“อภิสิทธิ์” แนะ “ประยุทธ์” ระวังคำพูดทีเล่นทีจริงทำต่างประเทศเข้าใจผิดไม่ให้เสรีภาพสื่อ ชี้ไม่ต้องกังวลกลุ่มต้าน เป็นหน้าที่เจ้าภาพจัดการ วอนอย่าทะเลาะชาติเสียชื่อ เชื่อไม่พูดถึงโรดแมปเหตุทำไม่ได้จะเสียหาย หนุนเผยแพร่เศรษฐกิจพอเพียง ยัน “ถวิล-กษิต” ที่ส่งชื่อนั่ง สปท.ไม่ติดใจอนาคตส่งลงเลือกตั้งหรือไม่ ชูคุณสมบัติหนักแน่นปฏิรูป ดัก “อรรถวิชช์” โผล่นั่งนาม กปปส. ต้องรู้กติกาพรรค
วันนี้ (23 ก.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และนายกรัฐมนตรี จะไปปฏิบัติภารกิจที่สหประชาชาติ ว่าเป็นโอกาสดีที่จะชี้แจงเกี่ยวกับประเทศไทย ส่วนจะทำให้ภาพลักษณ์เรื่องเผด็จการลดลงในสายตาของนานาชาติหรือไม่ ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละชาติ ทั้งนี้อยากให้นายกฯ ระมัดระวังคำพูด เพราะหลายครั้งเหมือนพูดทีเล่นทีจริงกับนักข่าวแต่ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในต่างชาติว่าไม่ให้เสรีภาพกับสื่อมวลชนจนสื่อต่างประเทศหยิบไปเป็นประเด็น ในการเดินทางในครั้งนี้ก็มีสื่อมวลชนต่างประเทศจำนวนมากสนใจที่จะสัมภาษณ์นายกฯ ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะชี้แจง
ส่วนกรณีที่จะมีทั้งกลุ่มต้านและกลุ่มสนับสนุนไปแสดงออกบริเวณสถานที่ประชุมนั้น เจ้าของประเทศต้องเป็นคนจัดการ ส่วนนายกฯ ก็ปฏิบัติภารกิจของตนเองไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องนี้เพราะเป็นเรื่องที่จะแสดงออกได้ แต่ขอว่าอย่าไปทะเลาะหรือทำอะไรผิดกฎหมายเพราะจะเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงของประเทศ แต่หากทั้งสองกลุ่มแสดงออกในขอบเขตของกฎหมาย ไม่มีความหยาบคายหรือรุนแรง ในกิริยามารยาทที่เหมาะสมก็ไม่น่าจะมีอะไรเสียหาย
เมื่อถามว่าด้วยอารมณ์ของนายกฯ คิดว่าจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า โดยปกติการจัดพื้นที่ชุมนุมจะไม่รบกวนการปฏิบัติภารกิจของนายกฯ ส่วนจะใช้โอกาสนี้พูดถึงโรดแมปหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ หากมีความมั่นใจในโรดแมปก็สามารถที่จะประกาศได้ แต่ถ้าประกาศแล้วทำไม่ได้จะส่งผลเสียมากกว่า ดังนั้นคิดว่านายกฯคงพูดได้ตามกรอบของรัฐธรรมนูญชั่วคราวเท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวด้วยว่าการเดินทางไปครั้งนี้มีโอกาสให้นายกฯได้ทำเรื่องอื่นๆ เพราะวาระการประชุมกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งเป็นเรื่องใหม่ เป็นโอกาสดีเพราะการพัฒนาที่ยั่งยืนตรงกับแนวพระราชดำริเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง หากนายกฯ สามารถเผยแพร่แนวพระราชดำริและยืนยันว่าประเทศไทยจะเดินในแนวทางนี้ก็จะเป็นประโยชน์ นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้พบปะกับผู้นำ นักธุรกิจ ซึ่งจะเป็นโอกาสในการทำความเข้าใจ
นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อถึงการเสนอรายชื่อนายถวิล ไพรสณฑ์ และนายกษิต ภิรมย์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ ร่วมเป็นสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือ สปท. ว่ายังไม่ทราบว่าบุคคลทั้งสองจะได้รับคัดเลือกหรือไม่ หากได้รับการคัดเลือกทั้งสองคนก็แสดงความชัดเจนว่าไม่ติดใจว่าในอนาคตพรรคจะส่งลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ เพราะไม่ใช่ตัวแทนทางการของพรรค แต่ที่ตนแนะนำไปเพราะเห็นว่ามีคุณสมบัติสนใจในเรื่องการปฏิรูป เช่น นายกษิตกว้างขวางในเกือบทุกประเด็น ส่วนนายถวิลก็มีความเชี่ยวชาญด้านการกระจายอำนาจและปฏิรูปตำรวจ รวมถึงการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน
แม้ว่าจะเป็นแค่ 2 เสียงในจำนวน 200 คน แต่ถือเป็นเวทีในการระดมความเห็นซึ่งในขณะนี้ก็ยังไม่ทราบว่าสภาขับเคลื่อนจะมีรูปแบบอย่างไรและวาระเท่าไหร่ ดังนั้น หากเข้าไปแล้วเห็นว่าไม่เกิดการปฏิรูปจริงก็ขึ้นอยู่กับสองคนจะตัดสินใจ ทั้งนี้ บุคคลทั้งสองที่แนะนำไปเป็นคนที่หนักแน่นในความคิดเรื่องปฏิรูป ส่วนกรณีของนายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ที่มีชื่อว่าจะไปเป็นสภาขับเคลื่อนในนาม กปปส.นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า นายอรรถวิชช์ก็ต้องรู้กติกาของพรรคว่าเป็นอย่างไร