xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เปลี่ยนรับเป็นรุก“บิ๊กตู่”ชิงดักคอ แก้เกม“ยิ่งลักษณ์”ส่งสัญญาณสู้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ออกสารจากใจ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เบิ้ล 2 ครั้งติดๆกัน บ่งชี้ถึงอาการไม่ปกติของรัฐบาล โดยเฉพาะใจความสำคัญที่มุ่งเน้นไปเรื่องการสร้างความเข้าใจกับประชาชนเป็นส่วนใหญ่ ทั้งที่มีโอกาสพูดในรายการคืนความสุขให้คนในชาติทุกหัวค่ำวันศุกร์อยู่แล้ว กับอีกปมหนึ่งที่พยายามจะสื่อออกไปในลักษณะห้ามปรามใครบางคน ที่คิดจะลงมือทำอะไรสักอย่าง นั่นแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกำลังรับรู้ถึงความไม่ชอบมาพากลอะไรสักอย่างเข้าให้แล้ว

สถานการณ์ภายในประเทศดูจากภายนอกด้วยตาเปล่าเหมือนคลื่นลมสงบดี ไม่มีวาระร้อนๆ อะไรที่ทำให้รัฐบาลต้องอกสั่นขวัญผวา แต่หากจะมองในมุมถึงความพยายามจะทำให้มี ตรงนี้อาจเป็นสิ่งที่ “บิ๊กตู่”กำลังวิตกอยู่ก็เป็นได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมองไปถึงความเคลื่อนไหวของคีย์แมนคนสำคัญในพรรคเพื่อไทยอย่าง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เริ่มกลับมามีบทบาทบนเวทีอีกครั้ง

การปรากฏตัวของยิ่งลักษณ์ระยะนี้ ถี่ขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่การเดินทางไปศาลอาญาด้วยตัวเอง เพื่อฟ้องนายตระกูล วินิจนัยภาค อดีตอัยการสูงสุด (อสส.) กับคณะ ที่มีความเห็นสั่งฟ้องคดีโครงการรับจำนำข้าว ทั้งที่โดยปกติ ยิ่งลักษณ์มักจะมอบหมายให้ทนายความเดินทางไปแทนมากกว่า ตลอดจนการเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง “บิ๊กตู่”เพื่อคัดค้านการเรียกค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ด้วยวิธีการออกคำสั่งทางปกครอง แต่ให้ใช้วิธีสู้กันตามกระบวนการยุติธรรม คือ ในชั้นศาล

หากมองจากข้อต่อสู้ที่ ยิ่งลักษณ์เรียกร้องไม่ว่าจะเป็นการฟ้องอดีต อสส. และการเขียนจดหมายเปิดผนึกถึง “บิ๊กตู่”ถือว่าน้ำหนักเบาหวิว หากจะต้องฟาดฟันกันด้วยข้อกฎหมาย ซึ่งทนายความ หรือทีมกฎหมายที่อ่านกฎหมายรู้ ดูกฎหมายเป็น ย่อมตระหนักดีอยู่แล้ว หากแต่การออกมาครั้งนี้ก็เพื่อจะต้องการส่งสัญญาณว่า เธอไม่ได้รับความเป็นธรรมตามกระบวนการยุติธรรมที่แท้จริง คล้ายกับกลวิธีที่ ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชาย เคยใช้เรียกความสงสารจากประชาชนมาแล้วในอดีต

ปฏิกิริยาของยิ่งลักษณ์ กับบทบาทปัจจุบันกำลังแสดงให้เห็นถึงท่าทีโดยรวมของพรรคเพื่อไทยว่า เลิกที่จะเล่นบทแกล้งตายอีกต่อไป พร้อมกับการลุกขึ้นมา ตาต่อตา ฟันต่อฟัน กับฝ่ายผู้มีอำนาจผ่านยุทธวิธีต่างๆ ที่แยบยลขึ้น มากกว่าจะปล่อยให้ถูกไล่ต้อนเพียงอย่างเดียว หลังในช่วงระยะไม่กี่เดือนมานี้คนในระบอบทักษิณ ต้องเผชิญกับชะตากรรมที่หนักหน่วงไปนักต่อนัก ตั้งแต่ตัวพ่ออย่างนายใหญ่ที่ถูกถอดยศ จนล่อนจ้อน ไร้คำนำหน้า คดีอาญาโครงการรับจำนำข้าว ในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ที่รุดหน้าไปแบบรวดเร็ว ตลอดจนการเดินเครื่องทางแพ่ง เพื่อยึดทรัพย์ยิ่งลักษณ์
                    
    ชะตากรรมของยิ่งลักษณ์ ผู้เป็นน้องสาวถูกแขวนอยู่บนเส้นด้าย โอกาสหลุดรอดเหลือเพียงน้อยนิด หากจับสัญญาณจากผู้มีอำนาจ การปล่อยให้ถูกไล่เช็กบิลอย่างเดียว ชีวิตของยิ่งลักษณ์ คงมีให้เลือกสองทางเท่านั้นระหว่าง “คุก”กับ “หนี” แน่นอน ไม่ใช่เพียงแค่ทักษิณเท่านั้นที่ไม่ยอม แต่ตัวยิ่งลักษณ์และองคาพยพอื่นๆ ย่อมไม่ยอมด้วยเช่นกัน วิธีการเดียวที่จะทำให้เกมพลิก คือ ทำให้ฝ่ายมีอำนาจสิ้นอำนาจ

การที่จะทำให้ “บิ๊กตู่”และคณะรัฐประหารที่มีอำนาจรัฐและกองทัพค้ำยันล้มลงได้ มีทางเดียวคือ ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ออกมาต่อต้าน คัดค้าน ไม่ยอมรับการบริหารประเทศ รัฐบาลขาดความเชื่อถือและศรัทธาจนไม่มีใครไว้วางใจ ซึ่งหากดูสถานการณ์ปัจจุบัน คงต้องยอมรับว่า มันยังไม่สุกงอมพอที่ใครจะเขย่าเสถียรภาพรัฐบาลทหารได้ การจะก่อม็อบ จึงยังไม่มีเหตุผลเพียงพอหรือชอบธรรม

แต่กระนั้นไม่ได้หมายความว่า รัฐบาลไม่มีช่องโหว่เพื่อเปิดการ์ดให้ฝ่ายตรงข้ามชก อย่าลืมว่า การเป็นรัฐบาลทหารก็มีข้อจำกัดและจุดอ่อนอยู่หลายอย่างด้วยกัน โดยเฉพาะการกดดันจากภายนอกประเทศ ผ่านมาตรการคว่ำบาตรต่างๆ อย่างเรื่องเศรษฐกิจ หรือการให้การยอมรับที่น้อยกว่ารัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ดังนั้น การใช้ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศกัดเซาะไปเรื่อยๆ ย่อมมีผลเช่นเดียวกัน ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็ยังใช้มุกนี้อยู่เป็นระยะ สบช่องก็เล่นเอาล่อเอาเถิดทุกครั้งที่มีโอกาส

อย่างคิวล่าสุด ที่รัฐสภาสหภาพยุโรปออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ประเทศไทยกลับสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด และขอให้หยุดการละเมิดสิทธิมนุษยชน ดอกนี้พรรคเพื่อไทย รีบกระโดดงับ พยายามหยิบเอามาขยายแล้วย้ำแผลซ้ำๆ หลายวันติดเพื่อกดดันรัฐบาล แน่นอนแถลงการณ์เหล่านี้หากออกมาบ่อยๆ ไม่เป็นผลดีแน่ เพราะจะมีผลต่อปฏิกิริยาของคนในสังคม จนอาจกลายเป็นกระแสลุกลามได้ โดยเฉพาะความชอบธรรมในการรวมตัวของผู้ที่อยู่ตรงข้ามรัฐบาล โดยอาศัยคำว่า สากลเขย่ารัฐบาลให้รีบคายอำนาจ

ขณะเดียวกัน จะเห็นว่าในทุกช่องทางมีความพยายามจะปลุกเร้ากันในหลายประเด็นเพื่อให้สุกงอม แม้กระทั่งกลุ่มหมิ่นเบื้องสูงอย่าง สุรชัย แซ่ด่าน ที่เริ่มอัดคลิปสร้างกระแสถี่ขึ้นเรื่อยๆ

กับอีกประเด็นหนึ่งคือ เรื่องปัญหาปากท้อง ที่รัฐบาลยังแก้ไม่ตก แม้จะได้มือดีอย่าง สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามากอบกู้สถานการณ์ผ่านการอัดฉีดโครงการต่างๆ อย่างถี่ยิบก็ตาม เพราะสถานการณ์โดยรวมของโลกไม่ได้เอื้อให้ ตลอดจนปัญหาภัยแล้งในปีหน้า ที่มีการคาดการณ์กันว่าจะแล้งหนัก ซึ่งย่อมส่งผลกระทบต่อพี่น้องเกษตรกรที่ทำนาทำไร่ ที่จะได้รับความเดือดร้อนโดยตรง จนเป็นชนวนให้ฝ่ายตรงข้ามหยิบไปผสมโรงกับเรื่องต่างๆ เพื่อปลุกระดมตะเพิดรัฐบาล

ปัญหาปากท้อง เป็นเรื่องน็อคทุกรัฐบาลได้ง่าย และรวดเร็วที่สุด ดังนั้น ชั่วโมงนี้กำลังมีคนรอเหยียบรัฐบาลอยู่ เพียงแต่ให้ทุกอย่างมันสุกงอม ปัจจัยสำคัญๆ เกิดขึ้นพร้อมๆ กันเสียก่อน

ฝ่ายตรงข้ามเองน่าจะเร่งเกมไม่รอให้ถึงเลือกตั้งแน่ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กำลังผลิตอยู่ ไม่น่าจะเอื้อต่อการกลับเข้าสู่อำนาจอีกครั้ง อีกทั้งชีวิตยิ่งลักษณ์ ตอนนี้เหมือนลูกไก่ในกำมือแป๊ะ การแกล้งตายอาจได้ตายจริง

สารจาก “บิ๊กตู่”จึงเป็นการสะท้อนว่า ฝ่ายอำนาจรัฐรู้ และกำลังแก้เกมใหม่ เพื่อรับมือกับสิ่งที่ฝ่ายต้านกำลังจะลงมือ จากเดิมที่คิดว่าเอาอยู่ แต่หากดูจากปรากฏการณ์ต่างๆ และความเคลื่อนไหวของอีกฝั่งแล้ว มันเริ่มชัดจนเห็นสัญญาณแตกหักในอนาคต จึงต้องชิงตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เร่งสร้างความเข้าใจ และห้ามปรามเป็นการดักคอ ในช่วงที่ตัวเองยังมีเสถียรภาพดีอยู่ หรือเล่นกันแรงๆไปเลย ให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งหลักไม่ทัน ตั้งตัวไม่ติด แล้วค่อยใช้จังหวะที่ได้เปรียบ ผ่อนสั้น ผ่อนยาว

 สำคัญคือ วันนี้รัฐบาลคสช.โชคดีเหลือเกินที่ประเด็นรัฐธรรมนูญไม่ร้อนฉ่าเท่าไหร่ มิเช่นนั้นคงสาหัสกว่านี้ เพราะได้ มีชัย ฤชุพันธุ์ มือกฎหมายระดับเซียนเหยียบเมฆไร้ร่องรอย มาเป็นคอนดรักเตอร์ บรรเลงเพลงจนเคลิ้มไปทั้งประเทศ แม้จะมีกลุ่มต้านอยู่บ้าง แต่ก็กลายเป็นพวกเมากาว เสียสติไปเพราะคนส่วนใหญ่ หรือเกือบทั้งประเทศให้ความเคารพเชื่อถือ ใช้มีชัย-ปลอดภัย มั่นใจ หายห่วง !!!


ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
กำลังโหลดความคิดเห็น