จากกรณี คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้เชิญตัว นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรมว.พลังงาน ในรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปควบคุม ปรับทัศนคติเป็นเวลา 7 วัน หลังจากที่ออกมาแสดงความเห็นต่อการกรณีสภาปฏิรูปแห่งชาติ คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ และจะต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่ ต้องใช้เวลาอีกประมาณ 20 เดือน จึงจะมีการเลือกตั้ง เท่ากับเป็นการกระทืบซ้ำเศรษฐกิจของชาติ เพราะต่างชาติจะไม่เชื่อมั่น เพราะดูออกว่าการคว่ำ ร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้ เป็นปาหี่ของคสช.
วานนี้ (10 ก.ย.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวยอมรับว่า คสช.ได้เชิญตัว นายพิชัย ไปพูดคุย เพื่อปรับทัศนคติ เนื่องจากมีการแสดงความคิดเห็นไม่ตรง และไม่เป็นไปตามแนวทางที่เคยตกลงกันไว้ จึงต้องเชิญมาพูดคุยอีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม พล.อ.อุดมเดช ปฎิเสธที่จะตอบคำถามว่า ควบคุมตัวนายพิชัย ไว้ที่ใด เป็นเวลากี่วัน โดยตอบเพียงสั้นๆ ว่า คงไม่มีอะไร ก่อนจะขึ้นรถเดินทางไปประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล
ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. ระบุว่า กองกำลังรักษาความสงบ (กกล. รส.) จำเป็นต้องเชิญนายพิชัย มาแลกเปลี่ยนทำความเข้าใจ ตามแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยเดิม เนื่องจากได้ตรวจพบว่า ช่วงหลังนายพิชัย เริ่มมีการแสดงออกที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ทาง กกล.รส. ได้ขอความร่วมมือไว้ เหมือนมีเจตนามุ่งทำลายความน่าเชื่อถือ โดยใช้เพียงทัศนคติส่วนตัวมาอย่างต่อเนื่อง มีการนำเสนอข้อมูลในลักษณะเชิงพาดพิงกล่าวหา ด้วยมีข้อมูลไม่ครบ มีความพยายามชี้นำให้สังคมสับสน ไม่มั่นใจ ต่อภาครัฐบ่อยครั้ง ซึ่งหลายอย่างก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่คงจะพยายามใช้การทำความเข้าใจเป็นหลัก ส่วนจะใช้เวลาแค่ไหน ต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือ และดุลพินิจของ เจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบ
**"โต้ง"อ้าง"พิชัย"ปรารถนาดี
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า จากการที่ตนเคยร่วมงานกับนายพิชัย ในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ถือว่านายพิชัย เป็นทีมงานคนสำคัญ ซึ่งการออกมาพูดแสดงความคิดเห็นของ นายพิชัย ถือว่าเป็นความปรารถนาดี และบริสุทธิ์ใจ ต่อปัญหาภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
ฉะนั้น การแสดงความเห็นที่ผ่านมา ถือว่าเป็นประโยชน์ และเป็นความห่วงใยที่สอดคล้องกับทีมเศรษฐกิจชุดเดิม ที่มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ และแม้รัฐบาลจะมีการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจ ก็ยังถือว่ามีความเห็นที่สอดคล้องกัน โดยวันนี้ในต่างประเทศมองว่า ภาวะเศรษฐกิจ กับความมั่นคง มีความเชื่อมโยงกัน รัฐบาลโดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง ควรจะรับฟังด้วยใจที่เปิดกว้าง ซึ่งการที่เชิญตัวนายพิชัย ไปปรับทัศนคติหลายครั้ง และล่าสุดได้มีการควบคุมตัวไว้ 7 วัน มันสะท้อน และนำไปสู่ความเข้าใจให้เห็นว่า ผู้บริหารประเทศในปัจจุบันไม่อยากเห็นใครออกมาแสดงความเห็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่การแสดงความเห็นเป็นประโยชน์ และเป็นความห่วงใยต่อประเทศ
ทั้งนี้ การเดินทางไปต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นตัวนายกรัฐมนตรี หรือคนในรัฐบาลคนใดก็ตาม เมื่อมีการพูดคุยความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ก็จะต้องถูกตั้งคำถามเรื่องสภาวะทางการเมืองภายในประเทศ ที่มีการสะดุดของรัฐธรรมนูญเกิดขึ้น โดยต้องถูกถามว่า จะใช้เวลาเท่าไหร่ ถึงจะมีรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่ประชาธิปไตย ฉะนั้น การวางแผนเตรียมความพร้อมในการตอบคําถามเหล่านี้ที่ นายพิชัย ออกมาพูด รัฐบาลควรมองในแง่บวก
นายกิตติรัตน์ กล่าวย้ำว่า ในฐานะที่ตนเองรู้จักนายพิชัย และร่ำเรียนเศรษฐศาสตร์มาด้วยกัน ยืนยันว่านายพิชัย มีความปรารถนาดี และไม่ได้ใช้ความเห็นส่วนตัวเป็นหลัก แต่ยังมีการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นมาด้วย ไม่ได้มีเจตนาทำลายเสถียรภาพรัฐบาลในเรื่องใดๆ
ขณะเดียวกัน ตนเองอยากให้บรรยากาศเกิดความปรองดองสมานฉันท์ โดยขอเรียกร้องไปยัง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ให้ทำความเข้าใจกับฝ่ายความมั่นคงในเรื่องดังกล่าว เพื่อความสมานฉันท์ปรองดองที่ดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น ก็ควรรับฟังอย่างใจกว้าง ส่วนจะนำความเห็นไปดำเนินการหรือไม่ อย่างไร เป็นสิทธิ์ของรัฐบาล ในฐานะผู้บริหารประเทศ พร้อมเชื่อว่า คนเศรษฐกิจด้วยกัน ต่างก็รู้เรื่อง และเข้าใจ เพราะการแสดงความคิดเห็นไม่มีเจตนาอะไรที่จะให้เกิดความสับสนต่อประชาชน แต่เพื่อต้องการให้เป็นประโยชน์ในการทำงานของรัฐบาลเท่านั้น
**ภูมิธรรม"วอนปล่อยตัว"พิชัย"
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้ติดตามข่าวที่ว่า นายพิชัย หายตัวไปด้วยความไม่สบายใจ จนถึงขณะนี้เกินกว่า 24 ชม.แล้ว โดยไม่มีใครทราบแน่ชัด ว่าอยู่ที่ใด จึงมีความเป็นห่วงทั้งในฐานะที่เป็นเพื่อนนักการเมืองด้วยกัน และเป็นนักการเมืองในสังกัดพรรคเพื่อไทย ที่ตนเป็นรักษาการเลขาธิการพรรคอยู่
ที่ผ่านมา นายพิชัยได้พยายามใช้ประสบการณ์ความรู้ของตัวเอง เสนอข้อคิดเห็นและเหตุผลให้กับทางออกของประเทศด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยมองว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังประสบปัญหา ซึ่งก็ตรงกับความห่วงใยของคนหลายๆ ฝ่ายในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นนักการธนาคาร นักธุรกิจสาขาต่างๆ คนทำมาค้าขาย หรือประชาชนคนยากจนทั่วๆไป
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ทุกๆ ฝ่ายมีความกังวลห่วงใยต่อบ้านเมืองตรงกัน โดยเฉพาะการคาดการณ์เศรษฐกิจว่ ากำลังวิกฤติ หรือใกล้เข้าสู่ภาวะวิกฤติเต็มที และคนจำนวนไม่น้อยรวมทั้งนานาประเทศ ต่างเห็นร่วมกันว่า การผลักดันประเทศให้กลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกัน จะเป็นหนทางที่นำไปสู่เงื่อนไขสำคัญในการคลี่คลายปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ตนอยากเสนอต่อผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อการแก้ไขปัญหาของประเทศในปัจจุบันว่า ในภาวะที่ประเทศกำลังมีวิกฤติ การระดมความเห็นจากคนในสังคม ยิ่งกว้างขวาง ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการคลี่คลายวิกฤติ
"คุณพิชัยเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าอีกคนหนึ่งของสังคมไทย ปล่อยตัวคุณพิชัย และเปิดโอกาสให้คุณพิชัยได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการเสนอแนะ และมุมมองต่อปัญหาและทางออกของบ้านเมือง ประเทศจะได้ประโยชน์มากกว่า" นายภูมิธรรม ระบุ
** หิ้ว"เก่ง การุณ"ปรับทัศนคติ
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (10 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ทหาร ได้เชิญตัว นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปที่กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อนายการุณได้ จึงคาดว่าอาจจะถูกกักตัวไว้เช่นเดียวกับ นายพิชัย
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เพิ่งกล่าวในเชิงตำหนิ นายการุณ ที่ได้โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเพิ่งถูกถอดยศ พร้อมระบุข้อความว่า "คนข้างๆ ผมต่อไปนี้ไม่มียศ ผมจะเรียกว่า พระเดชพระคุณ คุณพ่อเจ้าชีวิต อภิมหานายกอมตะ นิรันดร์กาล เป็นเจ้านายเหนือกระบาลกระผมตลอดไป"
** "บิ๊กตู่"รับทหารหิ้ว"เก่ง-พิชัย"เข้าค่าย
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึง กรณีการเชิญนาย พิชัย ไปปรับทัศนคติว่า "เป็นเรื่องที่ทาง คสช.เขาเรียกตัวไปมั้ง" เมื่อถามว่า รวมถึงนายการุณ โหสกุล ด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ด้วยมั้ง" เมื่อถามว่าการเรียกตัวไปครั้งนี้ สาเหตุและความผิดมาจากอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "เป็นไปตามคำสั่งคสช. ซึ่งเป็นเรื่องการแสดงความคิดเห็น แล้วพวกสื่อเห็นว่าความคิดเห็นที่พูดออกมานั้น มันดีหรือไม่เล่า มันสร้างอะไรให้กับสังคม มันพร้อมจะสะกิดความปั่นป่วนอีกหรือเปล่า ผมเองก็ไม่ค่อยจะอยากใช้อยู่แล้วล่ะ แต่ได้มอบอำนาจไปแล้ว เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องที่เขาพิจารณากันเอง ถ้าการพูดจาไปในลักษณะที่ท้าทายอำนาจรัฐ มันทำได้ไหม ผมปล่อยมาเยอะแล้ว"
เมื่อถามว่า การเชิญตัวครั้งนี้นำไปคุมขัง หรือปรับทัศนคติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแบบประชดว่า "เอาไปกินข้าวมั้ง เอาตัวไปเลี้ยงข้าว เลี้ยงปลา" เมื่อถามว่า เอาไปปรับทัศนคติ 7 วัน เลยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่รู้ เขากำลังพิจารณาอยู่มั้ง มีอำนาจกี่วันเล่า จะ 7 วันหรือเปล่า ผมไม่รู้ ขึ้นอยู่กับผลที่เขาสอบกันมา ว่าถ้ารับมันก็เสร็จ ถ้าไม่รับต่อ มันก็มีคดีต่อไป" เ มื่อถามว่า นอกจากกรณีของ นายพิชัยแล้ว ยังจะมีคนอื่นที่เข้าข่ายถูกเรียกตัวอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้บอกแล้วว่า ตนจะเป็นผู้พิจารณาเอง มากน้อย หนักเบา ก็เป็นเรื่องของตน
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าจะมีอีกใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า "ไม่รู้ ก็ต้องมาดูว่า สิ่งไหนที่สร้างความเดือดร้อน สร้างความไม่สงบ สื่ออยากให้บ้านเมืองสงบหรือไม่ แล้วคนที่พูดจาไม่ดี พูดจาแล้วทำให้เกิดความเสียหาย มันควรจะพูดหรือไม่ หรือถ้าไม่อยากให้เกิดความสงบ เดี๋ยวก็เอาออกมาให้หมด ใครอยากพูดอะไรก็พูด แล้วอย่ามาโทษผม อย่ามาโยนความรับผิดชอบให้ผมคนเดียว"
** สั่งไอซีที จัดการเว็บโจมตีรัฐบาล
เมื่อถามว่า ตอนนี้เริ่มมีกระบวนการต่างๆ รวมทั้งเว็บไซต์ ออกมาโจมตีนายกรัฐมนตรี จะมีการดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและกระทรวงไอซีที กำลังดำเนินการอยู่ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเว็บไซต์เหล่านี้มาจากต่างประเทศ ทำได้เพียงเว็บไซต์ที่มีต้นทางที่นี่ ซึ่งกำลังทำอยู่ เพราะถ้าเว็บไซต์เหล่านี้มาจากต่างประเทศ เราจะไปสั่งปิดได้อย่างไร อย่างเช่นยูทูป อย่างในเรื่องกฎหมาย มาตรา 112 เขาก็ไม่มี เขาก็ไม่มีกฎหมายแบบนี้ เราก็ต้องเคารพแล้วทำไมไม่ไปโทษคนทำ ว่ามันมาจากไหน และเป็นใคร
เมื่อถามว่า นอกจากมาตรการการยึดหนังสือเดินทาง แล้วจะมีมาตรการอื่นอะไรออกมาอีกบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เอาพาสเตอร์ปิดปาก เรื่องนี้คณะทำงานเขากำลังทำกันอยู่ สื่อไม่ต้องมาถามทุกเรื่อง ทุกวัน แล้วก็ไม่ต้องมาให้นายกฯมาสั่งทุกเรื่อง
"นักการเมืองและพรรคการเมืองที่ออกมาพูดวันนี้ ก็ขอร้องเถอะครับ ถ้าท่านไม่มาพูดจาให้ร้ายผม ผมก็ไม่ไปยุ่งกับท่าน แต่ถ้ายังมาพูดโจมตีรัฐบาล อยากถามว่ามีใครเขาทำกันบ้าง ยิ่งเป็นรัฐบาลที่มาอย่างผมเช่นนี้ มันไม่มีใครพูดได้ ที่ผ่านมาผมก็ให้พูด จะเขียนในโซเชียลมีเดีย อะไรก็เขียนไปเถอะ แต่มาต่อต้านผมตรงๆไม่ได้ ไม่มีใครเขายอม นี่ถือว่าให้โอกาสมาเยอะแยะแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า แล้วอย่างคนที่ทำนองเดียวกับฉลาด ที่นายกฯ เคยพูดถึง จะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็เขาเรียกไปแล้ว ก็คุยดูก่อน ว่าจะว่าอย่างไร ทำไมถึงพูดแบบนั้น แบบนี้ พูดท้าทายมันไม่ได้ " เมื่อถามว่า แสดงว่าเป็นคำพูดที่แรงใช่หรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ถ้าท่านเป็นพ่อแม่คน มีพ่อ แม่ ลูก แล้วลูกคุณมาพูดกับคุณแบบนี้ ได้หรือไม่ แต่ผมไม่ใช่พ่อเขานะ แต่หมายความว่าถ้าลูกคุณ ขัดคำสั่งคุณ คุณจะยอมหรือไม่ ผมว่าไอ้คนที่ชอบทำผิดกฎหมายกับผม ทำอย่างนั้นกับผมไม่ได้ " เมื่อถามว่า ถ้าคนเหล่านี้ยังไม่เข็ด จะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าไม่เข็ดก็ติดคุกไปเรื่อยๆ แค่นั้นเองจะไปยากอะไรเล่า ผิดอีก ก็ติดอีก
วานนี้ (10 ก.ย.) พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวยอมรับว่า คสช.ได้เชิญตัว นายพิชัย ไปพูดคุย เพื่อปรับทัศนคติ เนื่องจากมีการแสดงความคิดเห็นไม่ตรง และไม่เป็นไปตามแนวทางที่เคยตกลงกันไว้ จึงต้องเชิญมาพูดคุยอีกครั้ง เพื่อทำความเข้าใจ
อย่างไรก็ตาม พล.อ.อุดมเดช ปฎิเสธที่จะตอบคำถามว่า ควบคุมตัวนายพิชัย ไว้ที่ใด เป็นเวลากี่วัน โดยตอบเพียงสั้นๆ ว่า คงไม่มีอะไร ก่อนจะขึ้นรถเดินทางไปประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล
ขณะที่ พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. ระบุว่า กองกำลังรักษาความสงบ (กกล. รส.) จำเป็นต้องเชิญนายพิชัย มาแลกเปลี่ยนทำความเข้าใจ ตามแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยเดิม เนื่องจากได้ตรวจพบว่า ช่วงหลังนายพิชัย เริ่มมีการแสดงออกที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ทาง กกล.รส. ได้ขอความร่วมมือไว้ เหมือนมีเจตนามุ่งทำลายความน่าเชื่อถือ โดยใช้เพียงทัศนคติส่วนตัวมาอย่างต่อเนื่อง มีการนำเสนอข้อมูลในลักษณะเชิงพาดพิงกล่าวหา ด้วยมีข้อมูลไม่ครบ มีความพยายามชี้นำให้สังคมสับสน ไม่มั่นใจ ต่อภาครัฐบ่อยครั้ง ซึ่งหลายอย่างก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่คงจะพยายามใช้การทำความเข้าใจเป็นหลัก ส่วนจะใช้เวลาแค่ไหน ต้องขึ้นอยู่กับความร่วมมือ และดุลพินิจของ เจ้าหน้าที่ ที่รับผิดชอบ
**"โต้ง"อ้าง"พิชัย"ปรารถนาดี
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวว่า จากการที่ตนเคยร่วมงานกับนายพิชัย ในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดที่ผ่านมา ถือว่านายพิชัย เป็นทีมงานคนสำคัญ ซึ่งการออกมาพูดแสดงความคิดเห็นของ นายพิชัย ถือว่าเป็นความปรารถนาดี และบริสุทธิ์ใจ ต่อปัญหาภาวะเศรษฐกิจของประเทศ
ฉะนั้น การแสดงความเห็นที่ผ่านมา ถือว่าเป็นประโยชน์ และเป็นความห่วงใยที่สอดคล้องกับทีมเศรษฐกิจชุดเดิม ที่มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล เป็นรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ และแม้รัฐบาลจะมีการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจ ก็ยังถือว่ามีความเห็นที่สอดคล้องกัน โดยวันนี้ในต่างประเทศมองว่า ภาวะเศรษฐกิจ กับความมั่นคง มีความเชื่อมโยงกัน รัฐบาลโดยเฉพาะฝ่ายความมั่นคง ควรจะรับฟังด้วยใจที่เปิดกว้าง ซึ่งการที่เชิญตัวนายพิชัย ไปปรับทัศนคติหลายครั้ง และล่าสุดได้มีการควบคุมตัวไว้ 7 วัน มันสะท้อน และนำไปสู่ความเข้าใจให้เห็นว่า ผู้บริหารประเทศในปัจจุบันไม่อยากเห็นใครออกมาแสดงความเห็นแบบนี้ ทั้งๆ ที่การแสดงความเห็นเป็นประโยชน์ และเป็นความห่วงใยต่อประเทศ
ทั้งนี้ การเดินทางไปต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นตัวนายกรัฐมนตรี หรือคนในรัฐบาลคนใดก็ตาม เมื่อมีการพูดคุยความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจแล้ว ก็จะต้องถูกตั้งคำถามเรื่องสภาวะทางการเมืองภายในประเทศ ที่มีการสะดุดของรัฐธรรมนูญเกิดขึ้น โดยต้องถูกถามว่า จะใช้เวลาเท่าไหร่ ถึงจะมีรัฐธรรมนูญที่นำไปสู่ประชาธิปไตย ฉะนั้น การวางแผนเตรียมความพร้อมในการตอบคําถามเหล่านี้ที่ นายพิชัย ออกมาพูด รัฐบาลควรมองในแง่บวก
นายกิตติรัตน์ กล่าวย้ำว่า ในฐานะที่ตนเองรู้จักนายพิชัย และร่ำเรียนเศรษฐศาสตร์มาด้วยกัน ยืนยันว่านายพิชัย มีความปรารถนาดี และไม่ได้ใช้ความเห็นส่วนตัวเป็นหลัก แต่ยังมีการรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่นมาด้วย ไม่ได้มีเจตนาทำลายเสถียรภาพรัฐบาลในเรื่องใดๆ
ขณะเดียวกัน ตนเองอยากให้บรรยากาศเกิดความปรองดองสมานฉันท์ โดยขอเรียกร้องไปยัง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ให้ทำความเข้าใจกับฝ่ายความมั่นคงในเรื่องดังกล่าว เพื่อความสมานฉันท์ปรองดองที่ดี ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนที่จะออกมาแสดงความคิดเห็น ก็ควรรับฟังอย่างใจกว้าง ส่วนจะนำความเห็นไปดำเนินการหรือไม่ อย่างไร เป็นสิทธิ์ของรัฐบาล ในฐานะผู้บริหารประเทศ พร้อมเชื่อว่า คนเศรษฐกิจด้วยกัน ต่างก็รู้เรื่อง และเข้าใจ เพราะการแสดงความคิดเห็นไม่มีเจตนาอะไรที่จะให้เกิดความสับสนต่อประชาชน แต่เพื่อต้องการให้เป็นประโยชน์ในการทำงานของรัฐบาลเท่านั้น
**ภูมิธรรม"วอนปล่อยตัว"พิชัย"
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนได้ติดตามข่าวที่ว่า นายพิชัย หายตัวไปด้วยความไม่สบายใจ จนถึงขณะนี้เกินกว่า 24 ชม.แล้ว โดยไม่มีใครทราบแน่ชัด ว่าอยู่ที่ใด จึงมีความเป็นห่วงทั้งในฐานะที่เป็นเพื่อนนักการเมืองด้วยกัน และเป็นนักการเมืองในสังกัดพรรคเพื่อไทย ที่ตนเป็นรักษาการเลขาธิการพรรคอยู่
ที่ผ่านมา นายพิชัยได้พยายามใช้ประสบการณ์ความรู้ของตัวเอง เสนอข้อคิดเห็นและเหตุผลให้กับทางออกของประเทศด้วยความบริสุทธิ์ใจ โดยมองว่าเศรษฐกิจของประเทศกำลังประสบปัญหา ซึ่งก็ตรงกับความห่วงใยของคนหลายๆ ฝ่ายในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นนักการธนาคาร นักธุรกิจสาขาต่างๆ คนทำมาค้าขาย หรือประชาชนคนยากจนทั่วๆไป
ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่า ทุกๆ ฝ่ายมีความกังวลห่วงใยต่อบ้านเมืองตรงกัน โดยเฉพาะการคาดการณ์เศรษฐกิจว่ ากำลังวิกฤติ หรือใกล้เข้าสู่ภาวะวิกฤติเต็มที และคนจำนวนไม่น้อยรวมทั้งนานาประเทศ ต่างเห็นร่วมกันว่า การผลักดันประเทศให้กลับคืนสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายยอมรับร่วมกัน จะเป็นหนทางที่นำไปสู่เงื่อนไขสำคัญในการคลี่คลายปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ ตนอยากเสนอต่อผู้มีหน้าที่รับผิดชอบต่อการแก้ไขปัญหาของประเทศในปัจจุบันว่า ในภาวะที่ประเทศกำลังมีวิกฤติ การระดมความเห็นจากคนในสังคม ยิ่งกว้างขวาง ยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการคลี่คลายวิกฤติ
"คุณพิชัยเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณค่าอีกคนหนึ่งของสังคมไทย ปล่อยตัวคุณพิชัย และเปิดโอกาสให้คุณพิชัยได้มีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ในการเสนอแนะ และมุมมองต่อปัญหาและทางออกของบ้านเมือง ประเทศจะได้ประโยชน์มากกว่า" นายภูมิธรรม ระบุ
** หิ้ว"เก่ง การุณ"ปรับทัศนคติ
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อช่วงเช้าวานนี้ (10 ก.ย.) เจ้าหน้าที่ทหาร ได้เชิญตัว นายการุณ โหสกุล อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ไปที่กองพันทหารราบ มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อนายการุณได้ จึงคาดว่าอาจจะถูกกักตัวไว้เช่นเดียวกับ นายพิชัย
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เพิ่งกล่าวในเชิงตำหนิ นายการุณ ที่ได้โพสต์ภาพถ่ายคู่กับนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเพิ่งถูกถอดยศ พร้อมระบุข้อความว่า "คนข้างๆ ผมต่อไปนี้ไม่มียศ ผมจะเรียกว่า พระเดชพระคุณ คุณพ่อเจ้าชีวิต อภิมหานายกอมตะ นิรันดร์กาล เป็นเจ้านายเหนือกระบาลกระผมตลอดไป"
** "บิ๊กตู่"รับทหารหิ้ว"เก่ง-พิชัย"เข้าค่าย
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. กล่าวถึง กรณีการเชิญนาย พิชัย ไปปรับทัศนคติว่า "เป็นเรื่องที่ทาง คสช.เขาเรียกตัวไปมั้ง" เมื่อถามว่า รวมถึงนายการุณ โหสกุล ด้วยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ด้วยมั้ง" เมื่อถามว่าการเรียกตัวไปครั้งนี้ สาเหตุและความผิดมาจากอะไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "เป็นไปตามคำสั่งคสช. ซึ่งเป็นเรื่องการแสดงความคิดเห็น แล้วพวกสื่อเห็นว่าความคิดเห็นที่พูดออกมานั้น มันดีหรือไม่เล่า มันสร้างอะไรให้กับสังคม มันพร้อมจะสะกิดความปั่นป่วนอีกหรือเปล่า ผมเองก็ไม่ค่อยจะอยากใช้อยู่แล้วล่ะ แต่ได้มอบอำนาจไปแล้ว เพราะฉะนั้น เป็นเรื่องที่เขาพิจารณากันเอง ถ้าการพูดจาไปในลักษณะที่ท้าทายอำนาจรัฐ มันทำได้ไหม ผมปล่อยมาเยอะแล้ว"
เมื่อถามว่า การเชิญตัวครั้งนี้นำไปคุมขัง หรือปรับทัศนคติ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแบบประชดว่า "เอาไปกินข้าวมั้ง เอาตัวไปเลี้ยงข้าว เลี้ยงปลา" เมื่อถามว่า เอาไปปรับทัศนคติ 7 วัน เลยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ไม่รู้ เขากำลังพิจารณาอยู่มั้ง มีอำนาจกี่วันเล่า จะ 7 วันหรือเปล่า ผมไม่รู้ ขึ้นอยู่กับผลที่เขาสอบกันมา ว่าถ้ารับมันก็เสร็จ ถ้าไม่รับต่อ มันก็มีคดีต่อไป" เ มื่อถามว่า นอกจากกรณีของ นายพิชัยแล้ว ยังจะมีคนอื่นที่เข้าข่ายถูกเรียกตัวอีกหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เรื่องนี้บอกแล้วว่า ตนจะเป็นผู้พิจารณาเอง มากน้อย หนักเบา ก็เป็นเรื่องของตน
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าจะมีอีกใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า "ไม่รู้ ก็ต้องมาดูว่า สิ่งไหนที่สร้างความเดือดร้อน สร้างความไม่สงบ สื่ออยากให้บ้านเมืองสงบหรือไม่ แล้วคนที่พูดจาไม่ดี พูดจาแล้วทำให้เกิดความเสียหาย มันควรจะพูดหรือไม่ หรือถ้าไม่อยากให้เกิดความสงบ เดี๋ยวก็เอาออกมาให้หมด ใครอยากพูดอะไรก็พูด แล้วอย่ามาโทษผม อย่ามาโยนความรับผิดชอบให้ผมคนเดียว"
** สั่งไอซีที จัดการเว็บโจมตีรัฐบาล
เมื่อถามว่า ตอนนี้เริ่มมีกระบวนการต่างๆ รวมทั้งเว็บไซต์ ออกมาโจมตีนายกรัฐมนตรี จะมีการดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตอนนี้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องและกระทรวงไอซีที กำลังดำเนินการอยู่ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะเว็บไซต์เหล่านี้มาจากต่างประเทศ ทำได้เพียงเว็บไซต์ที่มีต้นทางที่นี่ ซึ่งกำลังทำอยู่ เพราะถ้าเว็บไซต์เหล่านี้มาจากต่างประเทศ เราจะไปสั่งปิดได้อย่างไร อย่างเช่นยูทูป อย่างในเรื่องกฎหมาย มาตรา 112 เขาก็ไม่มี เขาก็ไม่มีกฎหมายแบบนี้ เราก็ต้องเคารพแล้วทำไมไม่ไปโทษคนทำ ว่ามันมาจากไหน และเป็นใคร
เมื่อถามว่า นอกจากมาตรการการยึดหนังสือเดินทาง แล้วจะมีมาตรการอื่นอะไรออกมาอีกบ้าง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เอาพาสเตอร์ปิดปาก เรื่องนี้คณะทำงานเขากำลังทำกันอยู่ สื่อไม่ต้องมาถามทุกเรื่อง ทุกวัน แล้วก็ไม่ต้องมาให้นายกฯมาสั่งทุกเรื่อง
"นักการเมืองและพรรคการเมืองที่ออกมาพูดวันนี้ ก็ขอร้องเถอะครับ ถ้าท่านไม่มาพูดจาให้ร้ายผม ผมก็ไม่ไปยุ่งกับท่าน แต่ถ้ายังมาพูดโจมตีรัฐบาล อยากถามว่ามีใครเขาทำกันบ้าง ยิ่งเป็นรัฐบาลที่มาอย่างผมเช่นนี้ มันไม่มีใครพูดได้ ที่ผ่านมาผมก็ให้พูด จะเขียนในโซเชียลมีเดีย อะไรก็เขียนไปเถอะ แต่มาต่อต้านผมตรงๆไม่ได้ ไม่มีใครเขายอม นี่ถือว่าให้โอกาสมาเยอะแยะแล้ว" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่า แล้วอย่างคนที่ทำนองเดียวกับฉลาด ที่นายกฯ เคยพูดถึง จะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ก็เขาเรียกไปแล้ว ก็คุยดูก่อน ว่าจะว่าอย่างไร ทำไมถึงพูดแบบนั้น แบบนี้ พูดท้าทายมันไม่ได้ " เมื่อถามว่า แสดงว่าเป็นคำพูดที่แรงใช่หรือไม่พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ถ้าท่านเป็นพ่อแม่คน มีพ่อ แม่ ลูก แล้วลูกคุณมาพูดกับคุณแบบนี้ ได้หรือไม่ แต่ผมไม่ใช่พ่อเขานะ แต่หมายความว่าถ้าลูกคุณ ขัดคำสั่งคุณ คุณจะยอมหรือไม่ ผมว่าไอ้คนที่ชอบทำผิดกฎหมายกับผม ทำอย่างนั้นกับผมไม่ได้ " เมื่อถามว่า ถ้าคนเหล่านี้ยังไม่เข็ด จะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าไม่เข็ดก็ติดคุกไปเรื่อยๆ แค่นั้นเองจะไปยากอะไรเล่า ผิดอีก ก็ติดอีก