ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ได้ดังใจ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จริงๆ สำหรับร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2558 หรือกติกาสูงสุดของประเทศฉบับชั่วคราว ที่ “เนติบริกร” วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และทีมงานซือแป๋กฎหมาย ยาสามัญประจำรัฐบาล อุตส่าห์ไปออกแบบดีไซน์กันมาก่อนหน้านี้เพื่อส่งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ให้ความเห็นชอบ
ต้องเรียกว่า เห็นภาพชัดแจ๋ว ไม่ต้องถึงกับอ่านกฎหมายรู้ดูกฎหมายเป็นก็ตีความแตกว่า การแก้ไขครั้งนี้มันตอบโจทย์อะไรนอกเหนือจากเรื่องการเปิดช่องให้มีการทำประชามติ
ตรวจแถวดูแต่ละประเด็น จะเห็นช่องทางดิ้นของฝ่ายถือดุลอำนาจในหลายจุด ตั้งแต่เรื่องโรดแม็ปที่จะขยับขยายไปตามเงื่อนไขใหม่ ส่งผลให้รัฐบาลมีอายุยืนยาวมากขึ้นกว่าเก่า สมใจอย่างน้อยได้มีเวลาแก้ไขปัญหาออกไปอีกเป็นหลายเดือน แถมยังมีลุ้นถูกหวยแจ็กพ็อตหากทำประชามติแล้วไม่ผ่าน ต้องกลับมาตั้งกรรมการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นมาใหม่21 คน ใช้เวลารับฟังความคิดเห็นประชาชนอีก 180วัน เมื่อร่างเสร็จให้กลับไปทำประชามติซ้ำอีกรอบ เรื่องเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในปี 2559 จะกลายเป็นเรื่องฝันเฟื่องไปเลย
ที่แสบกว่านั้น ที่ตะโกนด่าไพบูลย์ นิติตะวัน สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กันปาวๆ ว่า เลียแข้งเลียขาฝ่ายอำนาจจนไม่ดูตาม้าตาเรือ ชงของร้อนเรียกแขกให้ “บิ๊กตู่” ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก หลังชูไอเดียให้สอบถามประชาชนเพิ่มเติมว่า ต้องการให้รัฐบาลอยู่ปฏิรูปประเทศก่อน 2 ปีแล้วค่อยเลือกตั้งหรือไม่ในการทำประชามติ ที่ไหนได้กลายเป็นเข้าบาทารัฐบาลเต็มๆ เพราะกระเด้งรับตัวลอย ด้วยการเปิดช่องให้สามารถถามคำถามอื่นได้ในการทำประชามติ โดยใช้เสียงข้างมากของที่ประชุมสนช. และที่ประชุมสปช. สามารถเสนอคำถามคนละ 1คำถาม ที่จะถามเพิ่มเติมในการทำประชามติมาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา
เรียกว่า เปิดช่อง แหวกม่าน หาทางอยู่ต่อกันสุดฤทธิ์ ชนิดออกแบบมาเพื่อให้พร้อมรับทุกสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยจะเป็นคนกำหนดชะตาชีวิตตัวเองตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่เนรมิตทางหนีทีไล่ไว้เพียบ คนเขียนๆ ได้เฉียบสมกับฉายา “เนติบริกร” ที่บริการเขียนกฎหมายตามใบสั่งผู้มีอำนาจจริงๆ
นอกจากเรื่องการทำประชามติที่ลับ ลวง พรางแล้ว ยังพบว่า ทีมงานซือแป๋กฎหมายยังใช้โอกาสในการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวครั้งนี้เพื่อแก้ไขข้อจำกัดเพื่อให้เอื้อและง่ายต่อการทำงานของรัฐบาลอีกด้วย
โดยเฉพาะเรื่องการปลดล็อกคุณสมบัติของบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรี และสมาชิกสนช. จากเดิมห้ามผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองมาดำรงตำแหน่ง แต่ตอนนี้สะดวกโยธิน นึกอยากตั้งใครไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลังปุบปับจับยับได้เลย ประเด็นนี้หลายคนมองที่มาที่ไปน่าจะเป็นกรุยทางรับ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” สมาชิกคสช. มือเศรษฐกิจ ที่เข้ามาช่วยงาน “บิ๊กป้อม”พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ตั้งแต่รัฐประหารจวบจนปัจจุบันเป็นเหตุผลสำคัญ
อย่างที่รู้กัน ที่ผ่านมารัฐบาลติดหล่มอยู่กับปัญหาเศรษฐกิจ สำรวจกี่ครั้งๆ คะแนนติดลบรั้งอันดับบ๊วยตลอด ทีมงานชุดปัจจุบันที่นำโดย “หม่อมอุ๋ย”ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ฝีมือไม่ถึง หัวโบราณไม่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน จนมีกระแสเรียกร้องให้มีการปรับครม. โดยเฉพาะทีมเศรษฐกิจต่อเนื่อง แต่ชำเลืองซ้ายชำเลืองขวาตัวเลือกมีน้อย แถมคนที่อยู่ใกล้ตัวแม้จะรู้มืออย่าง “สมคิด” ก็ติดกับดักคุณสมบัติที่นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีไม่ได้
ซ้ำยังมีพิษเกาเหลากับ “หม่อมอุ๋ย” เป็นของสมนาคุณเข้าไปอีก
แต่ดูท่าแล้วรัฐบาลคงจนมุม ไม่มีทางเลือก เพราะเศรษฐกิจอืดอาด ไม่ขยับเขยื้อน เลยต้องเปิดล็อกคุณสมบัติให้ “สมคิด” กันไปเลย แถมยังมีพวกบ้านเลขที่ 111 และ 109 บางคนที่เป็นเห็บกระโดดหนีนักโทษชายทักษิณ ชินวัตรมาแล้ว ให้พิจารณาหยิบมาใช้ ซึ่งการแก้ไขตรงนี้ยังเป็นสัญญาณกลายๆ ว่า อีกในไม่ช้าน่าจะมีการปรับครม.ชุดใหญ่ ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นหลังมีการโปรดเกล้าฯ รัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับแก้ไขนี้เสร็จสิ้นแล้ว คร่าวๆ อยู่ระหว่างปลายเดือนก.ค. คาบเกี่ยวไปเดือนส.ค.
กระนั้นใน 7 ประเด็นที่โหดจนผู้ได้รับผลกระทบร้องไห้ไม่ออก คงหนีไม่พ้นกรณีให้สปช. สิ้นสุดลงทันที หลังจากให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญฉบับถาวรที่ “อาจารย์ปื๊ด” บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ และชาวคณะไปร่างมา เพราะจากเดิมสปช.จะต้องสิ้นสภาพเฉพาะกรณีไม่ให้ความเห็นชอบเท่านั้น แต่ครั้งนี้ไม่ว่าลงมติอย่างไรก็ต้องบ๊ายบายรัฐสภาทันที โดยต้องส่งไม้ต่อให้สภาขับเคลื่อนปฏิรูปที่ “บิ๊กตู่” เป็นคนตั้ง 200 คน สานงานต่อ
แสบสันไปถึงในทรวง สำหรับสมาชิกสปช.ที่รู้ข่าว เพราะเท่ากับว่า จะได้ทำหน้าที่เพียงปีเศษๆ หรือนับตั้งแต่วันนี้ไปนับถอยหลังอายุการทำงานของตัวเองได้เลย เหลืออีกไม่กี่เดือนก็ต้องระเห็จเก็บข้าวเก็บของไปเลี้ยงลูกเลี้ยงหลานแล้ว ตามสัญญาณแป๊ะไล่ลงเรือก่อนเวลาอันควร สะท้อนให้เห็นเลยว่า รัฐบาลไม่แฮปปี้กับการทำหน้าที่ของสปช.ในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะสมาชิกบางคนที่ออกอาการแตกแถวเที่ยวอาละวาดงัดง้างกับรัฐบาลและคสช.หลายเรื่อง ซึ่งรัฐบาลประเมินแล้วว่า ชักบานปลายเอาไม่อยู่ เลยต้องดับซ่ากันตั้งแต่เนิ่นๆ กันซะเลย
ตรวจรายชื่อพวกเปรี้ยวๆ ที่ความเห็นไม่ลงรอยกับรัฐบาลและกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในช่วงที่ผ่านมาก็มีสมบัติ ธำรงธัญวงศ์ ประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. ดิเรก ถึงฝั่ง รองประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช. เสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกมธ.ปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ที่แท็กทีมกันถล่มร่างรัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่รสนา โตสิตระกูล กมธ.ปฏิรูปพลังงาน สปช. ที่มีแนวคิดสวนทางกับฝ่ายอำนาจในเรื่องพลังงาน ฟาดฟันกันทั้งในกมธ.และนอกสภา
รัฐบาลจงใจจะเคลียร์ตัวแสบออก แล้วยังเป็นการส่งสัญญาณไปยังพวกสมาชิกสปช.คนอื่นๆ ที่เหลือว่า อย่าซ่านัก เพราะอาจตกงานไปเตะฝุ่นได้ แต่หากใครเป็นเด็กดีอยู่ในร่องในรอย ทำตามทิศทางที่กำหนดไว้ให้เดิน อาจได้ต่อวีซ่าเข้าไปเป็นสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปที่ “บิ๊กตู่” เป็นคนแต่งตั้งและพิจารณาเองทั้งหมด 200 คน งานนี้ดูท่าคงอยู่ในอาการช็อก ไม่มีใครกล้าแตกแถวแน่หลังจากนี้
แก้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวเที่ยวนี้ตอกย้ำให้เห็นเลยว่า ไม่ว่าแม่น้ำแต่ละสายจะดูมีอำนาจหรือมีอิสระในตัวเองตามกฎหมายอย่างไร แต่สุดท้ายถ้าขัดใจแป๊ะก็อาจโดนลงไล่จากเรือเหมือนที่สปช.กำลังโดน!!!