เมื่อเวลา 9.30 น.วานนี้ (13ต.ค.) มีการประชุมนัดแรก ของสมาชิกสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ (สปท.) โดยมีนายชัย ชิดชอบ สมาชิก สปท. อาวุโสสูงสุดทำหน้าที่ประธานที่ประชุมชั่วคราว โดยที่ประชุมได้มีการรับทราบพระบรมราชโองการแต่งตั้งสมาชิก สปท. จำนวน 200 คน และให้สมาชิกทำการปฏิญาณตน ก่อนปฏิบัติหน้าที่
จากนั้น พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก สมาชิกสปท. ลุกขึ้น กล่าวว่า แม้สปท.จะมีความคิดเป็นอิสระ แต่ก็ต้องทำงานร่วมกับนายกฯ เพราะเป็นผู้แต่งตั้ง สมมุติเราเป็นรถยนต์ นายกฯ เป็นคนขับ พวงมาลัย คือครม. เครื่องยนต์คือสนช. . ส่วน คสช.เป็นเบรก และ สปท.ก็คือล้อรถยนต์ ตนหวังว่าการประชุมครั้งนี้ เราคงไม่ปล่อยให้ยางแตกตั้งแต่วันแรก ดังนั้นตนขอเสนอชื่อ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ สมาชิก สปท. เป็นประธาน สปท.
แต่ก่อนที่จะดำเนินการต่อ นายวิทยา แก้วภาระดัย สมาชิก สปท. ได้หารือว่า ตนเชื่อว่าสมาชิกในสภานี้ และประชาชน ยังเข้าใจบทบาทหน้าที่ของสปท.น้อยมาก องค์กรขนาดใหญ่ 200 คน กว่าจะขับเคลื่อนได้ควรจะมีการทำความเข้าใจวัฒนธรรมขององค์กรเสียก่อน ตนอ่านชื่อบุคคลที่จะเป็นประธานจากการเสนอของสื่อ 2 ชื่อ ยอมรับว่ารู้จักเพียงคนเดียว ส่วนอีกคนไม่รู้จัก จึงไม่รู้ว่าดีกว่าคนที่ตนรู้จักหรือไม่ ตนไม่แน่ใจว่า การขับเคลื่อนการปฏิรูป จะใช้เวลานานแค่ไหน ดังนั้นการเลือกประธาน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ตนจึงเสนอให้เลื่อนวาระการคัดเลือกออกไปก่อน แล้วจัดสัมมนาให้สมาชิกได้ทำความรู้จักกันก่อนที่จะตัดสินใจเลือก เพราะเรามีเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำ วาระต่างๆที่กำหนดไว้ จำเป้นต้องระดมความคิดกันก่อน
"ไม่ต้องรีบร้อน ทุกคนอยากเร่งแก้ปัญหาของประเทศทั้งนั้น เพื่อให้สภาทำหน้าที่ตามที่ประชุมชนหวังได้ เราไม่ควรเป็นสภากดปุ่มตามที่มีคนกล่าวหา
ด้านนายชัย ชี้แจงว่าตนทำหน้าที่ประธานชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีอำนาจตัดสินใจเลื่อนวาระ แต่นายวิทยา แย้งว่า ตามข้อบังคับการประชุมชั่วคราวของสปช. ข้อ 5 สามารถทำได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม จะตัดสินใจ
ดังนั้นนายชัย จึงได้เปิดให้สมาชิกแสดงความเห็น โดย พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย สมาชิกสปท. เสนอให้ดำเนินการตามวาระต่อไป ขณะที่นายกษิต ภิรมย์ สมาชิกสปท. แสดงความเห็นด้วยกับนายวิทยาว่าควรมีการทำความรู้จักกับประธาน แต่ถ้าไม่สำเร็จอย่างน้อยก็ควรให้ผู้ที่ไดรับการเสนอชื่อแสดงตนว่าเป็นใครมาจากไหน วิสัยทัศน์ในการจะขับเคลื่อนการปฏิรูปอย่างไร และที่ผ่านมามีความเห็นเกี่ยวกับสังคมไทยอย่างไร ทำไมถึงต้องมีการปฏิรูป และจะทำการปฏิรูปด้วยการนำของประธานอย่างไร หากประชุมวันนี้แค่ยกมือลงคะแนนตามที่เตี๊ยมกันมาก็คงจะไม่เพียงพอ และไม่ยุติธรรมต่อผู้ที่ได้รับเลือกด้วย ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งลงคะแนนโดยไม่มีการพูดจากัน
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสปท. หลายคนได้เสนอให้ดำเนินการตามวาระ อาทิ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิ สปท. ระบุว่า ไม่ควรโอ้เอ้เสียเวลา เพราะที่ผ่านมาสมาชิกมีเวลามากพอแล้ว ที่ได้หาข้อมูลทั้งตามสื่อ การประสานงาน และการรู้จักกัน ไม่ควรเสียเวลา ควรปฏิบัติตามระเบียบกติกาที่วางไว้เพื่อให้รวดเร็ว
นายสุชน ชาลีเครือ สมาชิกสปท. กล่าวว่า พวกเราสปท. 200 คน วันนี้ล้วนมีความหมายในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ แต่ละคนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี การประชุมวันแรกทำตามวัฒนธรรมองค์กรของสภาฯ และสภาเองก็ที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทางฝ่ายสำนักเลขาฯ ทำถูกต้องแล้ว คือ วาระแรก จะต้องเป็นการเลือกประธาน และรองประธาน และด้วยเหตุผลที่ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ แต่ด้วยข้อจำกัดบางอย่าง เวลาที่เราขับเคลื่อนก็มีค่า แต่ละท่านมีศักยภาพ ทั้งหมดมีความรู้ความสามารถในแต่ละด้าน มีความสามารถเป็นประธานได้ด้วยทุกคน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ต้องเลือกเอาบุคคลที่เหมาะสมที่สุด ก็อยากจะฝากไปถึงประธานและรองประธาน ว่า ควรนำเรื่องนี้มาเป็นเรื่องเร่งด่วน เรื่องการร่างข้อบังคับ การจัดการสัมมนา จะทำกันอย่างไร เพื่อให้การขับเคลื่อนดำเนินการไปอย่างถูกต้อง
นายประสิทธิ์ ปทุมรักษ์ สมาชิก สปท. เสริมว่า ก่อนที่จะมีการประชุมสมาชิกมีการเปิดไลน์ และทำการศึกษากันแล้วว่า แต่ละคนมีประวัติอย่างไร และสมาชิกยังได้ให้การรับรองเกินกึ่งหนึ่ง น่าจะเพียงพอ ที่ควรเร่งรัดคัดเลือกเหมือนที่ผ่านมาอีกทั้งในรัฐธรรมนูญชั่วคราวก็ระบุให้เราทำงานต่อจาก สปช. โดยให้คำนึงถึงความเร่งด่วน เราไม่มีเวลามานั่งศึกษากันอีก
นายสมพงษ์ สระกวี สมาชิก สปท. แสดงความเห็นว่า เราไม่ใช่มนุษย์ถ้ำ ที่มุบมิบทำในมุมมึด เพราะประชาชนจับตามองหมด หากเร่งรีบประชุมกันเสร็จปุ๊บปับ ไม่รู้เป็นใคร แม้อ้างเรื่องเวลากระชั้นมีน้อย แต่ 20 เดือนพอมีเวลาทำงาน ควรใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที ให้สมาชิกได้รู้จักผู้สมัคร และเป็นจารีตประเพณีว่า เวลาจะเลือกอะไร ไม่มีการกดรีโมตคอนโทล แต่เป็นการเลือกด้วยการวินิจฉัยสมาชิก และดีงามต่อประชาชน และสื่อ เพื่อที่จะไม่มีชื่อว่า"สภาถ้ำ" ตั้งแต่วันแรก วาระแรก ตนเห็นด้วยกับ นายกษิต ว่าผู้ได้รับเสนอชื่อให้เกียรติสมาชิก และประชาชน แนะนำตน บอกวิสัยทัศน์ว่า จะนำพาสภานี้ไปอย่างไร เวลาคนละ 10 นาที ไม่น่าเสียเวลามากนัก หากเร่งรัดประชุมสภานี้จะไม่สง่างามแน่นอน การปฏิรูปใดๆ จะต้องได้รับการยอมรับจากประชาชน แต่ถ้าวิธีการเลือกประธานทำเป็นมนุษย์ถ้ำ งุบงิบ แล้วจะสง่างามอย่างไร
จากนั้น นายชัย ได้ตัดบทเข้าวาระเลือกประธานสปท.ต่อ แต่ไม่มีใครเสนอชื่อบุคคลอื่น ทำให้ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ได้รับเลือกเป็นประธาน แต่ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกสปท. เสนอให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ ตามข้อบังคบการประชุมข้อ 6
นายชัย จึงได้ขอให้ว่าที่ประธานคนใหม่ แสดงวิสัยทัศน์ โดย ร.อ.ทินพันธุ์ กล่าวว่า สปท.ต้องทำหน้าที่ปฏิรูปด้านต่างๆ ต่อจากสปช. ที่วางแผนไว้ระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งตนต้องขอบคุณสปช. อย่างสูง โดยสปท. คงต้องทำหน้าที่ในการปฏิรูปต่อไปให้สำเร็จตามเป้าหมาย และรัฐธรรมนูญชั่วคราว ตนเชื่อว่า จะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยต้องปรึกษา และขอความร่วมมือจากสมาชิกทุกคนด้วย เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกัน ต่อจากนี้จะต้องมีการจัดทำข้อบังคับการประชุม สปท. ให้มีเป้าหมายชัดเจนต่อไป หากสมาชิกคนใดประสงค์หารือกับตนก็ยินดี แต่งานของเรา เป็นสภาที่ปรึกษา เสนอแนะแก้ไขปัญหา ศึกษาความเป็นไปได้ การอภิปรายต่างๆ จึงควรจำกัดขอบเขต ต้องเคารพข้อบังคับ การใช้เวลาไม่ควรหมดไปกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับปฏิรูป เพราะอาจถูกตำหนิได้ และควรยึดถือรัฐธรรมนูญคราว เป็นหลักด้วย
ที่ผ่านมา สปช.ได้ทำผลงานไว้เป็นจำนวนมาก เราควรให้ความสนใจและผลักดันได้ก็จะเป็นการดี หากสมาชิกเห็นควรมีข้อปรับปรุง และควรพิจารณาที่เป็นประโยชน์จำเป็นต้องพิจารณาร่วมกันโดยมีการจัดลำดับความสำคัญก่อน หลัง ก็จะเป็นการดี
อย่างไรก็ตาม สมาชิก สปท. ได้แสดงความเห็นควรให้มีการจัดสัมมนาร่วมกันด้วย เพื่อให้สมาชิกได้ทำความรู้จักกันและกันมากขึ้น แต่นายชัย ได้แย้งว่าไม่จำเป็นต้องจัดสัมมนา เพราะคราวก่อนมีการจัดสัมมนามากมาย เอาเงินไปอีลุ่ยฉุยแฉก เยอะแยะ แต่ ร.อ.ทินพันธุ์ ก็รับปากว่า จะจัดสัมมนา เพราะได้หารือกับสมาชิกบางส่วนแล้ว และต่างก็เห็นด้วย
จากนั้น เป็นการคัดเลือกตำแหน่งรองประธานคนที่ 1 โดยพล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา สมาชิก สปท. เสนอชื่อนายอลงกรณ์ พลบุตร เป็นรองประธานคนที่ 2 โดยไม่มีผู้ใดเสนอชื่อประกบ ซึ่งนายอลงกรณ์ กล่าวว่า ตนจะดำเนินงานตามเจตนารมย์ ยึดประโยชน์ของประชาชน ทำหน้าที่อย่างสุจริต และให้การปฏิรูปประเทศบรรลุให้สำเร็จ เร่งด่วน ตามเวลาที่มี ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพสูงมาก แต่การพัฒนาต่ำ เพราะวิกฤตการเมือง จมปลักกับความแตกแยก ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ห้วงเวลานี้เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย สปท. จะดำเนินการกับแม้น้ำอีก 4 สาย และประชาชนทั้งประเทศ เพื่อนำประเทศกลับสู่จุดที่ตั้งตามคาดหวัง โดยทั้งหมดอยู่ที่ความร่วมแรงร่วมใจทุกคนทั้งประเทศ ข้อเสนอของสปช. ที่รายงานต่อครม. จะได้รับการต่อยอดจาก สปท. ตนจะเป็นสะพานเชื่อมโยงกับแม่น้ำ 5 สาย ที่มีบทบาทสำคัญรัฏฐาธิปัตย์ เชื่อมอดีตสู่ อนาคต ที่คนไทยคาดหวังให้เป็นจริง
ต่อมา นายเฉลิมศักดิ์ อบสุวรรณ สมาชิกสปท. ได้เสนอชื่อ น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ เป็นรองประธานคนที่ 2 โดยไม่มีผู้ใดเสนอรายชื่ออื่น ซึ่งน.ส.วลัยรัตน์ กล่าวว่า จะทำหน้าที่เต็มความสามารถ เพราะมีโอกาสทำงานเพื่อประเทศหลังเกษียณราชการมากขึ้น โดยจะทำให้วาระทั้งหมด มีผลใน
ทางปฏิบัติอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคนด้วย
จากนั้น นายชัย ได้สั่งปิดประชุมเมื่อเวลา 11.10 น. โดยช่วงหนึ่งของการประชุม นายชัย ได้ขอให้สมาชิกสปท. เร่งดำเนินการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ด้วย และควรมีการชี้แจงงบประมาณให้ทราบด้วย เพราะใช้งบประมาณไปหมื่นกว่าล้านบาทแล้วยังไม่ไปถึงไหน ไม่มีใครขับเคลื่อนเลย
**“ทินพันธ์”จปร.5 รุ่นเดียว”สุจินดา”
ร.อ.ทินพันธุ์ เข้าเรียนนายร้อย จปร.รุ่น 5 รุ่นเดียวกับ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ในปี ปี 2505-2509 ได้เป็น ผบ.ร้อย กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 ต่อมา ปี 2509 ร.อ.ทินพันธุ์ ได้ลาออกจากราชการทหาร แล้วไปเรียนปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และต่อปริญญาเอก ที่สหรัฐอเมริกา
ปี 2516 ร.อ.ทินพันธุ์ ได้เป็นคณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์กับกลุ่มทหาร และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญของไทยในช่วงที่ผ่านมา เคยเป็นที่ปรึกษานายกฯ ในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ยาวนาน 8 ปี และเคยเป็นรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร ด้วย
จากนั้น พล.อ.ฐิติวัจน์ กำลังเอก สมาชิกสปท. ลุกขึ้น กล่าวว่า แม้สปท.จะมีความคิดเป็นอิสระ แต่ก็ต้องทำงานร่วมกับนายกฯ เพราะเป็นผู้แต่งตั้ง สมมุติเราเป็นรถยนต์ นายกฯ เป็นคนขับ พวงมาลัย คือครม. เครื่องยนต์คือสนช. . ส่วน คสช.เป็นเบรก และ สปท.ก็คือล้อรถยนต์ ตนหวังว่าการประชุมครั้งนี้ เราคงไม่ปล่อยให้ยางแตกตั้งแต่วันแรก ดังนั้นตนขอเสนอชื่อ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ สมาชิก สปท. เป็นประธาน สปท.
แต่ก่อนที่จะดำเนินการต่อ นายวิทยา แก้วภาระดัย สมาชิก สปท. ได้หารือว่า ตนเชื่อว่าสมาชิกในสภานี้ และประชาชน ยังเข้าใจบทบาทหน้าที่ของสปท.น้อยมาก องค์กรขนาดใหญ่ 200 คน กว่าจะขับเคลื่อนได้ควรจะมีการทำความเข้าใจวัฒนธรรมขององค์กรเสียก่อน ตนอ่านชื่อบุคคลที่จะเป็นประธานจากการเสนอของสื่อ 2 ชื่อ ยอมรับว่ารู้จักเพียงคนเดียว ส่วนอีกคนไม่รู้จัก จึงไม่รู้ว่าดีกว่าคนที่ตนรู้จักหรือไม่ ตนไม่แน่ใจว่า การขับเคลื่อนการปฏิรูป จะใช้เวลานานแค่ไหน ดังนั้นการเลือกประธาน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ตนจึงเสนอให้เลื่อนวาระการคัดเลือกออกไปก่อน แล้วจัดสัมมนาให้สมาชิกได้ทำความรู้จักกันก่อนที่จะตัดสินใจเลือก เพราะเรามีเรื่องจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องทำ วาระต่างๆที่กำหนดไว้ จำเป้นต้องระดมความคิดกันก่อน
"ไม่ต้องรีบร้อน ทุกคนอยากเร่งแก้ปัญหาของประเทศทั้งนั้น เพื่อให้สภาทำหน้าที่ตามที่ประชุมชนหวังได้ เราไม่ควรเป็นสภากดปุ่มตามที่มีคนกล่าวหา
ด้านนายชัย ชี้แจงว่าตนทำหน้าที่ประธานชั่วคราวเท่านั้น ไม่มีอำนาจตัดสินใจเลื่อนวาระ แต่นายวิทยา แย้งว่า ตามข้อบังคับการประชุมชั่วคราวของสปช. ข้อ 5 สามารถทำได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุม จะตัดสินใจ
ดังนั้นนายชัย จึงได้เปิดให้สมาชิกแสดงความเห็น โดย พ.ต.อาณันย์ วัชโรทัย สมาชิกสปท. เสนอให้ดำเนินการตามวาระต่อไป ขณะที่นายกษิต ภิรมย์ สมาชิกสปท. แสดงความเห็นด้วยกับนายวิทยาว่าควรมีการทำความรู้จักกับประธาน แต่ถ้าไม่สำเร็จอย่างน้อยก็ควรให้ผู้ที่ไดรับการเสนอชื่อแสดงตนว่าเป็นใครมาจากไหน วิสัยทัศน์ในการจะขับเคลื่อนการปฏิรูปอย่างไร และที่ผ่านมามีความเห็นเกี่ยวกับสังคมไทยอย่างไร ทำไมถึงต้องมีการปฏิรูป และจะทำการปฏิรูปด้วยการนำของประธานอย่างไร หากประชุมวันนี้แค่ยกมือลงคะแนนตามที่เตี๊ยมกันมาก็คงจะไม่เพียงพอ และไม่ยุติธรรมต่อผู้ที่ได้รับเลือกด้วย ไม่จำเป็นต้องรีบเร่งลงคะแนนโดยไม่มีการพูดจากัน
อย่างไรก็ตาม สมาชิกสปท. หลายคนได้เสนอให้ดำเนินการตามวาระ อาทิ พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร สมาชิ สปท. ระบุว่า ไม่ควรโอ้เอ้เสียเวลา เพราะที่ผ่านมาสมาชิกมีเวลามากพอแล้ว ที่ได้หาข้อมูลทั้งตามสื่อ การประสานงาน และการรู้จักกัน ไม่ควรเสียเวลา ควรปฏิบัติตามระเบียบกติกาที่วางไว้เพื่อให้รวดเร็ว
นายสุชน ชาลีเครือ สมาชิกสปท. กล่าวว่า พวกเราสปท. 200 คน วันนี้ล้วนมีความหมายในการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ แต่ละคนเป็นผู้ทรงคุณวุฒิ ผ่านการคัดเลือกมาอย่างดี การประชุมวันแรกทำตามวัฒนธรรมองค์กรของสภาฯ และสภาเองก็ที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ทางฝ่ายสำนักเลขาฯ ทำถูกต้องแล้ว คือ วาระแรก จะต้องเป็นการเลือกประธาน และรองประธาน และด้วยเหตุผลที่ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหม่ แต่ด้วยข้อจำกัดบางอย่าง เวลาที่เราขับเคลื่อนก็มีค่า แต่ละท่านมีศักยภาพ ทั้งหมดมีความรู้ความสามารถในแต่ละด้าน มีความสามารถเป็นประธานได้ด้วยทุกคน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ต้องเลือกเอาบุคคลที่เหมาะสมที่สุด ก็อยากจะฝากไปถึงประธานและรองประธาน ว่า ควรนำเรื่องนี้มาเป็นเรื่องเร่งด่วน เรื่องการร่างข้อบังคับ การจัดการสัมมนา จะทำกันอย่างไร เพื่อให้การขับเคลื่อนดำเนินการไปอย่างถูกต้อง
นายประสิทธิ์ ปทุมรักษ์ สมาชิก สปท. เสริมว่า ก่อนที่จะมีการประชุมสมาชิกมีการเปิดไลน์ และทำการศึกษากันแล้วว่า แต่ละคนมีประวัติอย่างไร และสมาชิกยังได้ให้การรับรองเกินกึ่งหนึ่ง น่าจะเพียงพอ ที่ควรเร่งรัดคัดเลือกเหมือนที่ผ่านมาอีกทั้งในรัฐธรรมนูญชั่วคราวก็ระบุให้เราทำงานต่อจาก สปช. โดยให้คำนึงถึงความเร่งด่วน เราไม่มีเวลามานั่งศึกษากันอีก
นายสมพงษ์ สระกวี สมาชิก สปท. แสดงความเห็นว่า เราไม่ใช่มนุษย์ถ้ำ ที่มุบมิบทำในมุมมึด เพราะประชาชนจับตามองหมด หากเร่งรีบประชุมกันเสร็จปุ๊บปับ ไม่รู้เป็นใคร แม้อ้างเรื่องเวลากระชั้นมีน้อย แต่ 20 เดือนพอมีเวลาทำงาน ควรใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที ให้สมาชิกได้รู้จักผู้สมัคร และเป็นจารีตประเพณีว่า เวลาจะเลือกอะไร ไม่มีการกดรีโมตคอนโทล แต่เป็นการเลือกด้วยการวินิจฉัยสมาชิก และดีงามต่อประชาชน และสื่อ เพื่อที่จะไม่มีชื่อว่า"สภาถ้ำ" ตั้งแต่วันแรก วาระแรก ตนเห็นด้วยกับ นายกษิต ว่าผู้ได้รับเสนอชื่อให้เกียรติสมาชิก และประชาชน แนะนำตน บอกวิสัยทัศน์ว่า จะนำพาสภานี้ไปอย่างไร เวลาคนละ 10 นาที ไม่น่าเสียเวลามากนัก หากเร่งรัดประชุมสภานี้จะไม่สง่างามแน่นอน การปฏิรูปใดๆ จะต้องได้รับการยอมรับจากประชาชน แต่ถ้าวิธีการเลือกประธานทำเป็นมนุษย์ถ้ำ งุบงิบ แล้วจะสง่างามอย่างไร
จากนั้น นายชัย ได้ตัดบทเข้าวาระเลือกประธานสปท.ต่อ แต่ไม่มีใครเสนอชื่อบุคคลอื่น ทำให้ ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ได้รับเลือกเป็นประธาน แต่ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกสปท. เสนอให้มีการแสดงวิสัยทัศน์ ตามข้อบังคบการประชุมข้อ 6
นายชัย จึงได้ขอให้ว่าที่ประธานคนใหม่ แสดงวิสัยทัศน์ โดย ร.อ.ทินพันธุ์ กล่าวว่า สปท.ต้องทำหน้าที่ปฏิรูปด้านต่างๆ ต่อจากสปช. ที่วางแผนไว้ระดับหนึ่งแล้ว ซึ่งตนต้องขอบคุณสปช. อย่างสูง โดยสปท. คงต้องทำหน้าที่ในการปฏิรูปต่อไปให้สำเร็จตามเป้าหมาย และรัฐธรรมนูญชั่วคราว ตนเชื่อว่า จะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย โดยต้องปรึกษา และขอความร่วมมือจากสมาชิกทุกคนด้วย เพื่อความเป็นหนึ่งเดียวกัน ต่อจากนี้จะต้องมีการจัดทำข้อบังคับการประชุม สปท. ให้มีเป้าหมายชัดเจนต่อไป หากสมาชิกคนใดประสงค์หารือกับตนก็ยินดี แต่งานของเรา เป็นสภาที่ปรึกษา เสนอแนะแก้ไขปัญหา ศึกษาความเป็นไปได้ การอภิปรายต่างๆ จึงควรจำกัดขอบเขต ต้องเคารพข้อบังคับ การใช้เวลาไม่ควรหมดไปกับเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกับปฏิรูป เพราะอาจถูกตำหนิได้ และควรยึดถือรัฐธรรมนูญคราว เป็นหลักด้วย
ที่ผ่านมา สปช.ได้ทำผลงานไว้เป็นจำนวนมาก เราควรให้ความสนใจและผลักดันได้ก็จะเป็นการดี หากสมาชิกเห็นควรมีข้อปรับปรุง และควรพิจารณาที่เป็นประโยชน์จำเป็นต้องพิจารณาร่วมกันโดยมีการจัดลำดับความสำคัญก่อน หลัง ก็จะเป็นการดี
อย่างไรก็ตาม สมาชิก สปท. ได้แสดงความเห็นควรให้มีการจัดสัมมนาร่วมกันด้วย เพื่อให้สมาชิกได้ทำความรู้จักกันและกันมากขึ้น แต่นายชัย ได้แย้งว่าไม่จำเป็นต้องจัดสัมมนา เพราะคราวก่อนมีการจัดสัมมนามากมาย เอาเงินไปอีลุ่ยฉุยแฉก เยอะแยะ แต่ ร.อ.ทินพันธุ์ ก็รับปากว่า จะจัดสัมมนา เพราะได้หารือกับสมาชิกบางส่วนแล้ว และต่างก็เห็นด้วย
จากนั้น เป็นการคัดเลือกตำแหน่งรองประธานคนที่ 1 โดยพล.ต.ท.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา สมาชิก สปท. เสนอชื่อนายอลงกรณ์ พลบุตร เป็นรองประธานคนที่ 2 โดยไม่มีผู้ใดเสนอชื่อประกบ ซึ่งนายอลงกรณ์ กล่าวว่า ตนจะดำเนินงานตามเจตนารมย์ ยึดประโยชน์ของประชาชน ทำหน้าที่อย่างสุจริต และให้การปฏิรูปประเทศบรรลุให้สำเร็จ เร่งด่วน ตามเวลาที่มี ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพสูงมาก แต่การพัฒนาต่ำ เพราะวิกฤตการเมือง จมปลักกับความแตกแยก ที่ไม่สามารถแก้ไขได้ ห้วงเวลานี้เป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย สปท. จะดำเนินการกับแม้น้ำอีก 4 สาย และประชาชนทั้งประเทศ เพื่อนำประเทศกลับสู่จุดที่ตั้งตามคาดหวัง โดยทั้งหมดอยู่ที่ความร่วมแรงร่วมใจทุกคนทั้งประเทศ ข้อเสนอของสปช. ที่รายงานต่อครม. จะได้รับการต่อยอดจาก สปท. ตนจะเป็นสะพานเชื่อมโยงกับแม่น้ำ 5 สาย ที่มีบทบาทสำคัญรัฏฐาธิปัตย์ เชื่อมอดีตสู่ อนาคต ที่คนไทยคาดหวังให้เป็นจริง
ต่อมา นายเฉลิมศักดิ์ อบสุวรรณ สมาชิกสปท. ได้เสนอชื่อ น.ส.วลัยรัตน์ ศรีอรุณ เป็นรองประธานคนที่ 2 โดยไม่มีผู้ใดเสนอรายชื่ออื่น ซึ่งน.ส.วลัยรัตน์ กล่าวว่า จะทำหน้าที่เต็มความสามารถ เพราะมีโอกาสทำงานเพื่อประเทศหลังเกษียณราชการมากขึ้น โดยจะทำให้วาระทั้งหมด มีผลใน
ทางปฏิบัติอย่างรวดเร็ว แต่ก็ต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคนด้วย
จากนั้น นายชัย ได้สั่งปิดประชุมเมื่อเวลา 11.10 น. โดยช่วงหนึ่งของการประชุม นายชัย ได้ขอให้สมาชิกสปท. เร่งดำเนินการก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ด้วย และควรมีการชี้แจงงบประมาณให้ทราบด้วย เพราะใช้งบประมาณไปหมื่นกว่าล้านบาทแล้วยังไม่ไปถึงไหน ไม่มีใครขับเคลื่อนเลย
**“ทินพันธ์”จปร.5 รุ่นเดียว”สุจินดา”
ร.อ.ทินพันธุ์ เข้าเรียนนายร้อย จปร.รุ่น 5 รุ่นเดียวกับ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ในปี ปี 2505-2509 ได้เป็น ผบ.ร้อย กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 5 ต่อมา ปี 2509 ร.อ.ทินพันธุ์ ได้ลาออกจากราชการทหาร แล้วไปเรียนปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ และต่อปริญญาเอก ที่สหรัฐอเมริกา
ปี 2516 ร.อ.ทินพันธุ์ ได้เป็นคณบดีคณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า แต่ก็ยังมีความสัมพันธ์กับกลุ่มทหาร และมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ทางการเมืองที่สำคัญของไทยในช่วงที่ผ่านมา เคยเป็นที่ปรึกษานายกฯ ในรัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ยาวนาน 8 ปี และเคยเป็นรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.สุจินดา คราประยูร ด้วย