xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

"บิ๊กตู่" ปล่อย "ณรงค์ชัย"โชว์พาว ดันร่าง กม.ปิโตรเลียม ขึ้นราคาก๊าซ ขึ้นโรงไฟฟ้าถ่านหิน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.กระทรวงพลังงาน
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -เหมือนได้ยาดีมาจากผู้นำรัฐบาลหรืออย่างไรไม่ทราบ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.กระทรวงพลังงาน ถึงได้ฮึกเหิมลุยไฟใส่เกียร์เดินหน้าผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมฯ โดยประกาศกร้าวไม่ถอยและไม่ถอน แถมเร่งรัดร่นเวลาเปิดให้เอกชนเข้าสำรวจและผลิตปิโตรเลียมอย่างรวดเร็วทันใจอีกด้วย

งานนี้ดูเหมือน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเงียบเป็นเป่าสาก ปล่อยให้นายณรงค์ชัย โชว์พาวเต็มที่

อาการมั่นมากของนายณรงค์ชัย จะเห็นได้จากการออกมาโต้กลับการรณรงค์ให้รัฐบาลถอนร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมฯ ของเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.)

รอบนี้นายณรงค์ชัย นอกจากจะมาแบบมั่นมาก แล้วยังเตรียมพร้อมลุยเดินหน้าเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งเรื่องร่างกม.ปิโตรเลียมฯ ขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวี ขึ้นภาษีสรรพสามิตก๊าซแอลพีจีภาคขนส่ง และโรงไฟฟ้าถ่านหิน จังหวัดกระบี่ อีกด้วย

หวังสร้างชื่อเสีย(ง)ในบั้นปลายชีวิตให้สังคมจดจำมิรู้ลืมว่างั้นเถอะ

เมื่อรูปการณ์ออกมามาแบบนี้ หากปราการพลังของภาคประชาชนด่านแรกพังทลาย ร่างกม.ปิโตรเลียมฯ ผ่าน เชื่อว่าด่านต่อไปทั้งเรื่องขึ้นราคาก๊าซฯ และโรงไฟฟ้าถ่านหิน ประชาชนมีสิทธิ์เจอทุบเพื่อทุนแน่ๆ

และถ้าหากรัฐบาลปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปเช่นนั้น ก็จะได้รู้เช่นเห็นชาติกันว่ารัฐบาลทหารนี่แหละที่กลุ่มทุนพลังงานชอบอกชอบใจนัก เพราะมีอำนาจมัดมือมัดเท้าห้ามประชาชนเคลื่อนไหวคัดค้านหรือเรียกร้องสิทธิใดๆ และเรื่องอะไรที่ว่าทำได้ยาก หรือที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่กล้าทำเพราะต้องฟังเสียงประชาชนอย่างเช่นการขึ้นราคาก๊าซฯ ขึ้นโรงไฟฟ้าถ่านหิน ก็คงจะเสร็จสมอารมณ์หมายในรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารนี่เอง

หากพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะหัวหน้าคสช. ที่อาสามาแก้วิกฤตความขัดแย้ง มาแก้วิกฤติบ้านเมือง เพื่อให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าพี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดีทุกหมู่เหล่า ปล่อยให้รัฐมนตรีกระทรวงพลังงานดำเนินนโยบายสนองความต้องการของกลุ่มทุนเป็นที่ตั้ง ประชาชนก็คงต้องถามกลับว่าแล้วจะรัฐประหารมาสำมะหาอะไร มีอะไรที่ดีขึ้น มีอะไรที่ปฏิรูปเป็นชิ้นเป็นอันแล้วบ้าง โดยเฉพาะการปฏิรูปพลังงาน และปฏิรูปตำรวจ ที่ส่อแสดงว่าย่ำอยู่กับที่และย่ำแย่ลง

ในการผลักดันร่างกม.ปิโตรเลียมฯ นั้น นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยระหว่างการเปิดตัวหนังสือ 10 เดือนแห่งการลุยไฟ ว่า ขณะนี้ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ปิโตรเลียมและร่างแก้ไข พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 คณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้ความเห็นชอบแล้ว ขณะนี้รอเสนอเข้าสู่การพิจารณาคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังจากนั้นก็จะเข้าสู่การพิจารณาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นขั้นสุดท้ายหากผ่านตามขั้นตอนนี้กระทรวงฯก็พร้อมที่จะเดินหน้าเปิดให้เอกชนยื่นเสนอสิทธิสำรวจและผลิตปิโตรเลียมรอบที่ 21 ได้ทันที และครั้งนี้ก็ได้เตรียมเสนอให้ยื่นสิทธิ์สำรวจฯเพียง 60 วัน จากเดิมที่ยื่นภายใน 120วัน จากวันลงนามในประกาศเพื่อให้มีความรวดเร็วมากขึ้น

"กระทรวงฯต้องทำให้ได้ภายในปีนี้ เพราะนายกรัฐมนตรีเองก็สัญญาว่าจะสรุปใน 3 เดือนแต่ก็รอกฎหมายอยู่ เราเองคงไม่มีสิทธิที่จะไปถอนร่างแก้ไขพ.ร.บ.ทั้ง 2 ฉบับนั้นได้เพราะทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย.... " นายณรงค์ชัยกล่าว

นายณรงค์ชัย บอกว่านายกรัฐมนตรี สัญญาว่าจะสรุปใน 3 เดือน แล้วที่พล.อ.ประยุทธ์ เคยพูดไว้หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558 ให้ชะลอการเปิดสัมปทานปิโตรเลียม รอบที่ 21 ออกไปก่อน หมายความว่าอย่างไร

กลับไปทบทวนความจำกันอีกครั้ง ในวันดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างชัดเจนว่า มีข้อยุติที่จะมีการตั้งคณะกรรมการร่วมมาศึกษารายละเอียด และตัดสินใจว่าให้ไปแก้กฎหมายให้เรียบร้อยก่อนที่จะเดินหน้าต่อไป จะยังไม่มีการเปิดให้ยื่นสัมปทาน และไม่ใช่แต่แก้กฎหมายอย่างเดียวเท่านั้นยังมีขั้นตอนของการดำเนินการต่างๆ ที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดของประเทศที่ต้องทำ

“.... จะมีการหารือว่าจะทำอย่างไร ก็สรุปว่าแก้กฎหมายก่อน ถึงจะทำอะไรได้ โดยการแก้กฎหมายนั้น ต้องไปดูว่ามีข้อขัดข้องตรงไหน ทำได้หรือไม่ วิธีนี้ วิธีโน้น สองสามวิธี ทำได้หรือไม่ อย่างไร อะไรดีกว่าอะไร ต้องเป็นเรื่องที่ต้องหารือกันอีก ถึงได้บอกว่าต้องมาคุยกันอีกสิ ที่ผ่านมาเพียงแต่พูดในหลักการเฉยๆ ต้องลงรายละเอียดกันอีกที คุยกันแล้วเดี๋ยวไปแก้กฎหมายเข้าสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จบเมื่อไหร่ก็ว่ากันในขั้นตอนของการเปิดสำรวจสัมปทาน เรื่องนี้ไม่ได้มีกรอบเวลา กฎหมายเสร็จเมื่อไหร่ ก็ทำเมื่อนั้น” พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม.เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2558

ตกลงจะเชื่อคำพูดใครได้ ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ นายณรงค์ชัย อัครเศรณี เพราะไปกันคนละทางแบบนี้ ไม่ใครคนใดคนหนึ่งกำลังโกหกประชาชน

แต่งานนี้มีความเป็นไปได้สูงว่า นายณรงค์ชัย จะพูดเองเออเองเสร็จสรรพ เมื่อตามมาดูอีกประเด็นหนึ่งคือ การยืนยันของกระทรวงพลังงานว่าร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียมฯ ผ่านการรับฟังความเห็นจากประชาชนแล้ว และรับฟังความเห็นสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แล้ว

ขณะที่ สมาชิก สปช.สายพลังงาน อย่างนางสาวรสนา โตสิตระกูล นั่งยันนอนยันว่า ไม่ได้เห็นร่างดังกล่าว และ คปพ. ก็ยันกลับไปว่า ไม่ได้มีการเปิดรับฟังความเห็นแต่อย่างใด และมีหลายประเด็นที่ คปพ.ไม่เห็นด้วยในร่างกม.ปิโตรเลียมฯ ที่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุน จนต้องออกมาเรียกร้องให้กระทรวงพลังงานถอนร่างกม.ดังกล่าวออกมาก่อน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธจากนายณรงค์ชัย ซึ่งต้องการเดินหน้าต่อไปให้เร็วที่สุด

ระหว่างการงัดข้อของสองฝ่าย ท่าทีของสื่อที่เปลี่ยนไปหลังการทัวร์นอกซึ่งต้องบันทึกไว้ผ่านการโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ค Thirachai Phuvanatnaranubala ของนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรมว.กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2558 กรณีหนังสือพิมพ์มติชน เสนอข่าว พลังงาน-คปพ.งัดข้อ เปิดศึกชิงร่าง พ.ร.บ.ปิโตรเลียม เกมวัดใจ"รบ.-สนช."

นายธีระชัย ตั้งข้อสังเกตว่า ข่าวของมติชนให้พื้นที่คำชี้แจงของกระทรวงพลังงานด้านเดียว "ไม่รู้เป็นเพราะมีผู้สื่อข่าวของฉบับนี้ร่วมเดินทางไปอิตาลี กับผู้บริหารกลุ่มทุนพลังงาน จึงทำให้รับทราบข้อมูลเฉพาะด้าน อย่างเต็มที่ไปหน่อยหรือเปล่า"

“ผมจึงต้องให้ข้อมูลแก่ผู้อ่าน คือ 1.การเลือกเอกชนเพื่อให้สิทธิทำธุรกิจนี้ มีประโยชน์มหาศาล มูลค่าหลายแสนล้านบาท ดังนั้น ถ้าหากเขียนกฎหมายหละหลวม จะเปิดช่องทุจริต

2.หากมีช่องโหว่ที่เปิดให้ทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงได้ แม้แต่เป็นเปอร์เซนต์เล็กน้อย ก็จะเป็นจำนวนเงินใต้โต๊ะจำนวนมหาศาล

3.เนื่องจากเป็นทรัพยากรหลักของประเทศชาติและประชาชน และผลประโยชน์มีมูลค่าสูงมากจึงจำเป็นต้องเขียนกติกาไว้ชัดเจน

4.ถึงแม้การเปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอนั้น จะกระทำในรูปของประกาศของกรมฯ แต่การอ้างว่าการออกเป็นประกาศนั้น จะทำให้กระบวนการพิจารณา จะมีความโปร่งใสและเป็นธรรมอย่างแน่นอนนั้น ไม่จริง เพราะกระบวนการพิจารณาจะใช้วิธีเดิม คือวิธีเดียวกับที่เคยใช้ในการพิจารณาให้สัมปทานที่ผ่านมา 20 รอบ ซึ่งปรากฏข้อมูลชัดเจนแล้ว ว่าเป็นกระบวนการทำงาน ที่ข้าราชการปิดห้อง มีการให้คะแนน โดยใช้ดุลพินิจส่วนตัว และมีการเจรจา โดยไม่มีสื่อมวลชนเข้ารับฟังกระบวนการเจรจาแบบปิดห้องอย่างนี้ เปิดช่องให้มีการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวงครับ” .....

หนังยาวเรื่องนี้กำลังเผยโฉมผู้ที่อยู่เบื้องหลัง และวิญญูชนจอมปลอมกำลังถูกกระชากหน้ากากให้สังคมได้เห็นหน้าค่าตากัน


กำลังโหลดความคิดเห็น