xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

จับตาถอดยศ “แม้ว” “น้องต๊อก” เคลียร์ให้ขนาดนี้ “พี่ตู่ - พี่ป้อม” ว่าไง??

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ - แม้จะมีความชัดเจนในแง่กฎหมาย ผ่านการการันตีโดย “บิ๊กต๊อก - พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ว่าการถอดยศ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีทุจริตตามคำพิพากษาของศาล สามารถทำได้โดยอำนาจของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เอง

แต่เรื่องก็ยังคลุมเครือต่อไปเมื่อ “เผือกร้อน” ที่ว่ากลับมาอยู่ในมือ สตช.ยุค “บิ๊กอ๊อด - พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อีกครั้ง

คณะทำงานฝ่ายกฎหมายกระทรวงยุติธรรมของ “บิ๊กต๊อก” ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งคณะกรรมการพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ของ สตช. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา และมีข้อสรุปว่าสามารถถอดยศ “ทักษิณ” ได้ เนื่องจากเข้าข่ายองค์ประกอบการกระทำผิดตามระเบียบ สตช.ว่าด้วยการถอดยศตำรวจ พ.ศ.2547 ซึ่งคัดลอกมาจากมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ระบุไว้ 7 เงื่อนไขในการเสนอขอถอดยศตำรวจทั้งที่อยู่ในราชการตำรวจและที่พ้นจากราชการตำรวจไปแล้ว

โดย “ทักษิณ” เข้าข่ายแบบเต็มๆอยู่ 2 เงื่อนไข คือ ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก และเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาแล้วหลบหนีไป

ส่วนประเด็นที่ “บิ๊กตู่ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคยหยิบยกขึ้นมาเป็น “ข้ออ้าง” เมื่อไม่กี่วันก่อนว่า ระเบียบ สตช.สามารถใช้กับผู้ที่อยู่นอกราชการได้หรือไม่นั้น ก็ถูก “ตีตก” ไปทันที เมื่อ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เคยให้ความเห็นไว้ตั้งแต่เมื่อปี 2554ว่าครอบคลุมทั้งหมด เพราะยังถือเป็นบุคคลที่อยู่ในราชการตำรวจ

สำหรับข้อโต้แย้งที่ว่า ระเบียบของ สตช.ไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษานั้น ที่ประชุมซึ่งมี “บิ๊กต๊อก” นั่งหัวโต๊ะก็เห็นตรงกันว่า ไม่จำเป็น เพราะถือเป็นกระบวนการภายใน ที่สำคัญแม้ไม่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา แต่ก็ได้มีการถอดยศตำรวจไปแล้วถึง 636 คน

“บิ๊กต๊อก” ไม่กั๊ก แล้วใครกั๊ก

เป็นอันว่า “บิ๊กต๊อก” ใช้เวลาพริบตาเดียวตอบคำถามให้สังคมสิ้นสงสัยทันที เป็นไปตามที่ประกาศลั่นไว้ก่อนหน้านี้ว่า "เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สังคมตั้งคำถาม ดังนั้นทำได้หรือไม่ได้อย่างไรต้องมีคำตอบให้กับสังคม กรณีการถอดยศ คำตอบมีอยู่เพียง 2 ทาง คือถอดหรือไม่ถอด ไม่มีคำตอบในทางอื่น และไม่มีความจำเป็นต้องกั๊ก"

เมื่อคำตอบสุดท้ายออกมาขนาดนี้คนที่เซ็งที่สุดก็คงหนีไม่พ้น “บิ๊กอ๊อด” ในฐานะผู้นำทัพสีกากีคนปัจจุบัน

เพราะก่อนหน้านี้ "บิ๊กอ๊อด" ก็ยังพยายามออก “ลูกพลิ้ว” ทำบันทึกไปถึง สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อซักถามในข้อคิดเห็นหรือข้อกฎหมายเกี่ยวกับการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคำรบที่ 3 หลังจากที่ก่อนหน้านั้นก็ได้รับคำตอบว่า "สตช.มีอำนาจดำเนินการได้" ไปแล้วถึง 2 หน แถมล่าสุด “ดิสทัต โหตระกิตย์” เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ก็ออกมาตอกย้ำว่า เคยให้ความเห็นเรื่องนี้ไปแล้ว 2 ครั้ง จึงไม่รับพิจารณาอีกเป็นรอบที่ 3

คำแถลงของ “บิ๊กต๊อก” ในวันนั้นยังสะท้อนให้เห็นถึงความอัปยศของ สตช.อย่างชัดเจน เพราะมีข้อมูลระบุด้วยว่า กรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณมีมติถอดยศมาแล้วตั้งแต่ปี 52 - 58 แต่ก็ยึกยักเตะถ่วงกันเรื่อยมา ดองเรื่องมาหลายรัฐบาล ผลัดเปลี่ยนผู้นำทัพสีกากีมาแล้วถึง 7 คน

บัดนี้เคราะห์หลักก็มาตกที่ “บิ๊กอ๊อด” ที่เหลืออายุราชการก่อนเกษียณอีกเพียงเดือนเศษเท่านั้น แต่เจ้าตัวเองก็รู้ว่าสังคมจับจ้องอยู่ ออกมาประกาศลั่นทันควันกับคำถามที่ว่าจะดำเนินการเสร็จก่อนเกษียณหรือไม่ว่า “คนก็มองว่าผมดึงเกม ดึงเวลา แต่ลูกผู้ชายอย่างผม ไม่เอาลูกระเบิดส่งให้คนอื่นหรอก ถ้าถอดระเบิดเองก็ต้องถอดเอง ไม่ส่งให้คนอื่นหรอก ให้เขาจารึกว่าในยุคผม ผมเป็นคนทำ ผมชอบทำในสิ่งที่ตนอื่นเขาไม่อยากทำ ก็เห็นไหมตั้งแต่ปี 2552 มีใครอยากทำบ้าง เตะลูกกันไปมา เขาให้เลี้ยงในสนามฟุตบอล ดันไปเลี้ยงใส่ตู้เย็นไว้ที่บ้าน”

เสียงดังฟังชัดเหมือน ผบ.ตร.คนเดิมที่เคยประกาศว่า “ใหญ่แค่ไหนก็จับ”
แต่ก็ยังมี แต่....

“แต่ทุกอย่างต้องมีเหตุผล นี่ผมรับตำแหน่งแค่ปีเดียว คาดคั้นเอาเป็นเอาตายให้ผมทำเรื่องนี้ให้เสร็จให้ได้ ทีเขาทำตั้งแต่ปี 2552 เขาให้เลี้ยงในสนามเอากลับบ้านเขาตู้เย็นแช่ไว้เลย 6 ปี ไม่ถามกันบ้าง ไปดูสิใครทำ มติไม่ถอดยศ ยังมีเลย ศึกษาประวัติศาสตร์กันบ้าง"

ไปๆ มาๆ โบ้ยให้ไปไล่เบี้ยกับบรรดา ผบ.ตร.รุ่นพี่ๆเสียอย่างนั้น

อย่างไรก็ตาม “บิ๊กอ๊อด” ได้พูดในวันเดียวกันด้วยว่า เมื่อคณะทำงานชุดของ พล.อ.ไพบลูย์ ได้ข้อยุติว่าเห็นควรถอดยศ จากนี้ก็เป็นหน้าที่ พล.อ.ไพบูลย์ที่จะประมวลเรื่องราวต่างๆเหตุผลเสนอถึงนายกฯ

“จากนั้นหากนายกฯ มีคำสั่งมาที่ผม ก็จะปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่ ภายใต้กรอบ ระเบียบ ข้อบังคับและกฎหมาย" นี่แต่คำประกาศกร้าวของ ผบ.ตร. และหากมองว่าเป็น “คำมั่นสัญญา” ที่ให้ไว้แก่สังคมก็คงไม่ผิด

เพราะเมื่อถอนรหัสตามคำพูดของ “บิ๊กอ๊อด” แล้ว หลักใหญ่ใจความก็อยู่ที่ “บิ๊กตู่” จะสั่งมาเมื่อไหร่ ฟังผิวเผินเหมือนจะดูดี แต่ลึกๆแล้วด็มีคำถามว่า ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า สตช.มีอำนาจในการถอดยศ “ทักษิณ” และที่ผ่านมาก็ถอดยศตำรวจไปแล้วหลายร้อยชีวิต เหตุใดกรณียังต้องรอคำสั่งอยู่อีก

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล ที่ปรึกษา (สบ 10) ในฐานะประธานกรรมการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้ทำรายงานสรุปมติที่ประชุมเป็นเอกฉันท์ 5 ต่อ 0 เสียง ที่ระบุว่าให้ถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ส่งให้ถึงมือ ผบ.ตร. ซึ่งหากยึดตามความเห็นของหลายๆฝ่ายที่เพิ่งออกมาก็ชี้ตรงกัน สตช.โดย ผบ.ตร.มีอำนาจเสนอเรื่องให้กับนายกฯทันที แต่ครั้งนั้นถูกตีกลับหลายหน โดยอ้างเรื่องทางธุรการ แต่เมื่อมีการแก้ไขเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “บิ๊กอ๊อด” กลับออกอาการพลิ้วไม่ออก และโยนเรื่องไปให้ พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการสำนักงานกำลังพล (ผบช.สกพ.) ทำรายงานขึ้นมาอีกครั้งโดยไม่มีกำหนดระยะเวลา

จนเรื่องเงียบหายไปกับข่าว “บิ๊กอ๊อด” การสนับสนุนตั้งคาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทย ซึ่ง ผบ.ตร.ขันอาสาออกมาถูกล่อเป้าด้วยตัวเอง จนถูกด่าขรมไปทั้งเมือง

มาวันนี้มีคนเสียงดังฟังชัดกว่า “ชัยยะ” อย่าง “บิ๊กต๊อก” ออกมา “จุดพลุ” จนเรื่องกลับมาเป็นที่สนใจของสังคมอีกครั้ง แม้ “บิ๊กอ๊อด” จะออกให้ประกาศอย่างที่ยกมาข้างต้น ก็ต้องจับตาดูว่าจะงัด “วิชาก้นหีบ” แขนงไหนออกมาใช้เอาตัวรอดในสถานการณ์นี้

เพราะแน่นอนว่ามติที่ประชุมของ “บิ๊กต๊อก” นั้นมีสถานะเป็นเพียง “คำปรึกษา” เพราะ “อำนาจ” อยู่ในมือของ สตช.อยู่แล้ว เพียงแต่มีความพยายามให้ดึงเรื่องโยนไปโยนมาให้พ้นไปจาก สตช.เท่านั้นเอง

สัญญาณแปร่งๆจาก คสช.

อย่างไรก็ดียังมีสัญญาณแปร่งๆออกมาจากรัฐบาล คสช. ทั้งจากตัว “บิ๊กตู่” ที่บอกว่า ไม่อยากผลีผลามในเรื่องนี้ เพราะที่ผ่านมาอาจพูดเร็วกันไปบ้าง แถมยังตั้งประเด็นสงสัยเรื่องระเบียบ สตช.อาจครอบคลุมเฉพาะผู้ที่รับราชการอยู่ และให้ไปดูว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กระทำความผิดในขณะที่เป็นตำรวจหรือไม่ ซึ่งล่าสุด “บิ๊กต๊อก” ก็ได้ออกมาให้ความกระจ่างในประเด็นนี้แล้ว

ล่าสุดเมื่อมีผลประชุมของ “บิ๊กต๊อก” แล้ว “บิ๊กตู่” ก็ย้ำหลายรอบว่าเรื่องนี้จบแล้ว และทนไม่ไหวถึงขนาดขอให้นักข่าวหยุดถามเรื่องนี้กันเลยทีเดียว เมื่อสื่อถามไปถึงการคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็บอกเพียงว่า เป็นขั้นตอนของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเป็นไปตามกฎหมาย

น่าสนใจว่า แม้ “บิ๊กตู่” จะมีท่าทีรอรับลูกเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่ก็อาจจะหลงลืมไปถึงเรื่อง “เดดไลน์” ที่ไม่ได้มีการพูดให้ชัดว่า สตช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทำเรื่องมาเมื่อไหร่ ผิดวิสัยของหัวหน้า คสช.ที่เวลาสั่งการมักต้องกำหนดระยะเวลาที่ชัดเจน โดยเฉพาะกับเรื่องนี้ที่เคลียร์ในเรื่องข้อกฎหมายแล้ว มีรายงานสรุปทั้งของ สตช.เอง และก็ของ “บิ๊กต๊อก” ด้วย

พูดง่ายๆคือแทบไม่ต้องทำอะไรต่อ ก็สามารถดำเนินการได้ทันที

ไม่เท่านั้นยังมี “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี และมือกฎหมายคนสำคัญของ คสช.ที่ออกมาคอมเมนท์เรื่องนี้แบบค่อนข้างผิดที่ผิดทาง เมื่อออกมายืนยันว่า “ทักษิณ” สามารถฟ้องกลับ สตช. หากถูกเสนอให้ถอดยศจริง

เปิดช่องให้ “ทักษิณ” ใช่แง่มุมนี้ในการ “แก้เกี้ยว” ได้ โดยเฉพาะกับต่างประเทศว่า มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง

เป็นบทบาทของ “อดีตเนติบริกรคู่ใจ” ที่ทำตัวเป็นกุนซือข้ามประเทศให้กับ “นายเก่า”

“น้องต๊อก” จัดให้แล้ว พี่ๆว่าไง

แน่นอนว่าต่อจากนี้ต้องจับตาดู "บิ๊กอ๊อด" ว่าจะเป็น “ลูกผู้ชาย” อย่างที่ประกาศต่อสาธารณะไว้หรือจะใช้ “วิชาก้นหีบ” ประวิงเวลาต่อไปจนกว่าเกษียณในปลายเดือน ก.ย.นี้ ด้วย “ข้ออ้าง” แบบเท่ๆอย่างมีมารยาทว่า อายุราชการเหลือเพียงน้อยนิด ไว้ให้ “ผบ.คนใหม่” เข้ามาตัดสินใจดำเนินการ ซึ่งก็ถูกดักคอ-ดักทางเอาไว้แล้วจึงเป็นที่มาของคำพูดที่ว่า “ลูกผู้ชายอย่างผม ไม่เอาลูกระเบิดส่งให้คนอื่นหรอก”

นอกจากจะรอดูว่า ผบ.ตร.คนนี้จะออก “ลูกพลิ้ว” หรือไม่แล้ว ก็ต้องดูด้วยว่า “บิ๊กตู่” ผู้กุมอำนาจสูงสุดจะจริงจังและจริงใจแค่ไหน จะปล่อยเรื่องให้เป็นตามกระบวนการตามที่พูดหรือเปล่า เพราะเรื่องนี้เป็นไม่กี่เรื่องที่ไม่ได้มีการกำหนดระยะเวลาหรือ “เดดไลน์” เอาไว้

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็ไม่รับลูกในเรื่องที่มีผู้เสนอให้ใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวจัดการถอดยศ “ทักษิณ” ให้สิ้นกระบวนความ หลังจากที่ค้างเติ่งคาท่อมาหลายปีดีดัก แง่หนึ่งสะท้อนให้เห็นว่า คสช.ไม่ได้ให้น้ำหนักกับเรื่องนี้ แต่อีกแง่หนึ่งก็อาจจะกังวลว่าจะทำให้เกิด “เอฟเฟ็กต์” บางประการจนสถานการณ์อาจลุกลามบานปลาย

หรือกลัวว่าจะถูกนำเรื่องถอดยศ “ทักษิณ” ไปเป็นประเด็นเคลื่อนไหวทางการเมืองนั่นเอง

จนมีข่าว “ทักษิณ” เองเอาไปเม้าส์กับคนใกล้ตัวในเชิงเหน็บแนมว่า ถ้าจะถอดยศกันจริงๆ ก็ง่ายนิดเดียว แค่ใช้มาตรา 44 ถอดไปก็จบ เพราะไม่ได้มีผลกระทบอะไรกัลบการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน สำทับด้วย “โอ๊คอ๊าค” พานทองแท้ ชินวัตร ที่รับบทโฆษกส่วนตัวของ “พ่อแม้ว” ออกมายุส่งอย่างไม่ยี่หระว่า ให้รัฐบาล คสช.รับถอดยศพ่อตัวเองให้เป็น “นายทักษิณ ชินวัตร” เร็วๆ แล้วเอาเวลาไปแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านดีกว่า

“ผมเชื่อว่าเรื่องถอดยศ คุณพ่อผมน่าจะเฉยๆนะครับ มียศก็ได้ ไม่มีก็ไม่แปลก” พานทองแท้ได้กล่าวไว้

อีกคนที่มองข้ามไม่ได้เลย “บิ๊กป้อม - พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง ในฐานะกำกับดูแล สตช. ผู้เป็น “พี่ใหญ่แห่งบูรพาพยัคฆ์” ที่ย่อมมีส่วนสำคัญในการคิดอ่านเรื่องนี้อยู่ แต่มักจะสงวนท่าทีไม่มีความเห็น จะบอกก็เพียงว่า การพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการยึดขั้นตอนของกฎหมาย ไม่มีการกลั่นแกล้ง เพราะไม่ต้องการให้เกิดความขัดแย้ง

“บิ๊กตู่” ก็ว่าให้เป็นไปตามขั้นตอน “บิ๊กป้อม” ก็ให้ยึดกฎหมาย ถ้า “บิ๊กอ๊อด” ไม่คิดอะไรให้ลึกซึ้งก็ตีความง่ายๆว่า “2 บิ๊ก คสช.” เปิด “ไฟเขียว” ให้ สตช. เพราะมีผลประชุมของ “บิ๊กต๊อก” ที่การันตีอำนาจและข้อกฎหมายของ สตช.อย่างเต็มที่

ส่วนจะไปติดเบรกกันหลังไมค์หรือไม่อันนี้คงพูดยาก มีเพียง “บิ๊กตู่ - บิ๊กป้อม - บิ๊กอ๊อด” ที่น่าจะรู้ดีที่สุด ส่วน “บิ๊กต๊อก” ก็หมดหน้าที่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

คำถามว่าเมื่อ “น้องต๊อก” ถวายพานให้ขนาดนี้แล้ว “พี่ตู่-พี่ป้อม” จะว่ายังไง


บิ๊กต๊อก – พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขณะประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งคณะกรรมการพิจารณาถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ของ สตช. และสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
กำลังโหลดความคิดเห็น