ยิ่งลักษณ์ปลุกม็อบสู้ !!

เกาะกระแส



00 ก็ถือว่าสร้างความปั่นป่วนได้พอสมควร และน่าจะเป็นไปตามเป้าหมายสำหรับ"แผนนารีพิฆาต"ของ เครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ที่"ใช้ชื่อ" ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เขียนจดหมายเปิดผนึกถล่ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช.โดยกล่าวหาในทำนองว่าไม่ให้ความเป็นธรรม ใช้อำนาจข่มเหงรังแกจากการใช้คำสั่งทางปกครองบังคับให้ชดใช้ความเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว ที่คาดว่ามีมูลค่าความเสียหายไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท ข้อความในจดหมายดังกล่าวหากอ่านโดยผิวเผินไม่ต้องไตรตรองอะไรมาก ก็อาจคล้อยตามได้ไม่ยาก ซึ่งก็ได้ผลสำหรับการปลุกระดมกับมวลชนที่เคยสนับสนุนมานาน

00 แต่ในอีกมุมหนึ่งสำหรับคนที่ติดตามการเมืองอย่างเข้าใจรวมทั้งติดตามพฤติกรรมของคนในครอบครัวนี้มานาน ตั้งแต่ ทักษิณ ชินวัตร ต่อเนื่องกันมาก็ต้องหัวร่อออกมาทุกครั้ง ที่ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กำลังพลิกมุมกฎหมาย เลี่ยงการใช้กระบวนการทางศาล ก็ต้องบอกว่า"เดี๋ยวเจอแน่"นั่นคือด่านแรกเมื่อมีคำสั่งทางปกครองให้ชดใช้ค่าเสียหาย เธอก็ต้องโต้แย้งคัดค้านไปร้องศาลปกครองกลางก่อน จากนั้นหากแพ้ก็ต้องไปต่อกันที่ศาลปกครองสูงสุด ซึ่งใช้วิธีการไต่สวนหาความจริง และที่สำคัญต้องใช้เวลานานนับปีอย่างน้อยน่าจะสักสองปีก็เป็นได้ ซึ่งพวกกูรูทางกฎหมายบอกว่าตามปกติแล้วหากเป็นคดีที่เกี่ยวกับทางแพ่งส่วนใหญ่จะต้องรอการตัดสินของคดีอาญาที่ตีคู่กันมาด้วย นั่นคือคดีที่กำลังเดินอยู่ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจากความเสียหายของโครงการรับจำนำข้าวเหมือนกัน

00 แน่นอนว่าบุคคลที่คาดว่า"จะโดน"บังคับให้ชดใช้ค่าเสียหายนอกจาก ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้ว ยังต้องมี บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ และ ภูมิ สารผล อดีต รมช.พาณิชย์ ที่เกี่ยวกับคดีขายข้างจีทูจีเก๊ ซึ่งก็โดนทั้งคดีทางแพ่งและอาญาในแบบเดียวกัน ถือว่า"นอนตาไม่หลับ"นับจากนี้ไป เพราะถือว่านี่คือ"วิบากกรรม"แบบมาราธอนเสียด้วย !!

00 อย่างไรก็ดีในทางจิตวิทยาก็ต้องถือว่าการออกมาใช้ชื่อของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทิ้งบอมบ์เข้าใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคสช.ตามแผน"นารีพิฆาต"คราวนี้ก็ได้ผลในระดับหนึ่ง อย่างน้อยก็ทำให้ปั่นป่วนกันไปพอสมควร มีการแถลงชี้แจงกันพัลวัน แม้แต่ วิษณุ เครืองาม รองนายกฯมือกฎหมายก็ยังต้องออกตัว "เซฟ"นายกฯสำรองไว้อีกชั้นหนึ่งคือ นายกฯไม่จำเป็นต้องลงชื่อในคำสั่งก็ได้ ใช้รัฐมนตรีคนอื่นลงนามในคำสั่งก็ได้ อย่างน้อยก็เพื่อป้องกันความรำคาญในภายหน้าหากต้องถูกฟ้องตามมาตรา 157 !!

00 วกมาที่รัฐธรรมนูญกันบ้าง เวลานี้ยังถือว่าเป็นช่วงเลียบๆเคียงๆยังไม่เดินหน้าเต็มตัว เป็นแบบรับฟังความเห็น อยู่ในช่วงของความเห็นจากองค์กรอิสระ ทั้ง ปปช.สตง.ที่ดน้นในเรื่องความคล่องตัวในการจัดการปัญหาทุจริต ให้สามารถใช้อำนาจแบบกระชับฉับไว ไม่ใช่คนโกงตายไแล้วหรือลืมไปแล้วกว่าผลความผิดจะออกมา ดังนั้นถ้าเดาทางก็มั่นใจว่า คราวนี้การจัดการกับการทุจริตจะต้องเข้มข้นกว่าเดิมหลายเท่าแน่ ซึ่ง มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการยกร่างฯได้เน้นย้ำมาหลายครั้งแล้ว !!