"บิ๊กตู่" เผยถก ครม. รวบรวมความเสียหายจากโครงการที่เป็นคดีความถูกฟ้องร้อง เพื่อหาทางออก ยันไม่ใช้ ม.44 ดำเนินการทุจริตจำนำข้าว แต่ใช้อำนาจทางการปกครอง ที่เป็นกฎหมายยุค "บรรหาร" มาดำเนินการ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หากคดีหมดอายุความ เผยยังไม่ระบุตัวเลขความเสียหาย เมินจดหมายตัดพ้อจาก"ยิ่งลักษณ์" เชื่อไม่ได้เขียนเอง แต่เป็นทนายทำให้ ด้าน"มาร์ค" ชี้"ปู" ส่งจดหมาย เป็นการขยับรุก -สร้างเงื่อนไขในการต่อสู้คดี ยันรัฐบาลออกคำสั่งทางปกครองได้ "แก้วสรร" ย้ำรัฐบาลใดออกนโยบายทำชาติพัง ต้องรับผิดชอบ สอนมวย ลูกหาบพท. แยกให้ออกระหว่าง ค่าใช้จ่าย กับ ค่าเสียหาย ชี้ คดีนี้วัดใจ"บิ๊กตู่" จะแยกแยะความจริงกับจินตนาการเพื่อปรองดอง ได้หรือไม่
เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (13 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวภายหลังการประชุมครม. ว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณา เรื่องคดีความต่างๆ ซึ่งมีทั้งที่รัฐบาลตกเป็นจำเลยกับบริษัทต่างๆ ที่มีการฟ้องร้องรัฐบาลมา 10 กว่าปี หลายรัฐบาลมาแล้ว ขณะนี้เริ่มจะส่งผลซึ่งรัฐบาลพยายามแก้มาโดยตลอด และขอย้ำอีกครั้งว่า ตนไม่ได้เป็นคนทำให้เรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นมา แต่กำลังพยายามแก้ ว่าจะทำอย่างไรให้ลดความเสียหายลง ทั้งเรื่องโทลเวย์ การทางพิเศษ คลื่นความถี่ต่างๆ และมีเรื่องต่างประเทศด้วย มีการฟ้องรัฐบาลทั้งสิ้น ซึ่งมูลค่าความเสียหายจำนวนมาก เราต้องหาทางออกให้ได้
"ที่สำคัญมีคดีที่รัฐบาลนี้จำเป็นต้องดำเนินการ ซึ่งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้พูดไปแล้วเกี่ยวกับคดีรับจำนำข้าว ไม่ได้พูดว่า ระดับผู้บริหารจะผิดหรือถูก ยังไม่รู้ จะต้องไปพิสูจน์กันต่อไป แต่สิ่งที่เราปล่อยไม่ได้ คือ มันมีกฎหมายที่เกี่ยวกับการละเว้น การกระทำต่างๆ ซึ่งระยะเวลามีจำกัดภายใน 2 ปี จึงเป็นหน้าที่ของผมในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ก็ต้องส่งเรื่องไปเท่านั้นเอง คือมีมาตรการทางการปกครอง เรียกร้องความเสียหายที่เกิดขึ้น ซึ่งกฎหมายมีอยู่แล้ว ไม่ใช่บัญญัติกฎหมายใหม่ขึ้นมา และไม่ได้ใช้มาตรา 44 เพราะคดีทั้งหมดที่เกิดขึ้น และเกี่ยวข้องกับนักการเมืองจะเข้าสู่ศาลปกครองทั้งสิ้น ตอนแรกผมเองก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อทบทวนแล้วเรื่องทั้งหมดเป็นเรื่องทางด้านปกครอง ผมก็อยู่ในตำแหน่งตรงนี้ ถ้าอยู่ในภาวะรัฐบาลปกติ ก็จะไปฟ้องกับศาลปกครอง ซึ่งก่อนจะฟ้องไปยังศาลปกครอง ก็จะมีกฎหมายอยู่ตัวหนึ่งที่บัญญัติว่า ผู้รับผิดชอบในปัจจุบันจะต้องดำเนินการต่อการกระทำผิด เสร็จแล้วก็อาจจะมีการไปฟ้องศาลปกครอง สู้กันไปมา อาจจะใช้เวลายาวนานก็แล้วแต่ เพราะการเรียกร้องค่าเสียหายใช้เวลาเป็น 10 ปี ผมจึงบอกว่า จะพยายามไม่ใช้กฎหมายพิเศษ เพราะจะทำให้เกิดปัญหาทับซ้อนไปเรื่อยๆ แต่ขณะเดียวกัน เราก็ต้องแก้ปัญหาให้ได้ โดยต้องมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง เพราะผูกพันเกี่ยวกับเรื่องผลผลิตทางการเกษตรด้วย" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของคดีโครงการรับจำนำข้าวนั้น อยากให้ทุกคนไปดูในข้อกฎหมาย ยืนยันว่า จะไม่มีการใช้กฎหมายพิเศษ อย่าลืมว่ากฎหมายมีหลายอย่าง ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีก็มี มาตรการทางการปกครองกับเจ้าหน้าที่ในการกระทำความผิด ขั้นตอนที่ 1 มันต้องทำ เพราะเป็นกฎหมายมาตั้งแต่สมัย นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งกฎหมายยังคงมีอยู่ จะละเว้นไม่ได้ รวมทั้งเรื่องการเรียกค่าเสียหายต่างๆ แต่ถ้าเรียกไปแล้วไม่จ่าย ไม่ยอมรับ ก็ไปฟ้องศาลปกครองต่อ แต่วันนี้เราต้องทำตรงนี้ เพราะจะปล่อยเวลาให้เกิน 2 ปีไม่ได้ ปัญหาการรับจำนำข้าวมีมาตั้งแต่ปี 55/56 และ 56/57 เดี๋ยวมันจะหมดอายุ แล้วในวันข้างหน้า ตนก็จะโดนอีกว่าทำไมไม่ทำ
ผู้สื่อข่าวถามว่ามองว่าการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรีนั้น มีวัตถุประสงค์อะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็เป็นเรื่องของท่าน แต่ท่านคงไม่ได้เป็นคนเขียนเอง คงเป็นคำแนะนำจากฝ่ายทนายความ ซึ่งท่านก็ต้องฟังฝ่ายกฎหมายของท่าน ซึ่งเขาก็เข้าใจ และตีความไปแบบนั้น กฎหมายฉบับเดียวอย่าคิดว่าจะตีความแบบเดียวกัน ถึงได้มีการต่อสู้ มีทนาย มีศาลในการตัดสิน ยิ่งเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ รัฐบาลและฝ่ายค้าน ก็มักจะตีความต่างกัน ทำให้ทะเลาะกันแบบนี้
เมื่อถามว่า จดหมายเปิดผนึกดังกล่าว มีการตีความว่า การใช้มาตรการทางการปกครอง จะต้องบังคับใช้กับผู้ใช้บังคับบัญชา พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กฎหมายเขียนไว้ชัดเจน ในช่วงแรกนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 เรื่อง คือ 1.การทุจริตการจำนำข้าว และ 2. การดำเนินการซื้อขายในลักษณะรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์รับผิดชอบ แต่ตนในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล ก็ต้องเป็นคนเสนอเรื่องร่วมกับรมว.คลัง ในเรื่องหนึ่ง ส่วนอีกเรื่องตนกับรมว.พาณิชย์ ก็ต้องเป็นผู้เสนอเรื่องตามกฎหมาย ในการจะเรียกร้องค่าเสียหาย แต่ถ้าเขาไม่จ่าย ตนก็ไม่มีอำนาจไปทำอะไร และผู้ถูกกล่าวหา ก็ต้องไปฟ้องศาลกลับมาอยู่แล้ว ก็ต้องไปสู้กันในชั้นศาลปกครอง ซึ่งก็จะมีศาลปกครองชั้นต้น ชั้นสูงสุด ส่วนจะจ่ายหรือไม่จ่าย ตนก็ไม่รู้
เมื่อถามว่ามองเจตนาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในการเขียนจดหมายเปิดผนึกอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อก็ไปคิดเอาเอง ไม่ต้องมาถาม เพราะตนไม่ได้เป็นคนเขียน ซึ่งอาจจะเป็นฝ่ายกฎหมายของอดีตนายกรัฐมนตรี ที่เขียนขึ้นมาเพื่อให้สื่อได้มาถามตนแทน ซึ่งคนเป็นทนายความก็ต้องรู้ว่ากฎหมายที่มีอยู่ ว่าอย่างไร ในเมื่อมันเป็นอำนาจ หรือไม่เคยเสนอให้รัฐบาลที่แล้วรู้ว่ามันมีอะไรอยู่บ้าง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เรื่องนี้มันมีหลายอย่างประกอบกัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามสรุปยอดเงินที่เป็นเงินค่าเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวแล้วหรือยัง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้สรุป เพราะยังไม่ได้ข้อยุติอะไรเลย จะต้องมีการสำรวจให้ได้ข้อชัดเจนให้มากขึ้น ก็ต้องตีเส้นว่า วันสุดท้ายที่จะส่งเรื่องโดยที่ยังไม่เกินกำหนดระยะเวลา และเราต้องหามาตรการที่รัดกุม ในการที่จะทำให้เกิดความชัดเจน ว่าไม่ได้เป็นการรังแก หรือกลั่นแกล้งกัน ถ้าจะฟ้องก็ต้องถึงเวลาก่อน วันนี้ต้องเคลียร์ให้ได้ก่อนว่ามีความเป็นไป เป็นมา อย่างไร ข้าวเสียหายเท่าไหร่ ความเสียหายมันเพิ่มขึ้นทุกวัน แต่เราก็ไม่สามารถผลีผลามขายได้ เพราะเป็นของกลางในคดีด้วย ก็ต้องระมัดระวัง ต้องมีการขออนุมติหลักการในการที่จะขาย ราคาก็ลดลงเรื่อยๆ ก็ไม่รู้ว่ามีเจตนาอะไรที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา ก็ต้องไปหาข้อมูลกันในศาล
" ผมจำเป็นต้องใช้อำนาจทางการปกครอง ซึ่งผมละเว้นไม่ได้ เมื่อผมเสนอเรื่องไปแล้ว ขั้นตอนต่อไป ต้องมีคณะกรรมการที่จะต้องตัดสิน โดยชี้กลับมาที่กระทรวงการคลัง และกระทรวงพาณิชย์ว่า จะให้ดำเนินการต่อไป เมื่อถึงตรงนั้นก็จะมีการใช้อำนาจของเขา ในการเรียกร้องชดใช้ค่าเสียหาย ไม่ใช่ผม เรื่องทั้งหมดจะย้อนกลับไปที่กระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยผ่านคณะกรรมการ ที่มีอธิบดีกรมบัญชีกลางร่วมอยู่ด้วย" นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อถามย้ำว่า เบื้องต้นได้มีการประเมินตัวเลขค่าเสียหายเท่าไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ยังสรุปไม่ได้
ยันรัฐบาลไม่ได้กลั่นแกล้ง"ปู"
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ
รมว.กลาโหม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมอยู่แล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง อะไรทำได้ ก็ทำ อะไรทำไม่ได้ ก็ไม่ทำ ซึ่งต้องดำเนินการในห้วงเวลา 2 ปี เพราะถ้าไม่เรียบร้อย รัฐบาลเองที่จะเดือดร้อน
"ยืนยันไม่ได้เป็นการกลั่นแกล้งอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลจะไม่ให้ความเป็นธรรมได้อย่างไร" รองนายกฯ กล่าว
ชี้ "ปู" ส่งจม. สร้างเงื่อนไขต่อสู้คดี
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ เขียนจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องความเป็นธรรมต่อพล.อ.ประยุทธ์ ในโครงการรับจำนำข้าว ว่า ตนมองว่าในทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ คงไม่อยากเป็นฝ่ายตั้งรับเพียงฝ่ายเดียว ส่วนเชิงรุกเพียงต้องการให้ตัวเองมีพื้นที่อธิบาย เพื่อเตรียมตัวต่อสู้คดีในขั้นตอนต่อไป และอาจจะเป็นเงื่อนไขในการต่อสู้คดีด้วย ซึ่งการเรียกร้องค่าเสียหายทางคดีแพ่ง ต่อการดำเนินนโยบายรับจำนำข้าวของรัฐบาล เป็นกฎหมายที่บังคับกับเจ้าหน้าที่รัฐทุกกรณี และไม่ได้เป็นการเจาะจงเฉพาะตัว และยังเป็นสิ่งที่รัฐบาลสามารถกระทำได้ เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ที่ปฏิบัติหน้าที่และสร้างความเสียหายในระหว่างการทำหน้าที่ พร้อมกันนี้เชื่อว่านายกรัฐมนตรีไม่ได้ตัดสิทธิในกระบวนการยุติธรรม เพราะหากเห็นว่า คำสั่งดังกล่าวมิชอบ ยังสามารถร้องศาลปกครองได้
ออกนโยบายทำชาติพังต้องรับผิดชอบ
นายแก้วสรร อติโพธิ อดีตกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึง เรื่องนี้ว่า โครงการจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นการให้รัฐเข้าไปผูกขาดค้าข้าว ซึ่งอยู่นอกแนวนโยบายแห่งรัฐ ตามรัฐธรรมนูญ เมื่อขาดทุน ก็ต้องถือเป็นความเสียหาย ไม่ใช่ ค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติราชการตามอำนาจหน้าที่ จะอ้างว่าเป็นนโยบายที่ผ่านสภาแล้ว ต้องมีเอกสิทธิ์ ถือเป็นความผิดไม่ได้เลยนั้น ไม่ถูกต้อง แม้จะชนะเลือกตั้ง แม้จะผ่านสภา แต่ถ้าเป็นนโยบายเถื่อนนอกรัฐธรรมนูญ และขาดทุน ก็ต้องถือเป็นความเสียหาย ที่คนรับผิดชอบต้องตรวจสอบความรับผิด และใช้ค่าเสียหายเสมอ โดยกรณีนี้ เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบเป็นระดับรัฐมนตรี กฎหมายกำหนดให้ นายกรัฐมนตรี ต้องสั่งการโดยพลัน ถ้าไม่สั่งการ ก็โดน มาตรา 157 ถ้าปล่อยจนขาดอายุความ พล.องประยุทธ์ ก็ต้องชดใช้เงินเป็นแสนล้าน แทน น.ส.ยิ่งลักษณ์
"ส่วนที่บอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ ทำไปโดยมุ่งกำจัดทางการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องไม่ชอบธรรม ที่นายกฯยึดอำนาจ ที่จะกระทำต่อนายกฯ ที่ถูกยึดอำนาจ นี่ถือว่าได้ทำหน้าที่ตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ไม่ใช่การใช้อำนาจรัฐประหาร แต่เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ เพราะถ้าไม่ทำ พล.อ. ประยุทธ์ก็ติดคุกเอง ใช้ค่าเสียหายเอง จะเป็นนายกฯ มาจากเลือกตั้ง หรือรัฐประหาร ก็ต้องทำหน้าที่นี้ทั้งนั้น ขี้ข้าเหล่านี้จะไปบิดเบือนให้เป็นเรื่องการเมืองไม่ได้ คนเหล่านี้ไม่รู้จักผิด รู้จักถูก ไม่รู้จักการทำหน้าที่ตามกฎหมาย โลกในสายตาคนพวกนี้ มีแต่การต่อสู้ทางการเมืองระหว่างพวกเขา พวกเราเท่านั้น"
เมื่อถามว่า หากมีการฟ้องร้อง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต่อศาลอาญา ต้องรอผลคดีอาญาก่อนหรือไม่ อดีตกรรมการ คตส. กล่าวว่า ไม่สามารถรอได้ เพราะอายุความเรื่องละเมิด เดินหน้าไปตลอดเวลา นอกจากนี้ มูลคดีละเมิดก็เป็นเรื่องประมาทเลินเล่อร้ายแรง เล็งเห็นความเสียหายเป็นแสนล้านบาท ที่งอกเงยทุกวัน แล้วไม่ยอมหยุด หรือปรับแก้โครงการ ซึ่งไม่ใช่เรื่องการทุจริตเหมือนในคดีอาญา จะให้รอเพื่ออะไร อย่างไรก็ตาม หากเห็นว่าน.ส. ยิ่งลักษณ์ไม่ผิด ก็อุทธรณ์ต่อศาลปกครอง ให้รอผลคดีอาญาได้ ไม่ควรมาพูดโจมตีให้รัฐบาลผิดไปหมดทุกอย่างไม่ได้
"คดีนี้เป็นจุดชี้ขาดที่สำคัญมาก ว่านายกฯ จะรู้จักแยกออกหรือไม่ ระหว่างจินตนาการที่ท่านมุ่งมั่นเอาเองว่าจะเป็นกรรมการปรองดอง กับเรื่องจริงๆ ที่เดินมาเป็นรัฐบาลแล้ว ต้องทำหน้าที่เป็นฟันเฟือง ชี้ถูกผิดตามที่กฎหมายกำหนดไว้ จะผิดถูกอย่างไร ก็ต้องชี้ไปตามเหตุผล ผิดไม่ผิด ก็อธิบายมา ไม่ต้องกลัวเสียงสะท้อนจากใครทั้งสิ้น"