ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เข้าค่ายทหารไปอบรมกันเรื่อยๆ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือกระบองเผด็จการ เรียกนักการเมืองในระบอบทักษิณไปปรับทัศนคติติดๆ กันหลายคน ตั้งแต่ พิชัย นริพทะพันธุ์ การุณ โหสกุล ที่สร้างความโกรธเกรี้ยวให้รัฐบาลหลังพ่นวาจาสามหาวเหน็บแนมผู้นำ
ขณะเดียวกัน ยังคำรามขู่พวกที่ยังไม่เลิกปากดีให้ระวังตัวไว้ ตามติดชีวิตนักการเมืองค่ายเพื่อไทยอย่างกับสมาชิกบ้านเอเอฟ แม้แต่ผู้สื่อข่าวเครือเนชั่น ยังประเดิมถูกเรียกไปสงบสติอารมณ์ในฐานะสื่อมวลชนรายแรก
ฝ่ายความมั่นคงอยู่ในสภาวะต่อมความอดทนต่ำ ได้ยินเสียงนกเสียงกาแว่วๆ มา ยังหันขวับจ้องจะลากตัวมาเข้าค่ายทหารทุกเมื่อ เวลานี้ไม่ว่า ใครแหลมๆ เข้ามา สะกิดนิด สะกิดหน่อย อาจได้ตีตั๋วรับประทานข้าวฟรี พร้อมที่พักอาศัยจำนวน 7 วัน แถมยังมีโปรโมชั่นขั้นโหด จับดำเนินคดีในชั้นศาลทหารเรียกว่า อารมณ์เขียวๆ ขุ่นๆ แบบนี้ ยิ่งกว่าไปกินรังแตนที่ไหนมา ทั้งที่ช่วงที่ผ่านมานักการเมืองก็ออกมาพ่นแบบนี้กันอยู่แล้วเป็นปกติ ไม่ได้ยกระดับดีกรีถึงขั้นปลุกระดมมวลชนอะไร
มาตรการการเรียกนักการเมืองเข้าค่ายทหาร พร้อมจะลากเข้าซังเต ของคสช.นาทีนี้ แทบไม่ต่างอะไรกับการใช้อำนาจเผด็จการที่มีอยู่อย่างสุดลิ่มอีกครั้งเหมือนตอนยึดอำนาจใหม่ๆ ไม่สนเสียงนินทาว่า จะเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน แม้แต่เสียงตุ๊กแกจากนอกประเทศที่ร้องทักให้รัฐบาลยับยั้งชั่งใจ
แสดงว่า ลึกๆ ในใจมีเรื่องที่ใหญ่กว่าการวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายบริหาร
มีการตั้งข้อสังเกตว่า การออกมาถือไม้เรียวหวดเรียงหน้า เกิดขึ้นภายหลังคสช. ดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ของนายทักษิณ ชินวัตร และการลงมติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญชุด “อ.ปื๊ด”บวรศักดิ์ อุวรรณโณ จึงอาจเป็นอาการวัวสันหลังหวะ หวาดระแวงฝ่ายตรงข้ามนำปมสืบทอดอำนาจในรูปคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูป และการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) และการจงใจคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อตีตั๋วยาวไปโพนทะนาเป็นเงื่อนไขในการปลุกระดมมวลชนขึ้นมาเขย่าเก้าอี้รัฐบาลในอนาคต เลยต้องชิงเชือดไก่ให้ลิงดู
คสช.กำลังผวากับทุกประเด็นที่อาจเป็นเงื่อนไขในการปลุกระดมต่อต้านรัฐบาลได้ และคงแอบไปได้กลิ่นแล้วว่า มีรายการรอจังหวะกระทืบซ้ำ หากพลาดพลั้งเสียที โดยเฉพาะตอนนี้สถานการณ์ของรัฐบาลเองก็ยังไม่สู้ดี ไม่พ้นขีดอันตรายจากหลายๆ เรื่อง มีประเด็นอ่อนไหวหลายอย่างที่พร้อมจะกลายเป็นการเตะหมูเข้าปากหมา ทั้งปัญหาเศรษฐกิจที่ยังลูกผีลูกคน ข้อครหาเรื่องการจงใจต่ออำนาจให้ตัวเองอยู่ลากยาวในทุกช่องทาง ตลอดจนคดีความหลายคดีของคนในขุมข่ายพรรคเพื่อไทย
โดยเฉพาะคดีความใหญ่ๆ เกี่ยวกับแกนนำคนสำคัญ ที่งวดเข้ามาทุกขณะ บางคดีมีข้อสรุปกันไปเรียบร้อย อย่างล่าสุด ศาลอาญาพิพากษาจำคุก 4 แกนนำเสื้อแดง วีระกานต์ มุสิกพงศ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เหวง โตจิราการ และ วิภูแถลง พัฒนภูมิไท นำมวลชนบุกบ้านสี่เสาเทเวศร์ ของ “ป๋าเปรม” พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2550 คนละ 4 ปี 4 เดือน ซึ่งแต่ละคนล้วนมีพลังปลุกปั้นมวลชนได้ทั้งสิ้น
แม้ล่าสุดศาลจะให้ประกันตัวออกมา แต่ชีวิตของแต่ละคนจะไม่เหมือนเดิม การเคลื่อนไหวแข็งกร้าวอาจกลายเป็นอันตรายต่อตัวเอ
ในขณะที่บางคดีของคีย์แมนคนสำคัญก็รอคิวขึ้นเขียงในอีกไม่นาน ทั้ง สมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี น้องเขยทักษิณ ชินวัตร กรณีสั่งสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี น้องสาวในไส้ทักษิณ กรณีไม่ระงับยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวจนก่อให้เกิดความเสียหาย ซึ่งสองคดีนี้หากผลออกมาทางใดทางหนึ่งย่อมมีแรงกระเพื่อมจากสังคมอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ยิ่งมีการมองว่า ห้วงเวลาลากยาวของรัฐบาลร่วม 20 เดือน หลังร่างรัฐธรรมนูญล่ม อาจทำให้มีเวลาเก็บกวาดเสี้ยนหนามปฏิปักษ์ตัวเองมากยิ่งขึ้น ประหนึ่งยื้อเพื่ออยู่ทุบให้อีกฝั่งไม่ได้กลับมาผุดมาเกิดทางการเมืองอีกเลย การอุดปากอุดจมูกนักการเมืองไม่ให้สำรอกออกมา จึงเสมือนเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม ไม่ให้ลามทุ่งไปกว่านี้ได้ เพราะคสช. เองก็คงไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเอาอยู่ หากปล่อยไป สิ่งที่ตัวเองกำลังดำเนินการหลายอย่างมันมีรูแหว่งพาลให้คนตีความสองแง่สองง่าม อยู่บ่อยๆ
สถานการณ์ของคสช.ตอนนี้ เหมือนยืนอยู่บนทางแยก มีแค่ซ้ายและขวาให้เลี้ยว แล้วดูเหมือนสูตรปรองดองจะถูกเก็บใส่ลิ้นชักไปแล้ว หลังไร้ท่าทีรอมชอม ปิดช่องดีลทุกทาง ตัวละครของอีกฝั่งโดนเด็ดหัวกันไปทีละคน สองคน แต่สูตรตัดไฟตั้งแต่ต้นลมไม่มีใครการันตีได้ว่า มันจะได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ กรณีหากขจัดปัดกวาดหมดถือว่า โชคดี เอาอยู่ ไม่ต้องซ้ำรอยตอนรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ที่เสียข้าวเสียของ การเมืองวกกลับที่เดิม
แต่มันอาจเป็นดาบสองคมได้เหมือนกันหากหินที่ทับหญ้ากดเอาไว้ไม่อยู่ อาจกลายเป็นการลุกฮือต่อต้านรัฐบาลที่หนักหน่วงแทนได้ โดยเฉพาะหากช่วงเวลาดังกล่าว รัฐบาลไม่ได้อยู่ในสภาวะที่มีภูมิคุ้มกันที่ดี ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจที่ยังถูลู่ถูกัง ข้าวยากหมากแพง แถมถ้ายังมีเรื่องความพยายามรักษาอำนาจไว้ให้ได้นานที่สุด มาเป็นตัวลดความน่าเชื่อถือ นาทีนั้นต่อให้มีรถถัง มีอำนาจตาม มาตรา 44 ที่ครอบจักรวาล ก็ยากที่จะกดไว้ได้
ร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจะร่างขึ้นมาใหม่เที่ยวนี้ คือตัวแปรสำคัญอีกเช่นกัน เกิดรัฐบาลฉ้อฉลซ่อนเงื่อนเข้าไปในรัฐธรรมนูญอีก มีการปรับโฉมองค์กร หรือคณะกรรมการในลักษณะเดียวกับ คปป. เข้าไป หรือวางกลไกเอาไว้ให้ตัวเองมีที่ยืนอยู่ในกติกาฉบับใหม่ แรงคัดค้านจะรุนแรงกว่ารอบแรกเป็นเท่าตัว เพราะถือว่ารัฐบาลลากยาวอยู่บนอำนาจมานานเกินสมควรแล้ว ประชาชนรู้สึกเบื่อหน่าย การโยนฟืนลงกองไฟ ของฝ่ายตรงข้ามจะไม่ต่างจากการนำน้ำมันราดลงบนกองไฟที่ลุกลามได้อย่างรวดเร็ว
หรือแม้แต่ข่าวคราวการทุจริตคอร์รัปชั่น ที่จัดเป็นประเด็นอ่อนไหว ฆ่ารัฐบาลมาหลายยุค ปลุกติดกันมาหลายที หากวันใดวันหนึ่งข้างหน้าเกิดรายการฉาวโฉ่ ทุจริตประพฤติมิชอบ นั่นจะเป็นชนวนปฐมบทแห่งการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลครั้งใหญ่ ในอดีตเผด็จการหลายยุค ล่มสลายมาแล้วเพราะเรื่องเงินๆ ทองๆ
การมีรถถังอย่างเดียวพิสูจน์มาแล้วว่า ไม่สามารถคุ้มกันได้เสมอไป ผู้บริหารที่ผู้ถูกปกครองไม่ยอมรับอยู่ลำบาก...