xs
xsm
sm
md
lg

ยึดเครื่องราชย์ "บิ๊กตู่"ยันกฎหมายเขียนชัด "สมยศ"ไม่ดื้อปิดคดีถอดยศแม้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์"เบื่อตอบถอดยศ "ทักษิณ" บอกแค่เซ็นมาก็จบ รับต้องพ่วงเรื่องยึดคืนเครื่องราชย์ด้วย กฎหมายระบุไว้ชัดเจน "บิ๊กอ๊อด"ร่ายยาวมหากาพย์ มีมาตั้งแต่ปี 52 ชี้บางยุคมีมติไม่ให้ถอดยศด้วยซ้ำ เผยรอแค่นายกฯ สั่งการ จะปฏิบัติทันที กร้าวเป็นลูกผู้ชาย ไม่ทิ้งระเบิดให้คนอื่น ขอจารึกทำสำเร็จในยุคตัวเอง จ่อฟ้องสื่อบางฉบับ หลังวิจารณ์ล้ำเส้น "มาร์ค"ระบุถอดยศคนละเรื่องกับปรองดอง แนะต้องมีเหตุผลรองรับให้ชัด กันมีปัญหาในภายหลัง

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า “ถามกันอยู่แค่นี้ ทำไม มีผลกับใครเหรอ ใครจะเป็นเหรอ ปัดโธ่ เดี๋ยวเขาก็เซ็นมา พอแล้ว”

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการถอดยศแล้ว จะต้องพิจารณาเรื่องการคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ซึ่งกติกาและกฎหมายมีอยู่แล้ว เรื่องเก่าเมื่อถอดยศแล้ว ต้องเรียกคืนเครื่องราชย์ฯ หรือไม่ กฎหมายว่าอย่างไร สื่อไปหาข้อมูลมา แต่ตนทราบอยู่แล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุด พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา ได้มีหนังสือที่ ยธ/0101/5000 ลงวันที่ 11 ส.ค.2558 เรื่องรายงานผลการติดตามการพิจารณาถอดยศกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า สตช.สามารถดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ ตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547

** “บิ๊กอ๊อด” ย้อนที่มาปมถอนยศ

พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวว่า เรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องท้าวความไปตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้ดำเนินการมาตลอด แต่ด้วยสถานการณ์บ้านเมือง ตลอดจนผู้บังคับบัญชาในขณะนั้น มีการเปลี่ยนแปลง จึงทำให้ความคิดความเห็นตั้งแต่ปี 2552-57 มีความแตกต่างกันโดยตลอด ในช่วงปี 2552-54 มีความเห็นว่า ควรถอดยศ แต่บางปี มองว่าสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยที่จะดำเนินการเรื่องนี้ กระทั่งในปี 2555 มีความเห็นว่า ไม่ควรถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ จากนั้นปี 2556 มีผู้ร้องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินว่า มติของ สตช.ไม่ถูกต้อง เห็นควรหยิบยกขึ้นมาพิจารณาใหม่

โดยสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน มีการพิจารณาในปี 2557 แล้วส่งให้ สตช. พิจารณาทบทวน ซึ่งตนได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่ง ให้ พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล ที่ปรึกษา (สบ 10) เป็นประธานในการพิจารณา และมีมติสรุปว่า พ.ต.ท.ทักษิณเข้าเงื่อนไขตามระเบียบการถอดยศของ สตช. เมื่อส่งเรื่องถึงตน ก็ส่งไปที่สำนักงานกำลังพล (สกพ.) ประมวลเรื่อง โดยให้ตรวจสอบข้อมูล ข้อกฎหมาย ตลอดจนความคิดเห็นต่างๆ ที่ไม่ตรงกันมาแต่อดีต มาประกอบเป็นข้อมูลที่เสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรากฎว่า สกพ. เห็นว่า ยังมีข้อกฎหมายบางประเด็นที่จะต้องหารือคณะกรรมการกฤษฎีกาและคณะกรรมการข้อมูลและข่าวสารของราชการอยู่

** พร้อมเดินหน้าถ้า “บิ๊กตู่” สั่ง

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวถึงการที่นายกฯ มีคำสั่งตั้ง พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนได้ข้อสรุปว่า เห็นควรถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ และเป็นอำนาจของ สตช. ว่า ถือเป็นสิ่งที่ดี เพราะสามารถทำได้รวดเร็ว ในขณะที่ สตช.ไม่สามารถที่จะออกคำสั่ง หรือเชิญหน่วยงานเหล่านั้นมาหารือในลักษณะดังกล่าวได้

"สิ่งนี้ยืดเยื้อมานาน ดูเหมือน สตช. และผมยื้อ ดึงเรื่อง ดึงเวลา ซึ่งไม่เป็นความจริง ผมได้ดำเนินการตามขั้นตอนมาโดยตลอด บางเรื่องเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานภายนอก ไม่อาจก้าวล่วงได้ แต่เมื่อชุดของ พล.อ.ไพบลูย์ ได้ข้อยุติว่าเห็นควรถอดยศ จากนี้ก็เป็นหน้าที่ของท่านที่จะประมวลเรื่องราวต่างๆ เสนอถึงนายกฯ จากนั้นถ้านายกฯ มีคำสั่งมา ผมก็จะปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่ ภายใต้กรอบ ระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมาย" พล.ต.อ.สมยศ กล่าว

** ผบ.ตร.ขู่ฟ้องสื่อบางฉบับ

ผู้สื่อข่าวถามว่า คณะทำงานของ รมว.ยุติธรรม สรุปว่า สามารถถอดยศผู้ที่เป็นอดีตข้าราชการได้ ขณะที่ก่อนหน้านี้ สตช. มองว่าอาจจะทำไม่ได้ ผบ.ตร.กล่าวว่า การที่ รมว.ยุติธรรม ออกมาแถลงเช่นนั้น แสดงว่ามีข้อมูลเหตุผลสนับสนุนแล้ว และการดำเนินการทุกอย่าง ก็มีระเบียบกฎหมายว่าเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่ สตช. ต้องดำเนินการ ส่วนการจะฟ้องร้องภายหลังหรือไม่ต้องดูเหตุผล เจตนาว่าที่ตนทำไปด้วยเหตุผลใด กลั่นแกล้งให้ร้ายป้ายสีหรือไม่ เพราะตลอดเวลาตนยืนยันว่านับตั้งแต่รับตำแหน่งมาถึงปัจจุบันยังยึดหลักการปฏิบัติหน้าที่โดยเคร่งครัด วิธีการ ใช้ระเบียบข้อบังคับ กฎหมายเป็นสำคัญ และที่สำคัญไม่กลั่นแกล้งให้ร้ายป้ายสีใคร

“ผมพร้อมที่จะรับแรงเสียดทาน และคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ต้องอยู่ภายใต้ความถูกต้อง ระเบียบข้อบังคับกฎหมาย ถ้าวิพากษ์วิจารณ์เกินเลย ละเมิด ก้าวล่วง ผมฟ้อง ซึ่งผมกำลังจะฟ้องสื่อบางฉบับอยู่ มันเป็นสิทธิของผม จะว่าผมก็ได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบ ถ้าไม่ดีตำหนิติติงได้ แต่อย่าเกินเลย ก้าวล่วง อย่าเอาสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ควรมาทำให้คนดูหมิ่นเกลียดชังว่าผมเป็นคนไม่ดี คนเลว ใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิด อย่างนี้เจอกัน ผมยึดกรอบกฎหมายเป็นหลัก" ผบ.ตร.กล่าว

** ยืนยันไม่ถ่วงจนเกษียณ

เมื่อถามต่อว่า หากนายกฯ มีคำสั่งให้ สตช.ดำเนินการต่อ จะดำเนินการแล้วเสร็จก่อนเกษียณอายุราชการหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ถ้าเป็นคำสั่งของนายกฯ ตนพร้อมปฏิบัติตามคำสั่งโดยเคร่งครัด ทั้งนี้ จะไม่เอาลูกระเบิดส่งให้คนอื่น และตนชอบทำในสิ่งที่คนอื่นไม่อยากทำ ดูได้จากตั้งแต่ปี 2552 มีแต่คนเตะลูกไปมา กติกาให้เลี้ยงลูกในสนามฟุตบอล ดันไปเลี้ยงใส่ตู้เย็นไว้ที่บ้าน แต่ตนรับตำแหน่งแค่ปีเดียว คาดคั้นเอาเป็นเอาตายให้ทำเรื่องนี้ให้เสร็จให้ได้ ขณะที่คนอื่นทำตั้งแต่ปี 2552 แช่ไว้ 6 ปี ไม่ไปถามกันบ้าง ขอให้ไปดูว่าสมัยไหนมีมติไม่ถอดยศ อยากให้ศึกษาประวัติศาสตร์กันบ้าง

“คนก็มองว่าผมดึงเกม ดึงเวลา แต่ลูกผู้ชายอย่างผม ไม่เอาลูกระเบิดส่งให้คนอื่นหรอก ถ้าถอดระเบิดเองก็ต้องถอดเอง ไม่ส่งให้คนอื่นหรอก ให้เขาจารึกว่าในยุคผม ผมเป็นคนทำ ผมชอบทำในสิ่งที่คนอื่นเขาไม่อยากทำ” พล.ต.อ.สมยศ กล่าวทิ้งท้าย

** “ธนะศักดิ์” เชื่อไม่ต้องแจง ตปท.

พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีที่หากมีการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ อาจถูกต่างชาติมองว่าเป็นเรื่องการเมืองว่า เรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศคงไม่ต้องชี้แจงใดๆ เพราะเป็นการดำเนินการตามกระบวนการอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของการติดตามตัว พ.ต.ท.ทักษิณ รวมไปถึงผู้ต้องหาที่หลบหนีไปต่างประเทศ สร้างความลำบากใจให้กระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ไม่รู้สึกลำบากใจ เพราะทำตามเนื้อผ้า และถือเป็นหน้าที่ กระทรวงได้ขอความร่วมมือกับประเทศต่างๆ แต่ไม่สามารถที่จะไปบังคับเขาได้

อย่างไรก็ตาม เรื่องการขอตัวส่งผู้ต้องหาที่หลบหนีในต่างประเทศนั้น เป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทรวงยุติธรรม จากนั้นส่งเรื่องมายังกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งต้องดูว่า มีประเทศไหนที่เรามีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน และมีความผิดในฐานเดียวกับเราบ้าง ซึ่งต้องว่าไปตามกติการะหว่างประเทศ

** “มาร์ค” เตือนอย่ามั่วปรองดอง

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้ว่า การถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณจะเกิดแรงกระเพื่อม หรือเคลื่อนไหวหรือไม่ แต่ที่สำคัญ คือ จะดำเนินการตัดสินใจอย่างไร แต่จะต้องมีเหตุผล มีคำอธิบายที่รองรับชัดเจน เพราะเท่าที่ติดตามข่าว คณะกรรมการมีการประชุมกัน และได้ตรวจสอบระเบียบของ สตช. แล้ว ยืนยันว่ากรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณเข้าข่ายที่จะสามารถถอดยศ ซึ่งคงไปห้ามคนที่ไม่เห็นด้วย หรือไม่พอใจไม่ได้ แต่ต้องมีคำอธิบายว่าการตัดสินใจนี้อยู่บนพื้นฐานอะไร แล้วก็ผู้ที่เกี่ยวข้องก็ต้องทำหน้าที่ในการชี้แจง

ส่วนที่มีการพูดถึงความปรองดองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่สามารถจะเป็นเหตุผลในการมายกเว้น หรือบังคับใช้กฎระเบียบ หรือทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติได้ การจะให้อภัย หรือการที่จะปฏิบัติต่อกันอย่างมีเมตตา เป็นส่วนหนึ่งของความปรองดอง แต่ความปรองดองไม่ได้แปลว่า ไม่ดำเนินการตามกฎระเบียบ เพราะจะเป็นการสร้างความไม่ยุติธรรม ทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติ ซึ่งจะนำไปสู่ความขัดแย้งในอนาคตต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น