xs
xsm
sm
md
lg

“แม้ว” งัดไม้ตาย “นารีพิฆาต” ดิสเครดิต ประยุทธ์-คสช.!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ผ่าประเด็นร้อน


อาจจะเรียกว่า เป็น “ทีเด็ด” หรืออาจเรียกว่าเป็น “ไม้ตาย” สำคัญสำหรับเครือข่าย ทักษิณ ชินวัตร ที่พยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อหวังพลิกเกมให้กลับมาเอาชนะ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หลังจากเพลี่ยงพล้ำทางการเมือง ถูกดำเนินคดีทุจริต คดีอาญา มาอย่างต่อเนื่องหลายคดี เรียกว่าครบถ้วนแทบจะทุกตัวคนกันเลยทีเดียว

สำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ที่ถือว่าเป็นหัวขบวนใหญ่ ล่าสุดก็เพิ่งถูกศาลออกหมายจับเป็นคดีที่ 7 แล้วจากการพูดจาให้ร้ายหมิ่นประมาทกองทัพบก ถือว่าเป็นการให้ร้าย เป็นการทำลายความมั่นคง ตามมาด้วยการถูกออกหมายจับดังกล่าว

ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังได้ประกาศท่าทีชัดเจนว่าจะไม่ประนีประนอมปรองดองกับใครก็ตามที่หลบหนีคดีทั้งที่อยู่ในประเทศ หรือต่างประเทศ และที่น่าจับตา ก็คือ การประกาศกร้าวในทำนองว่า “มีหลักฐาน” ว่า “กองกำลังทราบฝ่าย” ในอดีตที่ก่อเหตุรุนแรงมานานหลายปีนั้นได้รับการสนับสนุนจากใคร ท่าทีแบบนี้ถือว่าน่าจับตาอย่างยิ่ง เพราะเป็นการแสดงท่าทีชัดเจนเป็นครั้งแรก แม้ว่าในระดับชาวบ้านทั่วไปที่ติดตามเรื่องราวมานานจะรับรู้มานานแล้วว่าคนพวกนี้เป็นเครือข่ายเดียวกับเครือยข่ายทักษิณ เป็นพวกเดียวกับคนเสื้อแดง จากหลักฐานทั้งเป็นภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว อีกทั้งการให้สัมภาษณ์คุยโวโอ้อวดของแกนนำเสื้อแดงบางคนในอดีตก็ชัดเจน เนื่องจากเขาคงคิดว่าพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน และ ทักษิณ ชินวัตร มีอำนาจมั่นคง คงไม่คิดว่าจะมีชะตากรรมแบบวันนี้

ในตอนนั้นมีทั้งตำรวจและทหารนอกแถวบางส่วนให้การสนับสนุนอย่างชัดเจน ทั้งการฝึก ติดอาวุธกันแบบแทบจะเรียกว่า “เปิดเผย” กันเลยทีเดียว ที่น่าสนใจก็คือ ความเคลื่อนไหวเหล่านี้เชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็น่าจะรู้ดี เพียงแต่ว่า “ยั้ง” เอาไว้ ไม่เคยพูดหรือแสดงท่าทีชัดแบบนี้มาก่อน สาเหตุอาจเป็นเพราะ “เหลืออด” หรือคนพวกนี้ไม่ยอมหยุด ยังมีการก่อกวนก่อเหตุอย่างต่อเนื่องในหลายรูปแบบ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยเฉพาะความเคลื่อนไหวที่รอป่วน “คว่ำ” รัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือเปล่าที่ทำให้เป็นเหตุผลต้องเปิดหน้าชกกันแบบไม่เกรงใจกันอีกแล้ว

นอกจากนี้ยังไฟเขียวทุกคดีให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามขั้นตอนแบบไม่มีการยกเว้นทุกเรื่อง และแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงเรื่องการกระทำผิด ถูกดำเนินคดีก็ต้องเป็นฝ่ายเครือข่ายทักษิณ ชินวัตร เพราะทุจริต ใช้อำนาจมิชอบ ไร้ธรรมาภิบาล มีเครือข่ายที่กระทำผิดมาตรา 112 ซึ่งไม่มีกลุ่มไหนทำแบบนี้เป็นอันขาด

ที่น่าเจ็บปวดสำหรับ ทักษิณ ชินวัตร ก็คือ การที่น้องสาวของเขา คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ถูกฟ้องอาญาจากโครงการรับจำนำข้าวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และกำลังจะโดนคำสั่งทางปกครองเรียกให้ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการดังกล่าว เชื่อว่ามีไม่น้อยกว่า 5 แสนล้านบาท ความหมายก็คือ “เสี่ยงทั้งคุก และถูกยึดทรัพย์” และที่สำคัญไปกว่านั้นอีก ก็คือ แนวโน้มของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังนำยกร่างฯ โดย มีชัย ฤชุพันธุ์ ต้องเดินตามกรอบของรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 35 ที่ห้ามคนโกงเคยต้องคดีทุจริตลงสู่สนามการเมืองตลอดชีวิต แบบนี้เท่ากับตัดทางทำมาหากินกันเลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังอยู่ ย่อมเป็นภัยต่อครอบครัวนี้อย่างแน่นอน เพราะไม่อาจปรองดองกันได้ ดังนั้น เมื่อแนวโน้มมีแต่เป็นลบ มันก็ต้องดิ้นรนสู้ ขณะเดียวกัน ไม่มีเรื่องไหนมีน้ำหนักเท่ากับยกเอาเรื่อง “เผด็จการรังแก” มาเป็นธงนำ และเชื่อว่า “อ่อนไหว” ที่สุดก็คือ การใช้ “แผนนารีพิฆาต” ที่กำลังเดินหน้าอย่างเต็มตัวในเวลานี้ เห็นได้จากจดหมายเปิดผนึกที่ส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แต่มีเจตนาให้ชาวบ้านได้รับรู้ กล่าวหาว่า “บิดเบือนกฎหมาย” เพื่อรังแกเธออย่างไม่เป็นธรรม เพราะการใช้คำสั่งทางปกครองบังคับให้ชดใช้ค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวโดยไม่ผ่านการพิจารณาตัดสินของศาล ถือว่าไม่เป็นธรรม ดังข้อความในจดหมายบางตอนดังนี้

“ฝ่ายกฎหมายของท่านกลับ “พลิกมุมกฎหมายและกลไก” ในการเรียกค่าเสียหายใหม่ โดยหากพบว่ามีความผิด รัฐจะไม่ฟ้อง แต่ใช้วิธีให้ท่านออกคำสั่งทางปกครอง (โดยไม่ต้องเข้าคณะรัฐมนตรี) สั่งให้บุคคลที่เกี่ยวข้องชำระหนี้เหมือนคำสั่งยึดทรัพย์ เพียงเพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมในการฟ้องเรียกค่าเสียหายที่จะต้องเสียเงินค่าธรรมเนียมศาล ซึ่งเท่ากับว่าท่านได้ใช้อำนาจหน้าที่ของท่านเสมือนหนึ่งเป็นคำพิพากษาของศาล เป็นกลไกในการชี้ถูกผิดว่าจะให้ผู้ใดรับผิดชอบในค่าเสียหายต่อการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าว ทั้งที่การพิจารณาคดีของศาลในคดีอาญายังไม่เสร็จสิ้น”

“เรื่องที่กล่าวมาทั้งหมดเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องระหว่างตัวของดิฉัน ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรีผู้เคยดูแลการแก้ปัญหาสินค้าข้าวซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจหลักที่สำคัญของประเทศ เพื่อให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิผลเป็นประโยชน์สูงสุดต่อเศรษฐกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม และที่เสนอว่าควรให้ศาลเป็นผู้พิจารณานั้น เพราะดิฉันเห็นว่าทุกคนควรได้รับ “หลักประกันแห่งความยุติธรรม” ที่จำต้องมี เพราะการดำเนินนโยบายโครงการรับจำนำข้าวเป็นการกระทำทางการบริหารตามนโยบายของคณะรัฐมนตรี ที่แถลงนโยบายต่อรัฐสภาตามรัฐธรรมนูญที่มีผลผูกพันกับส่วนราชการหลายส่วนที่ต้องปฏิบัติงาน”

“ดังนั้น เพื่อความโปร่งใสและคงไว้ซึ่งความเป็นกลาง ท่านในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่มีตำแหน่งเป็น “ประธานคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการข้าว และในฐานะนายกรัฐมนตรี” ที่ต้องรับผิดชอบในการแก้ปัญหาในเรื่องข้าวในขณะนี้ ซึ่งอาจเห็นแตกต่างกันในเชิงนโยบายและกลไกในการบริหารนโยบายในเรื่องข้าวในอดีต ที่ในสมัยรัฐบาลดิฉันได้ดำเนินนโยบายดังกล่าวไป จึงมิใช่ “ผู้ที่เป็นกลาง” แต่เป็น “ผู้มีส่วนได้เสีย” เพราะเห็นต่างกันในนโยบายการแก้ปัญหาในเรื่องข้าว ดังนั้น การใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ในปัจจุบันเป็นผู้ตัดสินความถูกผิด โดยการใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีลงนามในคำสั่งทางปกครองเพื่อสั่งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดชำระค่าเสียหายทั้งๆ ที่ศาลยังไม่มีคำตัดสิน ถือเป็นการขัดต่อ “หลักนิติธรรม” อย่างยิ่ง”

แน่นอนว่า จดหมายฉบับนี้มีเจตนาเพื่อดิสเครดิต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และ คสช. อ้างว่าไม่ให้ความเป็นธรรม มีเจตนารังแกจากอำนาจเผด็จการ ซึ่งประเทศตะวันตกมักจะอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้ โดยไม่พยายามพิจารณาที่มาที่ไปตามความเป็นจริง ดังนั้น หากบอกว่านี่คือ “แผนนารีพิฆาต” ที่ฝ่ายเครือข่ายทักษิณงัดมาเป็นไม้ตาย แต่ขณะเดียวกันก็ขึ้นอยู่กับว่าจะแก้เกมทันท่วงทีหรือไม่ ไม่ให้สังคมคล้อยตามจนเข้าใจผิดได้หรือเปล่า!
กำลังโหลดความคิดเห็น