xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เขี่ย “หมอสมเกียรติ” ยึด สวรส.คืน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผอ.สวรส.
ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -นโยบายหนึ่งที่รัฐบาลยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ก็คือการปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งเมื่อช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้ยื่นหนังสือถีงนายกฯ เพื่อขอให้คุ้มครองตนเองในฐานะพยาน หลังแจ้งเบาะแสข้อมูลที่ส่อให้เห็นถึงกระบวนการทุจริตที่เกิดขึ้นในอดีต และผลประโยชน์ทับซ้อนที่ปรากฏต่อเนื่องใน สวรส.จึงกลายเป็นข่าวครึกโครม โดยเฉพาะแวดวงสาธารณสุข ซึ่งมีการจับตาว่าจะมีการตรวจสอบเรื่องส่อทุจริตนี้อย่างไร

สำหรับเรื่องราวที่ส่อแววทุจริต“ไม่โปร่งใส” ตามปากคำของ นพ.สมเกียรติ ระบุชัดว่า หลังจากเข้ารับตำแหน่ง ผอ.สวรส.มาเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง พบความผิดปกติหลายอย่าง ทั้งกรณีอดีต ผอ.สวรส. อย่าง นพ.พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข ซึ่งปัจจุบันเป็นหนึ่งในทีมสนับสนุนวิชาการของรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) คือ ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สธ. และ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สธ.ได้มีการทำเรื่องเสนอขอค่าตอบแทนพื้นฐานรายเดือนและโบนัส ทั้งที่คณะกรรมการกฤษฎีกาวินิจฉัยแล้วว่าไม่เป็นไปตามกฎหมาย เพราะตาม พ.ร.บ.สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข พ.ศ. 2535 ระบุว่า ตำแหน่ง ผอ.ไม่สามารถรับค่าตอบแทนพิเศษรายเดือนและโบนัสได้ ซึ่งมีคำวินิจฉัยเมื่อปี 2556จึงต้องถือว่าการดำรงตำแหน่งของอดีต ผอ.คนดังกล่าวในช่วงเวลาที่กฤษฎีกาตีความนั้นจะไม่สามารถรับเงินได้ ซึ่ง สวรส. ได้ดำเนินการฟ้องร้องเพื่อเรียกค่าเสียหายที่อดีต ผอ. ได้รับไปแล้วคืนจำนวน 1,746,580บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5การจ่ายเงินเดือนและโบนัสของพนักงานบางรายไม่เป็นไปตามสัญญาจ้าง

นอกจากนี้ ยังพบบางเรื่องที่ไม่สามารถตรวจสอบได้คือ กองทุนพัฒนาระบบสาธารณสุข ซึ่งอยู่ภายใต้การทำงานของ สวรส. ได้รับทุนจาก องค์กรสนับสนุนทุนวิจัยจากประเทศแคนาดา(IDRC) ซึ่งให้ทุนผ่าน สวรส.และต้องกระจายให้กับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อทำงานวิจัยด้วย โดย IDRC ได้เข้ามาตรวจสอบรายละเอียดการบริหารโครงการเมื่อ ต.ค.ที่ผ่านมา แต่พบว่า มีคำสั่งสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข ที่ 28/2551ลงวันที่ 15 ก.ค. 2551 ระบุว่า ให้เงินทุนทั้งหมดที่สนับสนุนโดย IDRC ไม่ต้องปฏิบัติตามนโยบายและขั้นตอนปฏิบัติงานของ สวรส. ทำให้ IDRC ประเมินว่า ข้อยกเว้นดังกล่าวส่งผลให้มีความเสี่ยงที่จะมีการบริหารงานที่ผิดพลาดเกิดขึ้นกับโครงการที่ได้รับทุนจากIDRC อีกทั้งการบริหารโครงการค่อนข้างคลุมเครือและเป็นรูปแบบเฉพาะกิจ การดำเนินธุรกรรมของโครงการจึงไม่มีความโปร่งใส ซึ่งมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องให้โครงการที่ได้รับทุนจาก IDRC ปฏิบัติตามนโยบายและขั้นตอนการปฏิบัติงานของสวรส. เช่น มีระบบการตรวจสอบบัญชีจากฝ่ายบัญชีตรวจสอบภายในของ สวรส. เป็นต้น

“จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถทราบได้ว่า มีการรับเงินทุนมาปีละเท่าไหร่ และมีการกระจายงบประมาณไปอย่างไรบ้าง และไม่มีการส่งรายงานการใช้เงินดังกล่าว แม้แต่เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)ได้เข้ามาตรวจสอบการใช้งบประมาณ ก็ยังไม่สามารถขอข้อมูลในส่วนดังกล่าวได้”

ส่วนที่ต้องรอขอคุ้มครองพยานนั้น เนื่องจากได้รับโทรศัพท์ข่มขู่ และแจ้งเบาะแสการทุจริตที่เกิดขึ้นใน สวรส.โดยรายงานสถานการณ์ปัจจุบันของ สวรส. ต่อ รมว.สาธารณสุข และรองนายกฯที่ดูแลกระทรวงด้านสังคมอย่างนายยงยุทธ ยุทธวงศ์ กลับไม่ได้รับการตอบสนอง รวมถึงเมื่อนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อบอร์ด สวรส. กลับถูก รมช.สธ.สั่งเลื่อนการประชุม และแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่ง นพ.สมเกียรติ อ้างว่า ต่างเป็นคนที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เคยได้รับเงินวิจัยจาก สวรส. จึงยื่นคัดค้านไปยัง รมว.สธ. และนายยงยุทธ แต่ก็ไม่ได้รับการตอบสนองเช่นเดิม แต่กลับมีการเร่งผลักดัน ครม.ให้ความเห็นชอบรายชื่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ
ต่อมา นพ.สมเกียรติ จึงทำหนังสือคัดค้านไปยังนายกฯ แต่สุดท้ายเมื่อวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา กลับมีการเร่งรัดประชุมบอร์ด สวรส. และถูกแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเสียเอง ทำเอา นพ.สมเกียรติ ถึงกับควันออกหู ต้องรีบยื่นหนังสือถึงนายกฯ เพื่อพิจารณาสั่งการให้ได้รับการคุ้มครองในฐานะพยาน เพื่อป้องกันการกลั่นแกล้งจากอำนาจทางการเมือง รวมถึงไปยื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.)

ขณะที่ นพ.สมศักดิ์ ระบุถึงเรื่องนี้ว่า มีเจ้าหน้าที่ สวรส.จำนวน 18 คน ได้ลงนามยื่นเรื่องร้องเรียนถึงความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของ นพ.สมเกียรติ ในการบริหารงานของ สวรส. ส่วนประเด็นส่อทุจริตที่ นพ.สมเกียรติ รายงานข้อมูลกลับไม่ตรวจสอบ บอกเพียงแต่ว่าจะตรวจสอบเฉพาะเรื่องที่ นพ.สมเกียรติ ถูกร้องเรียนก่อน หากพบว่ามีข้อมูลเชื่อมโยงจึงจะตรวจสอบเพิ่ม
ส่วนนายยงยุทธ กลับให้สัมภาษณ์เพียงว่า เรื่องนี้อยากให้เป็นเรื่องภายในของ สวรส.ยังไม่จำเป็นต้องไปไกลถึงนายกฯ

คำตอบทั้งของ รมช.สธ. และรองนายกฯ ทำให้เกิดข้อกังขาแก่หลายฝ่ายว่า ในเมื่อรัฐบาลประกาศนโยบายเรื่องปราบทุจริต และกระทรวงสาธารณสุขก็ประกาศจะเป็นกระทรวงสีขาวตามนโยบายของ รมว.สธ. คือโปร่งใส ตรวจสอบได้ ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน เหตุใดเมื่อมีผู้มาแจ้งข้อมูลเบาะแสแล้วจึงนิ่งเฉยไม่ตรวจสอบข้อมูลตามที่ได้รับรายงาน

ประเด็นดรามานี้ หากจะมองให้ลึกลงไป มันก็คือคำตอบเดิมของแวดวงกระทรวงหมอ ที่ยึดในเรื่องของใครเป็นพวกใคร

โดยตามประวัติของ นพ.สมเกียรติ นั้น มีพื้นเพมาจากการเป็นคณบดีคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ(มศว) ซึ่งที่ผ่านมาถูกกล่าวหาในเรื่องของการลอกงานวิจัย โดยเมื่อปี 2555ได้เป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่ง เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)หลังจากที่ นพ.วินัย สวัสดิวร ที่หมดวาระลง แต่สุดท้ายก็พ่ายให้กับ นพ.วินัย ที่ยังคงสามารถยึดเก้าอี้เลขาฯสปสช.ไว้เป็นสมัยที่ 2 ได้ ทำให้ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รมว.สธ.จากพรรคเพื่อไทยในขณะนั้น โยกให้มาดำรงตำแหน่ง ผอ.สวรส.แทน คนจึงมองว่า นพ.สมเกียรติ เข้ามายังตระกูล ส ได้ก็ด้วยการเป็นเด็กนักการเมือง

ทั้งนี้ คนที่มาจากการเมืองในยุค นพ.ประดิษฐ ก็มีทั้ง นพ.สมเกียรติ ที่มานั่ง ผอ.สวรส. นพ.อรรถสิทธิ์ กาญจนสินิทธิ์ มานั่งรองเลขาธิการ สปสช. นพ.ชาญวิทย์ ทระเทพ ที่มาดำรงตำแหน่งรองปลัด สธ. ซึ่งขณะนี้ถูกเก็บเข้ากรุไปเป็นผู้ตรวจราชการ สธ.แล้ว

จากประวัติก็ชัดเจนว่า มาจากคนละขั้วคนละฝั่งกับองค์กรตระกูล ส และฝั่งแพทย์ชนบท ซึ่งแน่นอนว่าหากไม่ใช่กลุ่มก๊วนเดียวกับหมอกลุ่มนี้ก็มักจะอยู่ไม่ได้ ยิ่งเมื่อมีการชงตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สวรส.คนใหม่ จำนวน 7 คน แทนคนเก่าที่หมดวาระลง ซึ่งดูจากรายชื่อแล้วมีทั้ง ศ.ภิเศก ลุมพิกานนท์ ศ.วิภาดา คุณาวิกติกุล นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ นายชำนาญ พิเชษฐพันธ์ รศ.ชื่นฤทัย กาญจนะจิตรา นพ.สุภกร บัวสาย และ นพ.สุวิทย์ วิบุลผลประเสริฐ ซึ่งก็ชัดเจนว่าบางคนเป็นคนใกล้ชิดกับ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สธ.ที่เป็นบิ๊กฝั่งแพทย์ชนบท ทำให้ นพ.สมเกียรติ ก็คงรู้ตัวว่าอาจจะไม่รอด ไม่พ้นถูกเขี่ยทิ้งจากตำแหน่งเป็นแน่ จึงต้องออกมาให้ข้อมูลเรื่องดังกล่าวผ่านสื่อมวลชน

เรียกได้ว่างานนี้ อาจเป็นความพยายามปลดคนนอกก๊วน ออกไปจาก “องค์กรตระกูล ส”

กระนั้นก็ดี เมื่อพิจารณาจากความสัมพันธ์ของแต่ละบุคคลที่ปรากฏ ก็ไม่แปลกใจที่รูปการออกมาในลักษณะเช่นนี้ เพราะในช่วง นพ.พงษ์พิสุทธิ์ เป็น ผอ.สวรส.นั้น นพ.สมศักดิ์ ก็เคยรับทุนวิจัยจาก สวรส.มานานตั้งแต่ปี2550-2555 ถึง 18.7 ล้านบาท และปัจจุบันก็มานั่งเป็นทีมวิชาการของรัฐมนตรี สธ.

งานนี้ “คนใน” กับ “คนนอก”ใครจะอยู่หรือจะไปก็น่าจะทราบกันดี แต่คงต้องมาดูท่าทีของ นพ.สมเกียรติ กันว่า จะงัดกลยุทธ์อื่นใดอีกมาตอบโต้ โดยเฉพาะเรื่องการถูกตั้งสอบข้อเท็จจริง เพราะแว่วว่าเจ้าตัวก็มีนักกฎหมายมือดีเป็นแบ็กอัพอยู่เหมือนกัน...


นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รมช.สธ.
กำลังโหลดความคิดเห็น