สภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศประชุมนัดแรก “ชัย” ขึ้นบัลลังก์คุมเลือกประธาน “ฐิติวัจน์” ชง “ทินพันธุ์” ด้าน “วิทยา” แนะเลื่อนให้สมาชิกรู้จักกัน “กษิต” เสนอแสดงวิสัยทัศน์ “สมพงษ์-เลิศรัตน์” เห็นด้วย ขณะที่พ่อเนวินตัดบทก่อนไม่มีใครเสนอชื่ออื่น คว้าเก้าอี้ตามคาด ลั่นสานต่องาน สปช. ขออภิปรายอย่านอกเรื่อง เตรียมจัดสัมมนา ขณะที่ “อลงกรณ์-วลัยรัตน์” ได้ที่นั่งรองประธาน
วันนี้ (13 ต.ค.) ที่รัฐสภา การประชุมนัดแรกของสมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ (สปท.) เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 9.30 น. โดยมีนายชัย ชิดชอบ สมาชิก สปท.อาวุโสสูงสุดทำหน้าที่ประธานที่ประชุมชั่วคราว โดยที่ประชุมได้มีการรับทราบคำสั่งแต่งตั้งสมาชิก สปท. จำนวน 200 คน และให้สมาชิกทำการปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่
จากนั้น พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก สมาชิก สปท.ลุกขึ้นกล่าวว่า ถึงแม้ สปท.จะมีความคิดเป็นอิสระแต่ก็ต้องทำงานร่วมกับนายกฯ เพราะเป็นผู้แต่งตั้ง สมมติเราเป็นรถยนต์ นายกฯ เป็นคนขับ พวงมาลัยคือ ครม. เครื่องยนต์คือ สนช. ส่วน คสช.เป็นเบรก และสปท.ก็คือล้อรถยนต์ ตนหวังว่าการประชุมครั้งนี้เราคงไม่ปล่อยให้ยางแตกแต่วันแรก ดังนั้นตนขอเสนอชื่อ ร.ท.ทินพันธุ์ นาคะตะ สมาชิก สปท.เป็นประธาน สปท.
แต่ก่อนที่ดำเนินการต่อ นายวิทยา แก้วภราดัย สมาชิก สปท. ได้หารือว่า ตนเชื่อว่าสมาชิกในสภานี้และประชาชนยังเข้าใจบทบาทหน้าที่ของ สปท.น้อยมาก องค์กรขนาดใหญ่ 200 คน กว่าจะขับเคลื่อนได้ควรจะมีการทำความเข้าใจวัฒนธรรมขององค์กรเสียก่อน ตนอ่านชื่อบุคคลที่จะเป็นประธานจากการเสนอของสื่อ 2 ชื่อ ยอมรับว่ารู้จักเพียงคนเดียว ส่วนอีกคนไม่รู้จัก จึงไม่รู้ว่าดีกว่าคนที่ตนรู้จักหรือไม่ ตนไม่แน่ใจว่าการขับเคลื่อนการปฏิรูปจะใช้เวลานานแค่ไหน ดังนั้น การเลือกประธานจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง จึงเสนอให้เลื่อนวาระการคัดเลือกออกไปก่อนแล้วจัดสัมมนาให้สมาชิกได้ทำความรู้จักกันก่อนที่จะตัดสินใจเลือก เพราะเรามีเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำ วาระต่างๆ ที่กำหนดไว้ จำเป้นต้องระดมความคิดกันก่อน
“ไม่ต้องรีบร้อน ทุกคนอยากเร่งแก้ปัญหาของประเทศทั้งนั้น เพื่อให้สภาทำหน้าที่ตามที่ประชุมชนหวังได้ เราไม่ควรเป็นสภากดปุ่มตามที่มีคนกล่าวหา” นายวิทยากล่าว
ด้านนายชัยชี้แจงว่า ตนทำหน้าที่ประธานชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีอำนาจตัดสินใจเลื่อนวาระ แต่นายวิทยาแย้งว่า ตามข้อบังคับการประชุมชั่วคราวของ สปช.ข้อ 5 สามารถทำได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมจะตัดสินใจ ดังนั้น นายชัยจึงได้เปิดให้สมาชิกแสดงความเห็น โดย พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย สมาชิก สปท.เสนอให้ดำเนินการตามวาระต่อไป ขณะที่นายกษิต ภิรมย์ สมาชิก สปท.แสดงความเห็นด้วยกับนายวิทยาว่าควรมีการทำความรู้จักกับประธาน แต่ถ้าไม่สำเร็จอย่างน้อยก็ควรให้ผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อแสดงตนว่าเป็นใครมาจากไหน วิสัยทัศน์ในการจะขับเคลื่อนการปฏิรูปอย่างไร และที่ผ่านมามีความเห็นเกี่ยวกับสังคมไทยอย่างไร ทำไมถึงต้องมีการปฏิรูป และจะทำการปฏิรูปด้วยการนำของประธานอย่างไร หากประชุมวันนี้แค่ยกมือลงคะแนนตามที่เตี๊ยมกันมาก็คงจะไม่เพียงพอ และไม่ยุติธรรมต่อผู้ที่ได้รับเลือกด้วย ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งลงคะแนนโดยไม่มีการพูดจากัน
อย่างไรก็ตาม สมาชิก สปท.หลายคนได้เสนอให้ดำเนินการตามวาระ อาทิ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิก สปท.ระบุว่าไม่ควรเสียเวลา เพราะที่ผ่านมาสมาชิกมีเวลามากพอแล้วที่ได้หาข้อมูลทั้งตามสื่อ การประสานงาน และการรู้จักกัน ไม่ควรเสียเวลา ควรปฏิบัติตามระเบียบกติกาที่วางไว้เพื่อให้รวดเร็ว
นายสุชน ชาลีเครือ สมาชิก สปท.กล่าวว่า พวกเรา สปท.200 คน วันนี้ล้วนมีความหมายในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ แต่ละคนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี วันนี้การประชุมวันแรกทำตามวัฒนธรรมองค์กรของสภาฯ และสภาเองก็ที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทางฝ่ายสำนักเลขาฯ ทำถูกต้องแล้ว คือ วาระแรกจะต้องเป็นการเลือกประธานและรองประธาน และด้วยเหตุผลที่ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ แต่ด้วยข้อจำกัดบางอย่าง เวลาที่เราขับเคลื่อนก็มีค่า แต่ละท่านมีศักยภาพ ทั้งหมดมีความรู้ความสามารถในแต่ละด้าน มีความสามารถเป็นประธานได้ด้วยทุกคน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ต้องเลือกเอาบุคคลที่เหมาะสมที่สุด ก็อยากจะฝากไปถึงประธานและรองประธานว่าควรนำเรื่องนี้มาเป็นเรื่องเร่งด่วน เรื่องการร่างข้อบังคับ การจัดการสัมมนา จะทำกันอย่างไรเพื่อให้การขับเคลื่อนดำเนินการไปอย่างถูกต้อง
นายประสิทธิ์ ปทุมรักษ์ สมาชิก สปท.เสริมว่า ก่อนที่จะมีการประชุมสมาชิกมีการเปิดไลน์ และทำการศึกษากันแล้วว่าแต่ละคนมีประวัติอย่างไร และสมาชิกยังได้ให้การรับรองเกินกึ่งหนึ่ง น่าจะเพียงพอที่ควรเร่งรัดคัดเลือกเหมือนที่ผ่านมา อีกทั้งในรัฐธรรมนูญชั่วคราวก็ระบุให้เราทำงานต่อจาก สปช. โดยให้คำนึงถึงความเร่งด่วน เราไม่มีเวลามานั่งศึกษากันอีก
ด้านสมพงษ์ สระกวี สมาชิก สปท.แสดงความเห็นว่า เราไม่ใช่มนุษย์ถ้ำที่มุบมิบทำในมุมมึด เพราะประชาชนจับตามองหมด หากเร่งรีบประชุมกันเสร็จปุบปับไม่รู้เป็นใคร แม้อ้างเรื่องเวลากระชั้นมีน้อย แต่ 20 เดือนพอมีเวลาทำงาน ควรใช้เวลาแต่ไม่กี่วินาทีให้สมาชิกได้รู้จักผู้สมัคร และเป็นจารีตประเพณีว่าเวลาจะเลือกอะไรไม่มีการกดรีโมตคอนโทรล แต่เป็นการเลือกด้วยการวินิจฉัยสมาชิกและดีงามต่อประชาชน และสื่อ เพื่อที่จะไม่มีชื่อว่า ‘สภาถ้ำ’ ตั้งแต่วันแรกวาระแรก ตนเห็นด้วยกับนายกษิตว่าผู้ได้รับเสนอชื่อให้เกียรติสมาชิกและประชาชนแนะนำตน บอกวิสัยทัศน์ว่าจะนำพาสภานี้ไปอย่างไร เวลาคนละ 10 นาที ไม่น่าเสียเวลามากนัก หากเร่งรัดประชุมสภานี้จะไม่สง่างามแน่นอน การปฏิรูปใดๆ จะต้องได้รับการยอมรับจากประชาชน แต่ถ้าวิธีการเลือกประธานทำมนุษย์ถ้ำ งุบงิบแล้วจะสง่างามอย่างไร
จากนั้นนายชัยได้ตัดบทเข้าวาระเลือกประธาน สปท.ต่อ แต่ไม่มีใครเสนอชื่อบุคคลอื่น ทำให้นายทินพันธุ์ นาคะตะ ได้รับเลือกเป็นประธาน แต่ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิก สปท.เสนอให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ ตามข้อบังคับการประชุมข้อ 6 นายชัยจึงได้ขอให้ว่าที่ประธานคนใหม่แสดงวิสัยทัศน์ โดยนายทินพันธุ์กล่าวว่า สปท.ต้องทำหน้าที่ปฏิรูปด้านต่างๆ ต่อจาก สปช.ที่วางแผนไว้ระดับหนึ่งแล้ว ตนต้องขอบคุณ สปช.อย่างสูง โดย สปท.คงต้องทำหน้าที่ในการปฏิรูปต่อไปให้สำเร็จตามเป้าหมาย และรัฐธรรมนูญชั่วคราว ตนเชื่อว่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยต้องปรึกษาและขอความร่วมมือจากสมาชิกทุกคนด้วยเพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกัน ต่อจากนี้จะต้องมีการจัดทำข้อบังคับการประชุม สปท.ให้มีเป้าหมายชัดเจนต่อไป หากสมาชิกคนใดประสงค์หารือกับตนก็ยินดี แต่งานของเราเป็นสภาที่ปรึกษา เสนอแนะแก้ไขปัญหา ศึกษาความเป็นไปได้ การอภิปรายต่างๆ จึงควรจำกัดขอบเขต ต้องเคารพข้อบังคับ การใช้เวลาไม่ควรหมดไปกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับปฏิรูป เพราะอาจถูกตำหนิได้ และควรยึดถือรัฐธรรมนูญชั่วคราวเป็นหลักด้วย ที่ผ่านมา สปช.ได้ทำผลงานไว้เป็นจำนวนมาก เราควรให้ความสนใจและผลักดันได้ก็จะเป็นการดี หากสมาชิกเห็นควรมีข้อปรับปรุงและควรพิจารณาที่เป็นประโยชน์จำเป็นต้องพิจารณาร่วมกันโดยมีการจัดลำดับความสำคัญก่อนหลังก็จะเป็นการดี
อย่างไรก็ตาม สมาชิก สปท.ได้แสดงความเห็นควรให้มีการจัดสัมมนาร่วมกันด้วยเพื่อให้สมาชิกได้ทำความรู้จักกันและกันมากขึ้น แต่นายชัยได้แย้งว่า ไม่จำเป็นต้องจัดสัมมนา เพราะคราวก่อนมีการจัดสัมมนามากมาย เอาเงินไปอีลุ่ยฉุยแฉกเยอะแยะ แต่ ร.อ.ทินพันธุ์ก็รับปากว่าจะจัดสัมมนาเพราะได้หารือกับสมาชิกบางส่วนแล้วและต่างก็เห็นด้วย
จากนั้นเป็นการคัดเลือกตำแหน่งรองประธานคนที่ 1 โดย พล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา สมาชิก สปท. เสนอชื่อนายอลงกรณ์ พลบุตร เป็นรองประธานคนที่ 2 โดยไม่มีผู้ใดเสนอชื่อประกบ ซึ่งนายอลงกรณ์กล่าวว่า ตนจะดำเนินงานตามเจตนารมณ์โดยประโยชน์ของประชาชน ทำหน้าที่อย่างสุจริต และให้การปฏิรูปประเทศบรรลุให้สำเร็จ เร่งด่วนตามเวลาที่มี ประเทศไทยมีศักยภาพสูงมากแต่การพัฒนาต่ำเพราะวิกฤตการเมือง จมปลักกับความแตกแยกที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ห้วงเวลานี้เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย สปท.จะดำเนินการกับแม้น้ำอีก 4 สายและประชาชนทั้งประเทศ เพื่อนำประเทศกลับสู่จุดที่ตั้งตามคาดหวัง โดยทั้งหมดอยู่ที่ความร่วมแรงร่วมใจทุกคนทั้งประเทศ ข้อเสนอของ สปช.ที่รายงานต่อ ครม.จะได้รับการต่อยอดจาก สปท. ตนจะเป็นสะพานเชื่อมโยงกับแม่น้ำ 5 สายที่มีบทบาทสำคัญรัฏฐาธิปัตย์ เชื่อมอดีตสู่อนาคตที่คนไทยคาดหวังให้ฝันเป็นจริง
ต่อมานายเฉลิมศักดิ์ อบสุวรรณ สมาชิก สปท.ได้เสนอชื่อ น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ เป็นรองคนที่ 2 โดยไม่มีผู้ใดเสนอรายชื่ออื่น ซึ่ง น.ส.วลัยรัตน์กล่าวว่า จะทำหน้าที่เต็มความสามารถ เพราะมีโอกาสทำงานเพื่อประเทศหลังเกษียณราชการมากขึ้น โดยจะทำให้วาระทั้งหมดมีผลในทางปฏิบัติอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคนด้วย
จากนั้นนายชัยได้สั่งปิดประชุมเมื่อเวลา 11.10 น. โดยช่วงหนึ่งของการประชุมนายชัยได้ขอให้สมาชิก สปท.เร่งดำเนินการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งงใหม่ด้วย และควรมีการชี้แจงงบประมาณให้ทราบด้วย เพราะใช้งบประมาณไปหมื่นกว่าล้านบาทแล้วยังไม่ไปถึงไหน ไม่มีใครขับเคลื่อนเลย