ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -สัปดาห์ที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เกิดภาวะไม่ปกติองศาเดือดทะลุปรอทยิ่งกว่าอากาศอันแสนอบอ้าวของปลายฤดูร้อนเสียอีก เมื่อ “บิ๊กอ๊อด”พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. เกิดอาการฉุนขาด กรณีเกิดเหตุอุกฉกรรจ์ในพื้นที่ ภาค 7 แล้วตำรวจยังทองไม่รู้ร้อน
ไม่ว่าจะเป็นการยิงชายวัยรุ่นต่อหน้ามารดา เหตุเกิดหน้าร้านบะหมี่เกี๊ยว หรือเหตุ ส.ต.ต.สหชาติ ถึงสุข อายุ 21 ปี สังกัดสันติบาล กลับจากเที่ยวสถานบันเทิงในจังหวัดนครปฐม แล้วถูกคนร้ายวัยรุ่นตามประกบยิงระหว่างขับรถกลับบ้าน ทำให้ ส.ต.ต.สหชาติ บาดเจ็บสาหัส ส่วนนายปิยะศักดิ์ เตียนสำรวย อายุ 28 ปี พ่อค้าขายกระเป๋า เพื่อนรุ่นพี่ตายคาที่ หลังนอนรักษาตัวอยู่ 2 วัน ส.ต.ต.สหชาติ เสียชีวิตตามไปอีกคนรวมเป็น 2 ศพ
อีกคดีที่ทำให้ ผบ.ตร. ถึงกับฟิวส์ขาด นั่นก็คือ จังหวัดกาญจนบุรี ยังมีการลักลอบเปิดบ่อนพนันกันอยู่ บ่อนพนันที่ว่านี้เป็นบ่อนถั่ว ไม่ใช่บ่อนใหญ่โตเหมือนช่วงก่อน “ออฟชั่นคืนความสุข”จึงไม่มีบ่อนใหญ่ที่เล่นกันตามสะดวก ช่วงย้ายตำรวจโครมๆ ทหารยังไม่กลับกรมกอง บรรดาผู้ประกอบการเขาจึงขอเปิดเป็นบ่อนขนาดเล็กอ้างกันเพื่อเป็นค่าใช้จ่าย
บ่อนป็อก บ่อนไฮโลว์ คนอาจจะเยอะ ท่านที่มีอำนาจบางคนจึงขยิบตาข้างหนึ่งให้เปิดเป็นบ่อนถั่ว สามารถจำกัดจำนวนคน และส่วนใหญ่นักพนันกำถั่วเป็นพวกรุ่นเก๋าส์ พอมีฐานะ
ตรงนี้จึงยืนยันและสอดคล้องกับคำสัมภาษณ์ของท่าน ผบ.ตร. ที่ระบุว่า ในพื้นที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 ยังมีบ่อนพนันกำถั่วนั่นก็คือ บ่อนในจังหวัดกาญจนบุรี อันเป็นต้นเรื่องเมื่อ นายสมศักดิ์ แสงทอง อายุ 29 ปี อาชีพขายสุกรชำแหละ และเป็นเซียนพนันเ ข้าไปละเล่นได้เงินมาหลายล้านบาท ระหว่างกลับมาจังหวัดนครปฐม มีนักพนันที่ข้องใจว่าถูกโกงตามมาพร้อมกับตำรวจชั้นประทวนของจังหวัดนครปฐม อีก 2 นาย
ทวงกันไปทวงกันมาจนเกิดปากเสียง ที่สุดนายสมศักดิ์ ถูกยิงตาย ซัดกันต่อหน้าต่อตาตำรวจสองพระหน่อ ที่ตามมาเคลียร์กันด้วยก่อนหลบหนีไป
ต่อมาเกิดกระแสข่าวในโซเชียลมีเดีย ไลน์ส่งต่อๆกันว่า “บิ๊กอ๊อด”สั่งย้ายตำรวจนครปฐม แบบล้างบาง และเพื่อความชัวร์ไม่มั่วนิ่ม ยังมีสำเนาคำสั่งแนบมาให้ดูด้วย พร้อมข้อเขียนของผู้ส่งไลน์ ระบุสาเหตุมาจากตำรวจสันติบาล ถูกมือปืนยิงตายในบ่อน
เท่านั้นก็แตกฮือ โดยเฉพาะนักข่าวสายอาชญากรรม ต่างเช็กแหล่งข่าวได้ข้อมูลตรงกันว่า ตำรวจสันติบาลไปมีเรื่องกับวัยรุ่น แล้วถูกยิงไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล มิได้ถูกยิงตายคาที่ ในบ่อนพนัน กลายเป็นข่าวมั่ว ข่าวสองชิ้นแต่มีคนนำมาประติดประต่อกัน
แต่เอาเถอะ ไม่ว่าจะเป็นเหตุใดตอนนี้กลายเป็นอดีตไปแล้วเพราะ “บิ๊กอ๊อด”สะบัดปากกาย้าย 2 กระทอกรวมทั้งหมด มาถึง 21 นายไล่มาตั้งแต่ พล.ต.ต.พจน์ บุญมาภาคย์ ผบก.ภ.จว.นครปฐม เป็นอันดับแรก พล.ต.ต.ประภากร ริ้วทอง ผบก.สส.ภ.7 พ.ต.อ.รัตนะ ปาลจันทร์ รองผบก.ภ.จว.นครปฐม พ.ต.อ.ไพฑูรย์ พิทักษ์ธรรม ผกก.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.สุธี วรรณสูต รอง ผกก.ป.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ภูวดิท คงเพ็ชร รอง ผกก.สส.สภ. เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ครุพงษ์ แก้วสะอาด สวป.สภ.เมืองนครปฐม พ.ต.ท.ภาณุทัต เหลืองสัจจกุล สว.ส.สภ.เมืองนครปฐม พล.ต.ต.ทวิพงศ์ พงษ์สูงเนิน ผบก.สันติบาล 3 พ.ต.อ.ภูมินทร์ พุ่มพันธ์ม่วง ผกก. 5 ป.
ล็อตแรกขาดคนเดียวครบหนึ่งโหล !!
ถัดมาอีกไม่กี่ชั่วโมง หลังทีมข่าวอาชญากรรม ASTVผู้จัดการ วิพากษ์วิจารณ์ว่า “บิ๊กอ๊อด” ตัดสินใจผิดพลาด เพราะเป็นเหตุให้นายตำรวจมือปราบยาเสพติดที่ทุ่มเทเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายจนมีผลงานเป็นที่ยอมรับของหน่วยถึงขั้นกำลังจะได้รับรางวัลดีเด่น จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ แต่ด้วยเหตุนี้ จึงอาจจะทำให้ขาดคุณสมบัติ ต้องชวดรางวัลอันเป็นเกียรติยศ เป็นความภาคภูมิใจของตนเอง และครอบครัวไป
ปรากฏว่า สิ่งที่ ผบ.ตร. ทำต่อก็คือ มีคำสั่งย้ายระลอก 2 ต่อข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องอีก 10 นาย ให้ไปช่วยราชการที่ ศปก.ตร. คือ 1. พ.ต.อ.ไตรวิช น้ำทองไทย รองผบก.สส.บช.ภ.7 2. พ.ต.อ.ปรีดา อิ่มเจริญ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.ภ.7 3. พ.ต.ท.สำราญ กลั่นมา รองผกก.สส.1 บก.สส.บช.ภ.7 4. พ.ต.ท.ปรีชา ทมหอม รองผกก.สส.บก.ภ.จ.นครปฐม 5 . พ.ต.ต.ณรงค์ คุ้มไพร สว.กก.สส. 1 บก.สส.บช.ภ.7 6. พ.ต.ท.ยงลิต ศุภผล สว.กก.สส.บก.ภ.จ.นครปฐม 7. พ.ต.ท.อัมพร ลิ้มประสาท สว.กก.สส.บก.ภ.จ.นครปฐม 8. ร.ต.อ.สักกะ ศรีฟ้า สว.กก.สส.บก.ภ.จ.นครปฐม 9. พ.ต.ท.วิรัช
ชาญ ขุนชัยแก้ว รองผกก. 5 บก.ป.2 10. พ.ต.ท.ต่อวงศ์ พิทักษ์โกศล สว.กก. 5 บก.ป. โดยให้ขาดจากตำแหน่งเดิม จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
ตกลงว่ามีการย้ายแบบล้างบางจริงๆ ทั้งในหน่วย และนอกหน่วยรวม 21 นาย ด้วยเหตุผลปล่อยปละละเลยให้มีบ่อนการพนัน และมีคดีอุกฉกรรจ์จนล้นเมือง
เมื่อนำรายละเอียดความเป็นไปต่างๆ มารายงานกันแล้ว ต่อไปนี้คงเป็นหน้าที่ในฐานะสื่อมีข้อสังเกตบางประการส่งตรงไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยเฉพาะความเหมาะสมของคำสั่ง เพราะเมื่อพิจารณาดูดีๆ แล้ว มันยังขาดๆ เกินๆ หากไม่มีรายชื่อของ ผบก.สันติบาล 3 พ่วงมาด้วยหลายคนก็คงไม่ติดใจกันมาก เนื่องจากถ้าว่าไปแล้วการปล่อยให้เกิดอาชญากรรมมากจนถึงขั้นผิดปกติ การคาดโทษ หรือการลงโทษย่อมเป็นมาตรการที่ผู้บังคับบัญชาได้ใคร่ครวญเป็นอย่างดีแล้ว
แต่ถ้าย้อนมาดูในข้อเท็จจริง คดีวัยรุ่นไล่ฆ่ากันหน้าร้านขายบะหมี่ หรือคดีตำรวจสันติบาลลาพักร้อน แล้วพากันไปเที่ยวกับเพื่อนจนเกิดเรื่อง รวมทั้งกรณีเซียนพนันไปเล่นกำถั่วในจังหวัดหนึ่ง แต่ถูกคู่กรณีตามมายิงที่นครปฐม อาการเกรี้ยวกราดของผู้นำหน่วย จนถึงย้ายกันอย่างขุดรากถอนโคน หรือแม้แต่ ผบก.สันติบาล ที่ไม่ควรเกี่ยวข้องด้วยเลยนั้น ขอเรียนถามท่านว่า ท่านมีวิธีคิดอย่างไร และท่านคิดว่าวิธีนี้จะสามารถแก้ปัญหาอาชญากรรมให้กับจังหวัดนครปฐม ได้หรือไม่
อาการแบบนี้ถ้าท่านผบ.ตร. มีข้อมูลในทางลึกก็จงอย่าละเว้น พล.ต.ท.วีรพงษ์ ชื่นภักดี ผู้บัญชาการการตำรวจภูธร ภาค 7 เลย โปรดกรุณาย้ายตามลูกน้องไปด้วย เพราะถึงขั้นนี้ คงไม่ต้องไปมีเหตุผลอะไรที่จะปล่อยไว้อีกต่อไป
เปรียบเสมือนทลายห้างกันขนาดนี้ เหลือท่านผู้บัญชาการภาค 7 ให้เป็นติ่งคนนครปฐมไปอีกทำไม ซัดกันขนาดนี้ ทั้งการปฏิบัติ ทั้งวาจา หรือถ้าจะเกรงอกเกรงใจบรรดาขาใหญ่ฟาร์มโชคชัย เพราะ พล.ต.ท.วีรพงษ์ เคยเป็นนายเวรฯ หน้าห้องกันมาก่อนก็อย่าไปเกรงกลัวอะไร
บนความยับเยินขององค์กรตำรวจ ข้อเท็จจริงในขณะนี้บรรดาสิ่งผิดกฎหมายประเภทบ่อนเล็กบ่อนใหญ่ มันแทบจะสูญพันธ์กันหมดแล้ว เรื่องแบบนี้ตำรวจรู้ดี ไม่เชื่อก็ลองสอบถามคุณห้อยคุณโหนข้างซ้าย ข้างขวาของท่าน ที่ยังมีอยู่ก็ล้วนพวกดื้อยา ดื้อด้าน แต่ไม่ใช่ตำรวจทั้งหน่วยเขารู้เห็นเป็นใจกันที่ไหน มันมีเพียงบางส่วนซึ่งต้องยอมรับความจริงกัน เฉพาะจังหวัดนครปฐม ท่าน ผบ.สมยศ เคยได้ยินกิตติศัพท์ของ“บ้านใหญ่นครปฐม”หรือไม่
เมื่ออำนาจเปลี่ยนมือ อิทธิพลบ้านใหญ่ก็เหลือเป็นเพียงบ้านธรรมดาๆ ใครจะกล้ากร่าง กล้าซ่า ตำรวจเองที่เคยรับใช้นักการเมืองตอนนี้ต้องม้วนหางกลับเข้าแถว
ใครเป็นใครนายตำรวจอีกท่านหนึ่งที่สามารถตอบท่านได้เป็นอย่างดีก็คือ “เสี่ยบัว”พล.ต.ต.สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น รอง ผบช.ภ.7 นรต.รุ่น 36 ซึ่งอยู่ในทีมสืบสวนพิเศษของท่านผบ.ตร. เองนั่นแหละ ถามให้กระจ่างว่า อิทธิพลในจังหวัดนครปฐม หรือบ่อนในนครปฐม มันมีหรือเปล่า ถ้ามีอยู่ตรงไหน ใครเป็นคนคุม
วันนี้นาฬิกาที่ “บิ๊กอ๊อด”ตั้งย้อนหลัง เพื่อเตือนตัวเองมันบอกว่า เวลาท่านเหลืออีกกี่มากน้อย
นับถึงวันเกษียณอายุราชการไม่เกิน 120 วัน
แต่ไม่เกิน 90 วัน นับจากนี้ รายชื่อ ผบ.ตร.คนใหม่ จะเข้ามาเป็นว่าที่ฯ กำหนดทิศทางสืบต่อจากท่าน
และคงไม่พ้น พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอง ผบ.ตร.ฝ่ายกฎหมาย เจ้าของคดีโรฮีนจา อาวุโสอันดับที่ 1 หรือ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา รอง ผบ.ตร. ฝ่ายความมั่นคง อาวุโสอันดับ 5
ไม่ว่าจะเป็นใคร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังคงเดินหน้ามีภารกิจต่อไป ข้าราชการตำรวจอีกหลายนาย ทั้งเล็กและใหญ่ ต่างวนเวียนไปตามบทบาทและหน้าที่ต่อไป และเชื่อว่าสิ่งที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผบ.ตร. ประกาศไว้ว่าสิ่งที่ท่านทำ จะเป็นแนวทางปฏิบัติต่อไปของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
รับประกันว่าทั้ง “บิ๊กเอก”และ “บิ๊กแป๊ะ”ไม่ทำอย่างท่านแน่ๆ !! ??
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่คาดหวังอะไรจากท่านแทนตำรวจทุกๆ คน ตามที่ตั้งใจไว้ แต่ขอฝากข้อเสนอแนะว่า สิ่งหนึ่งที่ท่าน ผบ.ตร.ควรทบทวนอย่างเร่งด่วนที่สุดในห้วงเวลาราชการที่เหลือก็คือ มาตรการย้าย ๆๆๆๆ ท่านคิดว่าได้ผลจริงหรือไม่ นอกจากนั้น ยังต้องทบทวนให้ถ่องแท้ว่า การตัดสินใจของท่านในทุกๆครั้ง ถูกต้องและเป็นธรรมต่อผู้ใต้บังคับอย่างแท้จริงแล้ว
พูดถึงความเป็นธรรมให้นึกถึงหลักธรรมะกับภาวะผู้นำ ที่มีนายตำรวจใหญ่หลายท่านในอดีตมักนำมาใช้ในการบริหารงานให้สำเร็จลุล่วงก็คือ หลักพรหมวิหาร 4 ความเมตตา กรุณา มุทิตา และอุเบกขา ในฐานะผู้นำหน่วย มีผู้ใต้บังคับบัญชาเกือบ 3 แสนคน แม้ความเข้มข้น เด็ดขาดมีความจำเป็นในการปกครอง แต่หลักเมตตาธรรม หรือ พรหมวิหาร 4 ต้องยึดไว้เสมอ
ท่านอาจจะบอกว่า แค่ 30 วัน ถ้าคณะกรรมการสอบไม่พบความผิดทุกอย่างกลับไปเหมือนเก่า.. มุมของท่านอาจจะใช่ แต่มุมของคนที่เขาคิดว่าถูกกระทำมันคงไม่ เพราะตำรวจที่เปื้อนมลทินนั้น เวลาพิจารณาความดีความชอบก็มักจะถูกหยิบยกมาเป็นแต้มลบ ความเป็นผู้น้อย เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา จะต้องมีวินัย เขาก็เลยจำยอม หวานอมขมกลืน ไม่กล้าออกมาแสดงความคิดเห็น
วันสุดท้ายของชีวิตราชการ สิ่งที่ท่านอยากเห็นคือ ตำรวจต้องเป็นที่รักของประชาชน แต่ก็ยังเห็นประชาชนยังก่นด่าตำรวจอยู่ทุกวัน แถมในยุคของท่าน ยังมีผู้ใต้บังคับบัญชาอีกหลายคนลืมท่านไม่ลง (จริงๆ)