xs
xsm
sm
md
lg

“โอ๊ค”รูดซิปปากไม่วิจารณ์คสช. บอกไม่อยากไปกินข้าวฟรี7วัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

ASTV ผู้จัดการรายวัน - คสช.ยันดูแล “พิชัย-เก่ง” อย่างดี ให้นอนบ้านพักรับรอง-ไม่มีทำร้ายร่างกาย แค่รับปากไม่พล่ามให้ร้ายอีกก็ปล่อยตัว ระบุถ้าปล่อยแล้วยังพูดให้ร้ายก็เชิญมาอีก ด้าน “วัฒนา” เมินแจ้งความหลังถูกชายผมเกรียนทำร้าย เชื่อตำรวจไร้น้ำยาในยุคทหารเป็นใหญ่ “ปู” วอน คสช.รับฟังความเห็นสร้างการมีส่วนรวม ขณะที่ “โอ๊คอาค” รูดซิปปาก อ้างไม่อยากกินข้าวฟรีในค่ายทหาร “เต้น” เหน็บอาจต้องใส่นวม-สวมเฮดการ์ดออกจากบ้าน “จตุพร” เชื่อมีคนจัดฉากทุบ “วัฒนา”

พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เสนาธิการทหารบก ในฐานะรองเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) ของ คสช. ควบคุมตัว นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน และ นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เพื่อปรับทัศนคติในค่ายทหารว่า ทั้งคู่ยังอยู่ดีเป็นปกติที่บ้านพักรับรองแห่งหนึ่งของทหาร โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปพูดคุยด้วยทุกวันเพื่อปรับทัศนคติ และขอร้องให้ทำตามกฎ กติกา หากรับปากก็จะดำเนินการปล่อยตัว ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะครั้งนี้ไม่ได้เป็นครั้งแรกที่เชิญตัวมาทำความเข้าใจร่วมกัน แต่ที่ผ่านมาทั้งคู่ยังพูดแสดงความคิดเห็นด้านลบต่อรัฐบาลและ คสช.ที่อาจสร้างความวุ่นวาย หรือทำให้คนทะเลาะกันได้ เพราะการพูดในบางเรื่องนั้นอาจสร้างความแตกแยก แต่ถ้าเป็นการพูดแนะนำเชิงสร้างสรรค์ รัฐบาลและ คสช.ไม่มีปัญหา เพราะเราพยายามดำเนินการตามโรดแมป อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าทหารไม่ทำร้ายร่างกายทั้ง 2 คนอย่างแน่นอน

** ปล่อยตัว “พิชัย-การุณ” แน่หลังครบ 7 วัน

พล.อ.ฉัตรเฉลิม กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องควบคุมตัวทั้ง 2 คน เพื่อดำเนินการปรับทัศนคติตามกฎหมายเป็นเวลา 7 วัน แต่ถ้าปล่อยตัวไปแล้วยังพูดเพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายอีก กกล.รส.ก็จะไปเชิญตัวมาปรับทัศนคติอีกเรื่อยๆ และหากยังไม่ยอมรับฟังกัน ก็จำเป็นต้องใช้กฎหมายเข้ามาดำเนินการ เพราะถือว่าขัดคำสั่ง คสช. ทั้งนี้รัฐบาล และคสช.ฟังทุกคน เรื่องความคิดนั้น ทุกคนสามารถคิดแตกต่างได้ แต่ช่วยพูดแบบสร้างสรรค์ในเชิงแนะนำ ไม่ใช่การพูดติติง เปรียบเทียบกล่าวหากัน เพราะรัฐบาลและ คสช.มีความหวังดี แต่ทุกเรื่องต้องใช้เวลา ซึ่งอาจช้าไปบ้าง

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย อ้างว่าถูกชายฉกรรจ์ผมเกรียนทำร้ายร่างกายที่สนามซ้อมฟุตบอลภายในเมืองทองธานี เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 12 ก.ย.ที่ผ่านมา และเรียกร้องให้ คสช. ดูแลความปลอดภัย เพราะคาดว่าสาเหตุมาจากประเด็นการเมืองนั้น พล.อ.ฉัตรเฉลิม กล่าวว่า คสช.ดูแลความปลอดภัยให้กับทุกคนอยู่แล้ว ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าสาเหตุมาจากเรื่องการเมืองหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ แต่ขอยืนยันว่าทหารไม่ทำร้ายร่างกายใครแน่นอน.

** “วัฒนา” ไม่แจ้งความ-เชื่อไร้ประโยชน์

ขณะที่ นายวัฒนา เมืองสุข อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เปิดเผยถึงเหตุการณ์ที่ถูกทำร้ายร่างกายว่า คงจะไม่ไปการแจ้งความดำเนินคดี เพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์ ทางตำรวจก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะอยู่ในยุคที่มีทหารเป็นใหญ่ มีทหารยืนอยู่ทุกสี่แยก ตำรวจก็คงไม่กล้า แต่ก็กำลังรวบรวมหลักฐานอยู่ ทั้งนี้ตนยังมีอาการเจ็บที่หลังคอเล็กน้อย แต่ไม่เป็นอะไรมาก

“การไปทำร้ายผมที่สนามฟุตบอลเมืองทองธานี ซึ่งเป็นสถานที่ซ้อมฟุตบอลของศิษย์เก่าโรงเรียนสวนกุหลาบ ถือว่าเป็นที่ชุมนุมของชาวสวนกุหลาบ รู้อยู่ว่าตั้งใจ เพราะภาษานักเลงคงต้องการแสดงให้เห็นว่าสามารถมาทำร้ายกันถึงถิ่นได้” นายวัฒนา ระบุ

** “โอ๊ค” หุบปากอ้างกลัวโดนปรับทัศนคติ

วันเดียวกัน ที่สกายปาร์ค ตึกชินวัตรทาวเวอร์ 3 น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังร่วมแสดงความยินดีกับบัณฑิตมูลนิธิไทยคมหลังสำเร็จการศึกษาจากโครงการทุนการศึกษามูลนิธิไทยคม มหาวิทยาลัยชินวัตร ถึงกรณีที่ คสช.เชิญคนแสดงความเห็นต่างเข้าปรับทัศนคติเป็นเวลา 7 วันว่า อยากให้คสช.เปิดโอกาสให้แต่ละฝ่ายแสดงความคิดเห็น เพราะการแสดงความเห็นเป็นสิ่งที่ดี อยากให้ความเห็นที่แสดงออกมานั้นมีส่วนร่วมจะทำให้ได้รับฟังความเห็นจากหลายภาคส่วนมากขึ้น

ขณะที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายนายทักษิณ ชินวัตร ที่เดินทางมาร่วมงานด้วย กล่าวปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นในกรณีเดียวกัน โดยระบุเพียงว่า “ไม่อยากที่จะพูดอะไร ในสภาวะเช่นนี้ ขออยู่ข้างนอกดีแล้ว ไม่อยากไปกินข้าวฟรี 7 วัน”

** พท.ประณามคนใช้ความรุนแรง

นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนไม่สบายใจอย่างยิ่ง กับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศของเราขณะนี้ ทั้งการนำตัวนายพิชัย และนายการุณ ไปพูดคุยปรับทัศนคติ เพราะมีความเห็นต่างในบางเรื่อง และได้แสดงความคิดเห็นออกมาสู่สาธารณะ ทั้งที่เป็นการแสดงความเห็นโดยบริสุทธิ์ใจ ซึ่งอาจจะไม่ตรง หรือแตกต่างจากผู้อื่นหรือผู้มีอำนาจ ในทุกสังคมไม่ว่าแห่งใด โดยเฉพาะประเทศที่มีความอารยะ เราไม่อาจบังคับหรือทำให้คนทุกคน มีแนวความคิดเหมือนกัน หรือไปในทิศทางเดียวกันได้ทั้งหมด

“ความคิดเห็นที่แตกต่าง เป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ ตราบเท่าที่มิได้มีการกระทำที่นำไปสู่การยุยงหรือปลุกระดมให้คนใช้ความรุนแรงต่อกันหรือในการแก้ปัญหา และยังนับเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เพราะเป็นหลักประกันให้แต่ละฝ่าย สามารถใช้ตรวจสอบความคิด ความเชื่อของตนเพื่อไม่ให้เกิดผลเสียหายทั้งต่อตนเองและส่วนรวม” นายภูมิธรรม กล่าว

ส่วนกรณีการที่นายวัฒนาถูกทำร้ายร่างกายนั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตนยิ่งตกใจที่นายวัฒนาถูกลอบทำร้าย โดยน่าจะมีสาเหตุจากการแสดงความคิดเห็นต่างๆ เพราะไม่ได้มีข้อขัดแย้งส่วนตัวกับใคร ถือเป็นเรื่องที่น่าห่วงใยอย่างยิ่งสำหรับสังคมไทย จึงอยากขอเรียกร้องให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายได้ใช้วิจารณญานให้ถี่ถ้วน ขอได้โปรดประคับประคอง อย่าให้สังคมไทยต้องเลวร้ายไปกว่านี้เลย เพราะสถานการณ์เช่นนี้ รังแต่จะนำมาซึ่งผลเสียหายโดยรวมต่อประเทศ

“ผมไม่อาจยอมรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ และขอประณามการใช้ความรุนแรง ทุกรูปแบบที่เกิดขึ้น ทั้งที่เกิดขึ้นกับคุณวัฒนา เมืองสุข และกับทุกผู้คนในสังคม” นายภูมิธรรม ระบุ

** เชื่อสร้างสถานการณ์ให้หวาดกลัว

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้เขียนข้อความผ่านเว็บไซต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุถึงกรณีที่นายวัฒนาถูกทำร้ายร่างกาย ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่รู้ใครทำ หรือเป็นการส่งสัญญาณหรือไม่ แต่ไม่เป็นผลดีกับประเทศ เพราะพยายามสร้างความเข้าใจให้เกิดขึ้นว่าใครวิจารณ์ผู้นำปัจจุบันต้องถูกขัง หรือใครที่มีความเห็นแตกต่าง ต้องถูกต่อยหรือถูกทำร้าย อาจเป็นการสร้างสถานการณ์ พฤติกรรมส่อถึงความรุนแรงไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะนายวัฒนาเท่านั้น เนื่องจาก 2 วันที่ผ่านมา ทหารเข้าไปเยี่ยมนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ถึงบ้านพัก บางครั้งมาจอดรถหน้าบ้าน แล้วขับรถทหารจากไป โดยไม่ทราบเจตนาว่ามาทำไม ทุกคนมีความรักชาติเหมือนกันเพียงแต่แตกต่างในจุดยืนกันเท่านั้น

** “เต้น” เหน็บใส่เฮดการ์ดออกจากบ้าน

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. กล่าวว่า สถานการณ์แบบนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้มีอำนาจจะต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่ายเพื่อรับทราบ และทำความเข้าใจในวิธีคิดของประชาชนแล้วกำหนดแนวทางดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง ทั้งนี้ต้องยอมรับความจริงว่า ความแตกต่างทางความคิดเป็นธรรมชาติของสังคมมนุษย์ ไม่ว่าจะปกครองในระบอบใดเป็นไปไม่ได้ที่ผู้ปกครองจะทำให้คนทุกคนคิดเหมือนกัน ถึงที่สุดแล้วถ้า คสช.ทำสำเร็จตามโรดแมปสังคมไทยก็จะต้องเดินหน้าไปท่ามกลางความแตกต่างทางความคิดอยู่ดี สำหรับการทำร้ายนายวัฒนานั้น แม้ยังไม่ทราบตัวคนทำ แต่จากลักษณะการลงมือนั้นเป็นขบวนการที่สร้างบรรยากาศความหวาดระแวงและรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ระหว่างกัน

“ไม่แน่ว่าต่อไปนี้คนบางกลุ่มอาจต้องใส่นวม สวมเฮดการ์ดออกจากบ้าน ซึ่งสวนทางกับภารกิจของรัฐบาลที่ต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ความเห็นที่หลากหลายคือธรรมชาติ ไม่ใช่ความวุ่นวาย ความเงียบที่เกิดจากการใช้อำนาจควบคุมต่างหากที่ฝืนธรรมชาติ ถ้าการปฏิรูปทำโดยปฏิเสธหลักแห่งธรรมชาติ ก็นึกไม่ออกว่าความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้อย่างไร” นายณัฐวุฒิ กล่าว

** แนะ “ประยุทธ์” ต้องใจใหญ่

ด้าน นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 กล่าวว่า ยามนี้ประเทศชาติกำลังเผชิญภาวะเศรษฐกิจตกต่ำจากในและต่างประเทศ รัฐบาลจะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจึงจะนำพาประเทศฝ่าวิกฤติไปได้ ดังนั้นควรเปิดกว้างรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายให้มาก หัวหน้า คสช.จะคิดแบบทหารที่ทุกคนต้องคิดเหมือนกันหมดคงไม่เหมาะสม

“ท่านต้องใจใหญ่ ถ้าใครแสดงความเห็นแตกต่างไม่ควรเรียกไปปรับทัศนคติ แต่ควรเชิญมากินกาแฟที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อท่านยื่นไมตรีให้เขา ท่านก็จะได้รับเกียรติจากเขาเช่นกัน และไม่ควรใช้วิธี ลับลวงพราง แต่ควรตรงไปตรงมาแบบชายชาติทหาร เชื่อว่าจะทำให้บรรยากาศความรักสามัคคีบังเกิดขึ้นได้” นายอดุลย์ กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น