิชย์ , นายสัตวแพทย์ ชัย วัชรงค์ นักวิชาการอิสระ และนายสุเมธ เหล่าโมราพร ประธานคณะผู้บริหาร บ.ซีพี อินเตอร์เทรด จำกัด
ส่วนกรณีที่กระทรวงการคลังจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องขอความเป็นธรรม เพราะหากกระทรวงการคลังจะดำเนินการตรวจสอบคิดคำนวณเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งก่อนที่คดีอาญาในศาลฎีกาฯ จะเสร็จสิ้น ย่อมจะไม่ถูกต้อง เพราะในสำนวนคดีอาญาได้แต่ฟ้องในความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่มิชอบเท่านั้น ไม่ได้กล่าวหาว่ากระทำการทุจริตและในสำนวนก็ไม่ได้ระบุตัวเลขความเสียหายไว้ ซึ่งต่างจากสำนวนของนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ ส่วนพยานปากนางสดศรี อดีต กกต. ที่ศาลให้รอฟังว่าจะให้นำเข้าไต่สวนเพิ่มจากพยาน 42 ปาก หรือไม่นั้น ในการต่อสู้คดีเราก็ต้องการให้นางสดศรีเข้าเบิกความเกี่ยวกับประเด็นนโยบายการเมืองที่หาเสียงในช่วงเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศในบริเวณศาลฎีกาฯ เจ้าหน้าที่ได้นำรั้วเหล็กมากั้นเป็นทางเดิน เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคู่ความ เนื่องจากมีประชาชนประมาณ 200 กว่าคนมารอให้กำลังใจ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวนมาก โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบดูแลรักษาความปลอดภัย และเมื่อน.ส.ยิ่งลักษณ์ เดินทางมาถึงพร้อมทีมทนายความ ประชาชนต่างตะโกน "นายกฯสู้ สู้"
ขณะที่มีกลุ่มนักการเมือง อาทิ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีต รมว.ต่างประเทศ น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีตรมว.ไอซีที นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีต รมว.พาณิชย์ มาให้กำลังใจด้วยเช่นกัน
สำหรับคดีนี้คาดว่า ศาลฎีกาฯน่าจะตัดสินไม่เกินเดือนธันวาคม2559โดยประมาณ ทั้งนี้ จำเลยต้องไปศาลทุกนัดเพราะโทษสูงไม่สามารถพิจารณาลับหลังจำเลยได้
***"ทักษิณ"เลือกช้อปเสื้อแดงปนเหลือง
ในวันเดียวกัน (29 ต.ค.) นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ โพสต์รูปลงอินสตาแกรมส่วนตัว ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ขณะกำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าโทนสีแดง พร้อมระบุข้อความว่า "ไม่รู้เป็นไงแฟชั่นปีนี้ เพราะทุกแบรนดังๆ มีแต่สีแดง ทั้งๆ ที่ใกล้ฤดูหนาวแล้ว ปกติน่าจะเน้นสีมืดๆ เพราะปีนี้ผมก็กลัวจะตกเทรนด์ เลยเข้าไปถอยเสื้อแดงจาก Fanconnable และจาก Billionaire มาใส่ แต่เป็นสีแดงที่มีเหลืองปนนิดๆ ความปรองดอง ความยุติธรรมจะเกิดได้ ต้องเกิดจาก ?ใจที่เป็นธรรม? ด้วย"
**คาดคลังขยายเวลาสอบพยาน"ปู"อีกรอบ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการขยายเวลาสอบพยานเพิ่มเติมของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และกำหนดค่าความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว กระทรวงการคลัง ที่จะครบกำหนดวันที่ 30 ต.ค. ว่า คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ สามารถขอขยายเวลาได้อีกหากยังไม่เสร็จ ให้ตนเดาเชื่อว่าจะขอขยายเวลาต่อไปอีก เพราะก่อนนี้เดิมจะครบในวันที่ 30 ก.ย.แต่ผู้ถูกกล่าวหาขอระบุพยาน จึงขยายให้เป็น 30 ต.ค. ขณะนี้ตนทราบว่าพยานเหล่านั้นได้มาแล้วบางคน แต่บางคนยังไม่ว่าง แจ้งมาว่าจะมาชี้แจงในเดือนพ.ย. จึงเห็นว่าน่าจะขยายเวลาต่อไปอีก เพื่อรอพยานเหล่านั้น
ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทราบว่ายังไม่มา ทั้งนี้การขอขยายเวลาต้องขอกับ รมว.คลัง และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าคสช. เนื่องจากทั้งสองคน เป็นคนลงนามคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ
สำหรับผลสอบของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ของกระทรวงพาณิชย์ ที่ส่งมาก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้ส่งไปให้นายกฯ เนื่องจากได้มีการสอบถามความชัดเจนกลับไปยังกระทรวงพาณิชย์อีกครั้ง และขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ ได้ส่งกลับมาแล้ว ในวันเดียวกันนี้ (29 ต.ค.) ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังดูอยู่ แต่ตนยังไม่ได้ดู ว่าคำนวณอย่างไร อย่างไรก็ตาม ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง จะไม่รอส่งให้นายกฯ พร้อมกัน และขอยืนยันว่าไม่ได้เร่งรัด หรือกลั่นแกล้ง ซึ่งทั้งหมดที่ต้องเร่งทำอยู่ เพราะมีเหตุผล 3-4 ข้อ คือ
1. กำหนดระยะเวลามีอายุความ 2 ปี จะต้องเร่งรัดเอ้อระเหยลอยชายไม่ได้
2. กระบวนการที่สอบมาถึงวันนี้ ยังมีเรื่องต้องทำอีกเยอะกว่าที่ผ่านมา ดังนั้นต้องให้จบในกระบวนการสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว เพื่อให้ไปสู่กระบวนการของกระทรวงการคลัง ในการตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาความรับผิดทางแพ่ง คือ ต้องมีการสอบอีกชั้น บวกการออกคำสั่งทางปกครอง ซึ่งกระบวนการยาวกว่าที่ผ่านมา
3. ในกระบวนการที่เหมือนจะเร่งรัดนั้นไม่มีการกลั่นแกล้ง เพียงแต่ต้องเดินอย่างนั้น ขณะเดียวกัน ได้กำชับในเรื่องให้ความเป็นธรรม ถึงได้มีการขยายเวลาเพื่อรับฟังพยาน
4. กรณีของกระทรวงพาณิชย์ มีเหตุที่จะต้องฟ้องหรือดำเนินคดีกับเอกชน
** หวั่นคดีฟ้องเอกชนจะหมดอายุความ
ทั้งนี้ รองนายกฯ กล่าวว่า กรณีของอดีตนายกฯยิ่งลักษณ์ ไม่มีเรื่องที่จะดำเนินคดีกับเอกชน แต่กรณีขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ต้องดำเนินการคดีกับเอกชนหลายราย ซึ่งอายุความที่ต้องดำเนินการกับเอกชนนั้นสั้นกว่า คือ สั้นไปอีก 1 ปี ไม่เหมือนเจ้าหน้าที่รัฐ และจนถึงวันนี้ ก็ยังไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งสิ้น เพราะต้องรอฟังเจ้าหน้าที่ของรัฐที่รับผิดเสียก่อน จำเป็นต้องรู้ว่า เจ้าหน้าที่ของรัฐใครรับผิดเท่าไร แล้วจึงไปคิดการรับผิดของเอกชน จึงต้องพยายามทำเรื่องเจ้าหน้าที่ของรัฐให้เสร็จโดยเร็วในขั้นตอนการสอบข้อเท็จจริง
ดังนั้น จุดเริ่มต้นเดินมาเหมือนกัน กระทั่งมาถึงจุดหนึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐจะเลี้ยวซ้ายไปเข้ากระบวนการอีกยาว ส่วนเอกชน จะจบลงตรงนี้สามารถดำเนินการได้ แต่การดำเนินการต้องใน 1 ปี ไม่อย่างนั้นจะขาดอายุความ ซึ่งทั้งหมด คือ เหตุผลว่าทำไมต้องเร็ว โดยเอกชนต้องแล้วเสร็จในเดือนก.พ. 59 นี่คือปัญหา
เมื่อถามว่า กรณีตัวเลขค่าความเสียหายต้องดูจากค่าเช่าโกดังการเก็บรักษาที่เพิ่มมากขึ้นด้วยหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ในขณะนี้มันจบลงโดยไม่ได้บวกอนาคต ด้วยเหตุว่า ต้องตัดลงตรงที่ใดที่หนึ่ง แต่พอถึงเวลาที่จะออกคำสั่งทางปกครอง หรือฟ้อง ซึ่งแล้วแต่ว่าจะดำเนินการอย่างไร เนื่องจากเอกชนจะต้องใช้วิธีฟ้อง เพราะใช้คำสั่งทางปกครองไม่ได้ เมื่อถึงเวลานั้นมันง่าย เพราะเรารู้สูตรแล้ว โดยคูณระยะเวลาเข้าไปจนถึงวันที่ออกคำสั่งทางปกครอง
เมื่อถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้เคยระบุว่า จะเรียกค่าเสียหายได้ก่อนสิ้นปี 58 แต่เมื่อมีการสอบพยานเพิ่ม แสดงว่า การดำเนินการจะไม่ทันสิ้นปี 58 แล้ว ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า บางรายมันได้ ย้ำอีกที เรื่องนี้มันไม่ใช่เป็นการฟ้อง แต่เป็นการออกคำสั่งทางปกครอง สื่อถามพอแล้ว เพราะถ้าตนพูดไปทุกวัน มันไม่ดี คนทำความผิดไม่ใช่อาชญากร ไม่ควรมาตอกย้ำกันทุกวัน
** ซัด"เต้น"งัดวิชามารใช้ลูกชาวนาป้องโกง
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายณัฐวุฒิ ใสเกื้อ อดีต รมช.พาณิชย์ และแกนนำ นปช. ใช้วิชามารในการตอบโต้ บิดเบือนคดีจำนำข้าว โดยให้ลูกหลานชาวนาเขียนเรียงความถึงโครงการรับจำนำข้าว และระบุว่า ตนกลัวความจริงจากลูกหลานชาวนา ว่า นายณัฐวุฒิ จะเอาเรียงความของเด็กมาปกป้องการโกงในโครงการจำนำข้าว จึงขอแนะนำให้นายณัฐวุฒิไปเยี่ยมลูกหลานชาวนาที่พ่อแม่ต้องตายถึง 16 ราย ก็จะได้ข้อมูลว่าพ่อแม่เขาตายเพราะรัฐบาลโกงจนไม่มีเงินจ่ายเงินค่าข้าว และรับทราบว่าเขาทุกข์ยากแสนสาหัสอย่างไร เพราะสังคมรู้ว่า เขาเอาเงินประชาชนทั้งประเทศ อ้างมาช่วยชาวนา แต่ก็โกงชาวนา ซื้อข้าวมาเก็บเสียค่าเช่าโกดังแพงหลายหมื่นล้าน ที่สำคัญ เก็บจนเป็นข้าวเน่า มีทั้งนั่งร้าน โกดังลม พอมาพูดในสภาฯแทนที่จะรีบแก้ไขปัญหา กลับจะแจ้งตำรวจดำเนินคดีกับตน จนพวกทุจริตได้ใจว่ารัฐบาลปกป้อง ที่สุดความเสียหายมันถึงเลวร้ายมากขนาดนี้
นพ.วรงค์ กล่าวต่อว่า ซ้ำการขายข้าวก็ขายจีทูจีปลอม แม้จะอภิปรายเปิดโปงในสภาฯ ก็ยังเหิมเกริมในอำนาจ เพราะ ป.ป.ช.เพิ่งแถลงว่า มีจีทูจีปลอมรอบสองซึ่งหนักกว่ารอบแรก สะท้อนถึงความไม่เกรงกลัวใดๆ พอถูกจับได้พร้อมหลักฐานเข้าตาจน ก็ใช้การดิ้นและบิดเบือนข้อเท็จจริง กลับใช้ลูกหลานชาวนามาปกปิดการทุจริตโกงชาติโกงแผ่นดินของเครือข่าย ดังนั้นตนขอท้านายณัฐวุฒิ หรือใครก็ได้ในพรรคเพื่อไทย ที่คิดว่าโครงการจำนำข้าว ดีไม่มีโกง มาดีเบทออกทีวีกับตน ให้ลูกหลานชาวนาดูเพื่อเด็กๆจะได้มีข้อมูลครอบคลุมทุกด้าน จะได้เขียนเรียงความให้ดีชนิดนายณัฐวุฒิไม่อยากจะอ่าน และขอเตือนถึงบางคนว่า หัดยอมรับความจริงได้แล้ว เผื่อโทษหนักจะเป็นเบา