xs
xsm
sm
md
lg

หา “สปท.” ลงเรือแป๊ะ ไร้นักการเมืองตัวจี๊ด

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
รายงานการเมือง

    
หากไม่มีอะไรพลิกโผ “มีชัย ฤชุพันธุ์” สมาชิกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเข้าวิน มาเป็นประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นำทัพ 21 อรหันต์เขียนกติกาฉบับใหม่ตามใจแป๊ะ หลังทุกองคาพยพประสานเสียงให้ซือแป๋กฎหมายรุ่นลายคราม มาทำหน้าที่นี้

เนื่องจากนาทีนี้คนนอกไม่มีใครอยากร่วมสังฆกรรม กลัวแป๊ะจะทอดทิ้งเหมือนกับที่ทำกับ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธาน กมธ. ยกร่างฯ ที่ต้องนอนกระอักเลือด หรือบางคนไม่อยากร่วมหอลงโรงด้วย เพราะไม่สามารถตามใจแป๊ะได้

ทุกคนรู้เห็นธาตุแท้ดี กติกาฉบับนี้ต้องเขียนตามเจตนารมณ์ที่แป๊ะตั้งเอาไว้ ประเภทจะมีอิสระเป็นตัวของตัวเอง ทฤษฎีจ๋า ประชาธิปไตยเนื้อ ๆ เป็นแค่ฝันกลางวัน เพราะไม่ใช่สเปกที่แป๊ะพิศวาส แต่ต้องเป็นพวกฉลาด รู้ว่าแป๊ะต้องการอะไร ที่สำคัญ เล่นแร่แปรธาตุกฎหมายอย่างไรก็ได้ ให้ตรงตามวัตถุประสงค์

ชื่อของ อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี และอดีตประธานยกร่างรัฐธรรมนูญปี 40 เป็นหนึ่งชื่อ ที่เบียด ๆ กันมา โดยได้รับการสนับสนุนจาก อดีต กมธ. ยกร่างรัฐธรรมนูญ และบรรดาพวกที่เคยทำงานกับอดีตนายกฯคนนี้ ด้วยเหตุที่ชื่อชั้นขายได้ ทั้งในและนอกประเทศ ภาพลักษณ์ค่อนข้างดี เหมาะที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย 

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โอกาสเป็นไปได้ค่อนข้างจะน้อย เพราะอยู่ในสภาวะอิ่มตัวที่เลยจุด ๆ นั้นมาแล้ว ที่สำคัญ อานันท์ไม่ใช่พวกตามใจแป๊ะ

คนที่เคยผ่านสารพัดตำแหน่งมาอย่างอานันท์ จะยอมให้แป๊ะสั่งเขียนรัฐธรรมนูญแทบเป็นไปไม่ได้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ต่างเป็นผู้น้อยกว่าทั้งนั้น แน่นอนมันมีการส่งเทียบเชิญ หรือทาบทามขึ้นจริง เพราะเห็นว่าเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมือง แต่คนอย่างอานันท์ หากคิดจะกลับมามีตำแหน่งแห่งหนอีกครั้ง คงกลับมานานแล้ว เพราะมีชื่อเป็นนายกฯ คนกลางหลายต่อหลายรอบในช่วงวิกฤตการณ์การเมือง

ภาษีที่จะเป็น มีชัย จะค่อนข้างจะใกล้เคียงกว่า ยกเว้นไม่สามารถตกลงเงื่อนไขส่วนตัวอะไรกับแป๊ะได้ ก็อาจจะมีม้าตีนปลายมาเสียบแทน

21 กรธ. อาจจะหายากเสียหน่อย เพราะมีเงื่อนไขหลายอย่าง ขณะที่อีกด้านสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ (สปท.) แทบจะเป็นคนละเรื่องกับการคัดสรร กรธ. เพราะนอกจากคุณสมบัติไม่ต้องเยอะเหมือน กรธ. แล้ว ยังไม่ต้องเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปีอีกด้วย แล้วคนที่กระสันอยากมาเป็น ยังเยอะกว่าโควตา 200 คนที่มีอยู่ เฉพาะแม่ทัพนายกองก็ปาเข้าไปจะครึ่งร้อย แทบจะค่อนสภา เตรียมสถาปนาเป็นสภาลายพรางอีกแห่งต่อจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
 
ว่ากันว่า จริง ๆ โผแรกเสร็จไปนานแล้ว แต่แป๊ะเกิดเปลี่ยนใจ นึกอยากจะให้เกิดความหลากหลาย โดยเฉพาะที่มีเสียงเรียกร้องให้เอานักการเมืองเข้าไปร่วมเป็น สปท. ด้วย เพื่อให้มีส่วนร่วมกับแผงอำนาจ เลยต้องจัดโผกันใหม่ เปิดให้กลุ่มการเมืองต่าง ๆ เสนอชื่อบุคคลเข้ามา แล้วจะจิ้มเลือกเอาเองตามความเหมาะสม

ซึ่งจะว่าไปก็คล้าย ๆ กับหนก่อนตอนแต่งตั้ง 250 สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่ก็กวักมือเรียกนักการเมืองเข้ามาลงเรือแป๊ะ แต่ไม่มีใครโดดลงมาให้คนมองว่า ร่วมมือกับเผด็จการ จะมีก็แต่ปลาซิว ปลาสร้อย รอดไซเข้ามาบางตัว อาทิ อลงกรณ์ พลบุตร ที่แยกทางกับประชาธิปัตย์ และ อาณันย์ วัชโรทัย อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ไปได้เรื่อย ๆ นักการเมืองก็ได้ ทหารก็ได้ ขณะที่ตัวเป้ง ๆ ขอยืนเป็นลูกอีช่างติอยู่ข้างนอกดีกว่ามาเป็นหมากเบี้ยในกระดาน

แต่หนนี้น่าสนใจ ทุกพรรคส่งตัวแทนเข้ามาเป็น สปท. หมด เพราะคงเห็นแล้วว่า แหกปากอยู่ข้างนอกเสียงมันไม่ดังเหมือนอยู่ในสภา ที่มีสปอตไลต์จับ ยกเว้นพรรคเพื่อไทย ที่แอนตี้เผด็จการทหาร ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบกับท็อปบูตตามสเต็ป 

กระนั้นพรรคที่ส่ง ๆ กันมาก็ยังดูกั๊ก ๆ ไม่ได้อยากจะมีส่วนร่วมเต็มที่ เพราะแต่ละพรรคเลือกประเภทชราภาพ หรือพวกแถวสอง แถวสาม ไม่ใช่ระดับตัวจี๊ดมาเลย อย่างประชาธิปัตย์เองส่ง ถวิล ไพรสณฑ์ อดีต ส.ส.กทม. และ กษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ ที่ระยะหลังถูกมองว่าเป็นพวกแผ่นเสียงตกร่อง หรือภูมิใจไทย ก็ไม่ได้ส่งระดับหัวหน้าพรรคอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล แต่ส่ง ปู่ชัย ชิดชอบ ที่เคยเป็นสมาชิก สปช. มาแล้ว กลับมาอีกหน เช่นเดียวกับชาติพัฒนา ส่ง “บิ๊กเยิ้ม” พล.อ.ธวัชชัย สมุทรสาคร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อนบิ๊กตู่ มาอีกตามเคย

ไม่มีนักการเมืองแบบจ๋า ๆ ที่ด่าแบบเอาล่อเอาเถิดชนิดจะไปเป็นปากเสียงของพรรคได้สักคน และสุดท้าย คนที่เข้ามาอาจจะเป็นแค่เพียงไม้ประดับในแจกัน อยู่ในวงล้อมของทีมงานแป๊ะเท่านั้น ซึ่งยิ่งดูอำนาจหน้าที่ของ สปท. แทบจะไม่มีบทบาทอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน นอกจากขับเคลื่อนงานปฏิรูปที่แป๊ะเล็งเห็นว่าจะผลักดันเรื่องไหน ง่าย ๆ คือ มีหน้าที่ตามใจแป๊ะอย่างเดียว

อย่าลืมว่า บรรดานักการเมืองที่พรรคนู้นพรรคนี้ส่งกันมาไปแตะมือรวมกันแล้วยังไม่ถึง 1 ใน 3 ของสปท. ทั้งหมด ที่เต็มไปนายทหาร อดีตนายทหาร ข้าราชการ อดีตข้าราชการ ซึ่งแป๊ะเลือกมาเองกับมือ แหกปากโวยวายก็จะถูกมองเป็นแค่เสียงส่วนน้อย ไม่มีอิทธิพลในการเรียกร้องอะไรได้เลย แถมนักการเมืองบางคนที่เข้ามาตลกร้าย ยังเป็นพวกใกล้ชิดแป๊ะด้วยซ้ำไป

หันซ้าย หันขวา ทางไหนก็เข้าเหลี่ยมแป๊ะทั้งหมด ตั้งแต่การแอ็กชันกวักมือเรียกพรรคการเมืองทุกสีเสื้อเข้ามาเป็น สปท. แม้บางพรรคจะปฏิเสธ แต่มุมแป๊ะก็จะได้เครดิตเรื่องใจกว้าง ว่า ไม่ได้รังงอนนักการเมืองเหมือนช่วงแรก ๆ แล้ว ขณะเดียวกัน ก็พยายามเข้าใกล้นักการเมืองมากขึ้น ประหนึ่งว่า ก็เงี่ยหูฟังอยู่บ้าง แล้วอีกทางจะได้ด่าเต็มปากเต็มคำสำหรับพวกที่พ่นอยู่ข้างนอกว่า ทีชวนให้มา ดันทะลึ่งไม่มา

ขณะที่พวกที่มาก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความชอบธรรมในการดำเนินการเรื่องต่าง ๆ ของแป๊ะ อย่างน้อย ๆ ก็ติ๊ต่างเอาเองว่า เป็นความเห็นพ้องจากทุกฝ่าย รวมไปถึงฝ่ายการเมือง แม้จะมีนักการเมืองเข้าไปนั่งเพียงไม่กี่คน

เสร็จเรียบร้อยโรงเรียนแป๊ะกันทุกคน เพราะถ้าแป๊ะต้องการให้มีส่วนร่วมจริง ๆ คงไม่เอาทหารมากองเป็นโขยงอยู่ใน สปท. อย่างนี้ แต่คงมีคนของพรรคการเมืองหลายสิบชีวิต และเป็นพวกตัวเอ้ เดินกันเข้ามา

 ก็แค่เป็นการเกลี่ย ๆ โควตานิดหน่อยเพื่อสร้างภาพความร่วมมือจากทุกฝ่ายเท่านั้นเอง
กำลังโหลดความคิดเห็น