xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ถอดยศ“ทักษิณ” เกมเปลี่ยน !!! “บิ๊กต๊อก” ทิ้งบอมบ์-เบรก”ซูเอี๋ย”แม้ว”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


สังเวียนตำรวจ

ถ้าพูดกันอย่างไม่ถนอมน้ำใจ อย่างภาษาชาวบ้านก็ต้องบอกว่า “สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ถอยไปตั้งแต่ยุค ผบ.ตร. ชื่อพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ แล้วไล่เรียงมาจนครบ 8 พระหน่อ นับว่าเสียดายข้าวแดงแกงร้อนกันเกิดจากภาษีประชาชนคนไทยจริงๆ แค่ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไม่รู้มันจะมีอะไรยาก วุ่นวายจนต้องใช้เวลานานนับ 10 ปี

“ผู้นำ”องค์กรตำรวจที่ล้มเหลวในเรื่องนี้ก็คือ 1.”บิ๊กป๊อด” น้องชายหัวแก้วหัวแหวนของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯฝ่ายความมั่นคงคนปัจจุบัน คนที่ 2. พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธ์ศรี คนที่ 3 พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ คนที่ 4 พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ คนที่ 5 พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ คนที่ 6 พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว คนที่ 7 พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ และ 8 .คนสุดท้าย(ในตอนนี้) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง

ภายหลังการประชุมของคณะกรรมการกระทรวงยุติธรรม โดยมี พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา สบ.10 ในฐานะประธานคณะกรรมการสอบสวนการถอดยศข้าราชการตำรวจ เข้าร่วมชี้แจงกฎ ระเบียบ ข้อบังคับต่างๆ
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ก็ออกมาแจ้งกับผู้สื่อข่าวว่า ที่ประชุมเห็นพ้องต้องกัน ลงมติให้ถอดถอนยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีได้ เนื่องจากเข้าหลักเกณฑ์ของสตช. ว่าด้วยการถอดถอนยศ พ.ศ. 2547 ฐานต้องคำพิพากษา ถึงที่สุดให้จำคุก สามารถใช้กับบุคคลที่ยังรับราชการ และอยู่นอกราชการได้
เพราะเป็นบุคคลที่อยู่ในราชการตำรวจ เรื่องนี้กฤษฎีกาเคยตอบ และ สตช. เคยมีคำวินิจฉัยตั้งแต่ปี 2554 แล้วที่ผ่านมามีการถอดยศตำรวจมาแล้วทั้งสิ้น 636 นาย กรณีของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จึงควรใช้มาตรฐานเดียวกัน ส่วนประเด็นการประกาศถอดยศ ไม่จำเป็นต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพราะเป็นเรื่องภายในราชการตำรวจ.... ”ปัญหาที่กังวลก็คือ แค่ประกาศ หรือไม่ประกาศใช้ เรื่องนี้เข้าองค์ประกอบใน 7 ข้อ สามารถถอดยศได้ ไม่ติดขัดข้อไหนเลย” รมว.ยุติธรรม ตอกย้ำ

เป็นอันว่าเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กำลังเดินกลับไปสู่ความรับผิดชอบของ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร.เจ้าของประโยคทอง “ยุคผม ใหญ่แค่ไหนก็จับ” แต่คงคาดหวังอะไรไม่ได้ เพราะเรื่องนี้เคยถูกหมกไว้ใต้พรม ย่ำกันไปย่ำกันมา ผ่านไปตั้ง 8 ผบ.ตำรวจ มาถึงยุค “สมยศ” คนเก่ง กลายเป็นท่าดีทีเหลวจนคนไทยจับไต๋ท่านได้ทั้งประเทศ

เรื่องถอดยศ “แม้ว” ถ้ามันจะเลยไปถึง ผบ.ตร. คนที่ 9 ก็คงไม่ประหลาดใจนัก ก่อนหน้านี้เมื่อ “รองยะ” พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ออกมายืนยันถึงมติคณะกรรมการถอดยศข้าราชการตำรวจ กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าเป็นเอกฉันท์ 5 ต่อ 0 โดยไม่มีใครคัดค้าน แต่เมื่อเรื่องไปถึง “บิ๊กอ๊อด” เป็นครั้งที่ 2-3-4-5 ท่าน ผบ.ตร. ยังคงแสดงบทนักมวยแสนเชิง มีทั้งเตะถีบ เตะวน อ้างเหตุผลข้างๆคูๆ แบบเอาสีข้างเข้าถู จนผู้คนพากันโห่ทั้งประเทศ

สุดท้ายมีนักเลงดีจับอารมณ์ ผบ.ตร.ได้ว่า ท่านอาจจะกลัวอิทธิฤทธิ์ของอดีตนายกรัฐมนตรี จริงๆ ก็ได้ เพราะมีคำสัมภาษณ์ตอนหนึ่งที่ยอมรับว่า ท่านไม่ใช่ตรายาง ท่านมีสิทธิ์ปกป้องตัวเอง ในฐานะ ผบ.ตร. จึงต้องตรวจสอบด้วยความรอบคอบ หากเซ็นไปแล้วเกิดปัญหาขึ้น คนที่โดนฟ้องก็คือตน “เวลาที่เหลือผมอยากลงจากตำแหน่ง ผบ.ตร. โดยไม่ต้องขึ้นศาล”

ฟังง่าย แต่เข้าใจยาก เพราะคณะกรรมการที่ตั้งมานั้นไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่สามารถขบข้อกฎหมายได้แตก และประวิงเวลามาอีกหลายเดือน จนเหลืออายุราชการอีกเพียงเดือนเศษ ก็จะเกษียณฯแล้ว

ตกลงว่าจะมีคนเป็น “ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ไปทำไม เพราะพฤติกรรมของท่าน มันไม่สมกับคนอยู่ทัพหน้า ไม่เหมาะแม้จะนำตำรวจกว่า 2 แสนนาย กับเรื่องอื่นๆ เรื่องหมูหมากาไก่ - พวกที่ไร้ภูมิต้านทาน พวกลูกไล่เห็นท่านฟันชั้วๆ ขนาดย้ายลูกน้องตัวเองยกจังหวัด ก็เคยมาแล้ว

กรณีถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าก็ว่าเถอะ แม้แต่คนที่จะถูกถอดยศยังออกท่ารำคาญแทนคนไทยเลย ตกลงจะเอาไงแน่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถือมาตรา 44 เป็นดาบอาญาสิทธิ์ เหตุไรไม่หยิบมาสำแดง เพราะเห็นโทนโท่ว่าลูกน้องตัวดีที่บอกว่าท่านเสน่หาเขาจนเชื่ออกเชื่อใจ ยกเก้าอี้ให้นั้นสุดท้ายก็แหยงทักษิณ อ้างโน่น อ้างนี่ ตีกรรเชียงไปวันๆ

หันไปทาง “พี่ใหญ่” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ท่านยืนพื้นบอกว่า ให้ทำไปตามกฎหมาย แถมยังย้ำว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน.....มันจะอ่อนกันไปขนาดไหน อ่อนกันทั้งลูกพี่ลูกน้องจนหมดความเป็นชายชาตรีเชียวหรือ

เพราะไม่ว่าจะอ่อน หรือแข็ง หลักปฏิบัติต้องมีครรลองของมัน เรื่องการปรองดองสมานฉันท์ระหว่างสีเหลือง สีแดง หรือสารพัดสีนั้น ว่าไปแล้วทุกสีกำลังดูการกระทำของผู้มีอำนาจมากกว่า ขอให้เดินหน้าตรงไปตรงมา ไม่สองมาตรฐาน ไม่บิดพลิ้ว อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ถ้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่เคารพกติกา ไม่เคารพกฏหมายก็ไม่เห็นความสำคัญต้องปรองดองกัน อย่าเอามาเป็นข้ออ้างเพราะแทนที่จะยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม กลายเป็นว่าทุกฝ่ายก็ล้วนนักการเมือง คือประสานประโยชน์ เอาตัวรอด มีวาระซ่อนเร้น

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ท่านไม่ต้องวิตกจริตจนเกินไป ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดมีหน้าที่ตรงนี้พอดี สิ่งที่ต้องทำก็คือตัดสินใจด้วยความกล้าหาญ ในกรอบเวลาที่เหมาะสม มิใช่หลีกเลี่ยง เป็นมวยล้มต้มคนดู และถูกเย้ยหยันให้เป็นตัวตลกซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หวังว่าท่านคงจำคำพูดต่างๆ ที่เคยสัญญิงสัญญากับดินฟ้าอากาศไว้ ท่านบอกว่า จะเป็นที่รักของประชาชน จะทำงานเพื่อนแผ่นดิน เพื่อองค์กรตำรวจแต่การกระทำมันสวนทางกัน ทั้งปอดแหก ไม่มีจุดยืนมองไปช่องไหนก็มีเสียกับเสีย

อีกประเด็นหนึ่งที่ซุบซิบในหมู่นักข่าว นักวิเคราะห์ก็คือ ตกลงท่านไม่กล้าเองหรือมีใคร “ส่งซิก” ให้เตะถ่วงไปเรื่อยๆ...คนที่สั่งท่านได้ก็เคยบอกแล้วว่ามีอยู่ 2 คนส่วนจะเป็นใครบ้างสังคมไทยคงเดาไม่ยาก

ยิ่งมาถึงวันนี้มีสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ออกมาเปิดประเด็นว่าจะมีการเสนอคำถามร่วมการทำประชามติคู่ร่างรัฐธรรมนูญ ด้วย...คำถามที่ว่าก็คือ “ให้มีรัฐบาลปรองดองแห่งชาติ” หรือ “ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง” หากผ่านการลงประชามติถ้ามีประชาชนเห็นด้วยหน้าตาของรัฐบาลปรองดอง จะมีอายุ 4 ปี ตามบทเฉพาะกาลที่กำหนดพรรคร่วมรัฐบาลต้องได้คะแนน 4 ใน 5 คือ 360 เสียงจาก 450 เสียงของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่เหลืออีก 90 เสียง จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน

และแน่นอนเมื่อรัฐบาลปรองดองมาจากพรรคการเมืองใหญ่ 2 พรรค คำถามต่อไปคือใครจะเป็นนายกรัฐมนตรี ประวัติศาสตร์ช่วงนี้จึงต้องย้อนไปดูบรรยากาศประชาธิปไตยครึ่งใบ ในยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ

รัฐธรรมนูญที่เปิดโอกาสให้นายกรัฐมนตรี มาจากคนนอก ไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง ถึงตอนนี้จึงพอมองเห็นหมากเกมต่างๆ อาการยึกๆยักๆไม่ยอมถอดยศพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ประชาชนคนมีสีและไม่มีสีพากันสงสัยว่ามีอะไรในกอไผ่หรือไม่จะถือเป็นไมตรีเล็กๆ เป็นฟางอีกเส้นหนึ่งที่ผู้มีอำนาจหยิบยื่นให้หรือไม่

คำถามเหล่านี้ไม่ต้องให้ใครมาตอบ เพราะถึงแม้จะเป็นจริงก็คงไม่มีใครยอมรับ เอาเป็นว่าเรื่องการถอดยศ “แม้ว” ที่กระทรวงยุติธรรม “ฟันธง” ให้ถอดได้อย่างไม่มีเยื่อใยนั้น ความกดดันทั้งหลายคงหนีไม่พ้น พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. เป็นคนแรก

คนต่อไปก็คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสุดท้ายหนีไม่พ้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ

ไม่ว่าทั้ง 3 ท่านจะมีเหตุผลใดก็ตาม เชื่อได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่เริ่มไม่แน่ใจ จนอาจรู้สึกว่าเรื่องการถอดยศ “ทักษิณ” นั้นแท้ที่จริงแล้วคนหนีคดีไปต่างประเทศเขาไม่มีปัญหา และคงไม่รู้สึกอะไรนัก เพราะหนักกว่านี้ ใหญ่กว่านี้ก็เจอมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้ทางการเมืองผ่านวิกฤติร้ายแรงกันมาสองสามรอบ อีกทั้งการยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้าน ล้วนหนักหาสาหัสสากรรจ์ทั้งสิ้น

การถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำไปทำมา คนที่เข้าเนื้อจริงๆ อาจไม่ใช่ “ทักษิณ” แต่เป็นผู้มีอำนาจในบ้านในเมืองในขณะนี้ต่างหาก


กำลังโหลดความคิดเห็น