xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จะ"กลุ่มไหน พรรคใด" ล้วนอยากเกาะล้อรถถัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ใกล้งวดเข้ามาทุกทีรายชื่อสมาชิกสภาขับเคลื่อนเพื่อปฏิรูปประเทศ (สปท.)คาดกันว่าน่าจะประกาศในช่วงสุดสัปดาห์นี้หรืออย่างช้าก็ไม่น่าเกินวันจันทร์ที่ 5 ต.ค.

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป็นโค้งสุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่อยู่เมืองไทย การเคาะชื่อ 200 เก้าอี้ สปท.วิ่งกันฝุ่นตลบ สำหรับคนอยากเป็น สปท.ทั้งหลาย หลังเริ่มมีความชัดเจนว่าโผรายชื่อน่าจะนิ่งเกิน 50 เปอร์เซ็นต์แล้ว คือน่าจะชัดเจนแล้วไม่ต่ำกว่า 100 รายชื่อ ที่ยังไม่เคาะก็น่าจะเหลือไม่ถึง 100 รายชื่อแล้ว ทำให้คนที่รับผิดชอบในการคัดกรองเบื้องต้น คงไม่อยากเจอนักวิ่งทั้งหลาย

ท่ามกลางกระแสข่าวว่า คสช. จะให้โควต้ากับอดีตคณะกรรมาธิการสามัญปฏิรูป ของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ชุดที่แล้วซึ่งมี 18 คณะอย่างแน่นอน เพื่อให้เข้าไปสานต่อภารกิจปฏิรูปตามที่ กมธ.แต่ละคณะได้วางไว้งานจะได้ต่อเนื่อง ที่สำคัญเพราะมีประสบการณ์ และทำเรื่องปฏิรูปมาตั้งแต่ต้น ก็จะได้ให้เข้าไปทำงานต่อเนื่องได้เลย

มีข่าวว่าอาจจะได้กันประมาณโควต้าคณะละ2 เก้าอี้ เป็นอย่างน้อย 

แต่ที่แน่ๆ คือ ตัวอดีตประธานกมธ.ทั้ง 18 คณะ มีโอกาสติดโผเกินกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ยิ่งอดีตประธานกมธ.หลายคน ชื่อชั้น ถือว่าเครดิตทางสังคมก็สูง แถมสนิทแนบแน่นกับพล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กคสช. จึงไม่น่าพลาดด้วยประการทั้งปวง

ไม่ว่าจะเป็น นายประมนต์ สุธีวงศ์ อดีตประธาน กมธ.ด้านป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ แต่คนส่วนใหญ่รู้จักกันในสถานการณ์เป็น ประธานภาคีเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชัน ซึ่งเพิ่งจัดงานใหญ่ประจำปีไปเมื่อ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ ร่วมเป็นประธานการจัดงาน ถ้าชื่อ ประมนต์หลุดไป ถือว่าคสช.พลาดอย่างมาก

หรือจะเป็นบิ๊กเนม อย่าง สมชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกมธ.ด้านปฏิรูปเศรษฐกิจการเงินและการคลัง แค่บทบาทในการเสนอแนวทางการปฏิรูปเศรษฐกิจที่ให้ยกเลิกการใช้นโยบายประชานิยม จนกมธ.ยกร่างรธน.ชุดที่แล้ว นำแนวคิดนี้ส่วนหนึ่งไปเขียนไว้ในร่างรธน. หมวดว่าด้วยเรื่องงบประมาณแผ่นดิน อีกทั้งผลงานเรื่องแนวคิดการปฏิรูประบบภาษี ผลงานแค่นี้ก็รับประกันคุณภาพแล้ว ไม่มีทางที่ คสช. จะไม่ตั้งกลับมาเป็น สปท. ยิ่งเห็นนามสกุล"ฤชุพันธุ์" ที่เป็นน้องชายของ มีชัย ฤชุพันธุ์ หนึ่งในสมาชิก คสช. สายพลเรือนอีก 

ดังนั้นชื่ออย่าง"ประมนต์-สมชัย"ไม่มีหลุดจากการเป็นสปท. แน่นอน

รวมถึงชื่ออดีตประธานกมธ.อีกหลายคน ที่ไม่น่าพลาด เช่น พงศ์โพยม วาศภูติ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย และอดีตประธานกมธ.ด้านปฏิรูปการปกครองท้องถิ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ขึ้นเวทีกปปส. อย่างต่อเนื่อง แถมยังมีความใกล้ชิดกับขั้วอำนาจบางกลุ่มที่ บิ๊กคสช.เกรงใจ ผ่านเครือข่าย สิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาฯ ชื่อนี้ก็ไม่น่าพลาดในการกลับมาเป็นสปท. เช่นเดียวกับอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็น เสรี สุวรรณภานนท์ อดีตประธาน กมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการออกมาชี้จุดบกพร่อง ร่างรัฐธรรมนูญ จนทำให้สปช.หลายคนเห็นคล้อยตาม จนสุดท้ายก็เกิด
การคว่ำร่างรธน.ขึ้นในที่สุด

ส่วนอีกคนที่มีบทบาทแบบเดียวกับ เสรี คือ สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ อดีตประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง ก็น่าจะติดโผเข้ามาเป็นสปท. เหมือนกัน แม้จะมีข่าวว่า ดร.สมบัติ อาจจะเข้าไปเป็นกรรมการร่างรัฐธรรมนูญด้วย แต่น้ำหนักยังไม่แน่ชัดว่า คสช.จะให้เป็น กรธ. หรือ สปท.กันแน่ ต้องรอดูกันต่อไป เพราะ คสช.เองอาจเห็นว่าแนวคิดการร่างรัฐธรรมนูญของ ดร.สมบัติ น่าจะไปไม่ได้กับคสช. และกรธ.อีกหลายคน

โดยเฉพาะเรื่อง"การเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง" ซึ่งหากตั้งดร.สมบัติไปเป็นกรธ.แล้วไปผลักดันแนวคิดนี้ในกรธ. ก็อาจทำให้เกิดแรงเสียดทานขึ้นในกรธ. เพราะเรื่องการเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีโดยตรง ยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อนกับสังคมไทยอยู่ จึงทำให้ดูแล้ว คสช.อาจให้ดร.สมบัติ ไปเป็นสปท.จะดีกว่า

ขณะที่ ว่าที่ สปท.สาย"ท็อปบู๊ต" ติดชื่อไว้ข้างฝาทางเข้าประตูรัฐสภาได้เลยว่า มีชื่อคนเหล่านี้แน่นอน ก็เช่น บิ๊กอ๊อด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา อดีตประธานกมธ.ปฏิรูปการกีฬา ที่เส้นสายแน่นจริง ต่อให้ไม่ได้เป็นอดีตประธานกมธ. ยังไงก็ได้มีชื่อกลับมาเป็นสปท.แน่นอน และน่าจะเป็นคนที่สร้างความสงสัยให้กับหลายคนอีกต่อไปว่า สุดท้าย บิ๊กอ๊อด จริงๆ แล้วเป็นคนของฝ่ายไหนกันแน่ และน่าจะมีชื่อของ พล.ท.เดชา ปุณณบาล อดีตประธานกมธ.ปฏิรูปด้านแรงงาน ที่เป็นหนึ่งในมือประสานคนสำคัญของ คสช.ในสปช.ชุดที่แล้ว ซึ่งแม้บทบาทอาจน้อยกว่า พล.ท.ฐิติวัจน์ กำลังเอก แต่ก็มีข่าวว่าสร้างผลงานหลายเรื่องถูกใจบิ๊กคสช. พอสมควร

สำหรับในส่วนภาคพรรคการเมือง ปรากฏว่า รอบนี้ หลายพรรคที่เคยทำเหนียมๆ ไม่อยากยุ่งกับคสช. ตั้งแต่ตอนตั้งสปช. มาคราวนี้เลิกเหนียมแล้ว อาจเพราะคิดว่า คสช.อยู่ยาวอีกร่วม 19 เดือน ระหว่างนี้ พรรคการเมืองก็ทำกิจกรรมอะไรไม่ได้ หลายคนในพรรคก็อยากมีบทบาทการเมือง รอบนี้ก็เลยขอเข้าร่วมวงสปท.ด้วย โดยเฉพาะ"ประชาธิปัตย์-ชาติไทยพัฒนา" ซึ่งรอบที่แล้ว ไม่เอาด้วยกับคสช. ปล่อยให้พรรคภูมิใจไทย-ชาติพัฒนา ไปร่วมวงกันแค่สองพรรค ทว่ารอบนี้ พรรคเติ้ง เอาด้วยแล้ว 

เพราะคนอย่างบรรหาร ศิลปอาชา ก็ระดับเซียนการเมือง มีหรือจะไม่รู้ว่า ต่อให้เกี่ยวดองเป็นพันธมิตรกับทักษิณ ชินวัตรยังไง แต่ชั่วโมงนี้ ก็ต้องขอเกาะคสช.ไปพลางก่อน เลยมีข้อสรุปออกมาแล้วว่า จะส่งชื่อคนของชาติไทยพัฒนาไปให้คสช.ตั้งเป็นสปท.จำนวน 2 ชื่อ ซึ่งตอนนี้ก็มีมาแล้ว 3 ชื่อคือ ธีระ วงศ์สมุทร นิกร จำนง ประภัตร โพธสุธน ซึ่งสุดท้ายต้องรอให้ บรรหาร เห็นชอบอีกที

ฟากประชาธิปัตย์ กับกปปส. ดูแล้ว อาจมีคนของฟากนี้ได้เป็นสปท. ถึง 4 คน ตามที่มีข่าวว่า ปชป.กับ มูลนิธิมวลมหาประชาชนฯ ส่งไป 4 รายชื่อ คือ กษิต ภิรมย์-ถวิล ไพรสณฑ์-วิทยา แก้วภราดัย-อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เพราะนอกจากความสัมพันธ์อันดีระหว่างปชป.-กปปส. กับคสช.แล้ว ที่สำคัญ คสช.อยากให้พรรคการเมืองใหญ่มาร่วมเวทีนี้ด้วยอยู่แล้ว ทั้ง 4 รายชื่อข้างต้น จึงมีโอกาสสูงที่จะติดโผสปท.

แม้บางคนเช่น กษิต อาจจะมีบิ๊กคสช.บางคนไม่ค่อยชอบกับวิธีคิดเสียเท่าไหร่ แต่ กษิต ก็เคยทำงานร่วมกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมัยอยู่รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาด้วยกัน จึงทำให้ทั้ง 4 คนของปชป.กับกปปส. มีโอกาสสูงมากที่คสช.ต้องเกลี่ยโควตาให้หมด

ไม่ต้องคิดอะไรมาก ขนาด ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ที่มักจะออกมาวิจารณ์รัฐบาลคสช.อย่างต่อเนื่อง ก็ยังแสดงท่าที กวักมือเรียก คสช.ให้ส่งเทียบเชิญไปเป็นสปท.เลย 

ผสมกับการออกมาปูดของ ชินวัฒน์ หาญบุญพาด แกนนำเสื้อแดงที่บอกว่าจะมีตัวแทนจากฟากฝั่งคนเสื้อแดง อดีตนปช. ไปร่วมเป็นสปท. คือ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ"แรมโบ้อีสาน" อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคไทยรักไทย และอดีตแกนนำนปช. ซึ่งรายนี้ได้ประกาศแยกทางกับนปช. มานานแล้ว รวมทั้ง นายสมพงศ์ สระกวี อดีตแนวร่วมนปช. แถมยังบอกอีกว่า ฟากเครือข่าย กปปส.อย่าง สุริยะใส กตะศิลา และ สำราญ รอดเพชร ก็น่าจะมีชื่อได้เป็นสปท.ด้วย

ถ้าข้อมูลแกนนำเสื้อแดงรายนี้ไม่มั่ว สรุปได้ว่า สปท.คราวนี้ คือสภารวมทุกขั้วการเมืองมาไว้ด้วยกันของจริง เว้นก็แต่ "เพื่อไทย-เสื้อแดง" ที่แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่ร่วมสังฆกรรม แต่ก็อาจเป็นการไม่ร่วมสังฆกรรมแบบแบบต่อหน้าไม่ร่วม แต่ก็ส่งคนในเครือข่ายไปร่วมวง ด้านหนึ่งอาจเพื่อส่งคนเข้าไปแทรกซึม หาข่าว สร้างเครือข่ายเอาไว้อีกทาง โดยบอกว่าไปในนามส่วนตัว ได้ลาออกจากสมาชิกพรรคไปนานแล้ว หรือไม่ได้ร่วมกิจกรรมเสื้อแดงมานานแล้ว แบบนี้ก็อ้างกันได้ว่าไม่ได้กลืนน้ำลายตัวเอง
 
ชั่วโมงนี้ ใครๆ ก็อยาก เกาะล้อรถถัง คสช.กันแทบทั้งนั้น เลยไม่มีใครอยากตกขบวน เพียงแต่ทำให้แนบเนียน แล้วอ้างเหตุผลกันให้สวยหรู เดี๋ยวก็ลืมกันไปเอง ทำนองนั้น



กำลังโหลดความคิดเห็น