xs
xsm
sm
md
lg

อธิการบดีชง สปช.6 ข้อปฏิรูปการเมือง ให้เลือกนายกฯ โดยตรง ส.ส.ห้ามนั่ง รมต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปธ.ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย ยื่น สปช.6 ข้อเสนอปฏิรูปการเมือง แยกอำนาจบริหาร-นิติบัญญัติ ให้เลือกนายกฯโดยตรง เลือก ส.ส.เขตไม่สังกัดพรรค ห้ามทำงานบริหาร ปฏิรูปทั้งโครงสร้างอำนาจการเมือง การกระจายอำนาจ การศึกษา กระบวนการยุติธรรม ต้านคอร์รัปชัน และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี

วันนี้ (3 ธ.ค.) นายประดิษฐ์ วรรณรัตน์ อธิการบดีสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ในฐานะรักษาการประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ปทอ.) พร้อมสมาชิกเข้ายื่นข้อเสนอแนะจากคณะทำงานการปฏิรูปด้านการเมือง ปทอ. ที่มีนายสมคิด เลิศไพฑูรย์ เป็นประธานที่ประชุม ต่อนายเทียนฉาย กีระนันท์ ประธานสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อประกอบการพิจารณาต่อไป

ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะจาก ทปอ.แบ่งออกเป็น 6 ด้าน ได้แก่ 1. การปฏิรูปโครงสร้างอำนาจทางการเมือง โดยให้แยกอำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติออกจากกันโดยทั้งสองอำนาจต่างยึดโยงมาจากประชาชน คือ ให้มีการเลือกตั้งนายกฯ โดยตรงจากประชาชนแบบเดียวกับผู้ว่าฯ กทม. หรือนายก อบจ. ส่วน ส.ส.มีที่มาจาก 2 ช่องทางคือ เลือกตั้งระบบเขตผู้สมัครไม่ต้องสังกัดพรรค และเลือกตั้งมาจากแต่ละสาขาอาชีพและห้าม ส.ส.ไปทำงานฝ่ายบริหาร รวมทั้งให้มีสภาพลเมืองไม่เกิน 900 คน มาจากประธานสภาเทศบาลเลือกกันเองอำเภอละ 1 คน เพื่อตรวจสอบการทำงานฝ่ายบริหารและสะท้อนปัญหา การปฏิรูปพรรคการเมือง ให้ไม่ถูกครอบงำจากกลุ่มทุน เป็นสถาบันการเมืองยั่งยืน มีสมาชิกกระจายอยู่ทุกภาค ปฏิรูประบบผลตอบแทนให้สมฐานะทั้งฝ่ายบริหาร และนิติบัญญัติ จัดระบบสวัสดิการที่เหมาะสม กำหนดข้อห้ามต่างๆ เพื่อป้องกันการทุจริตและผลประโยชน์ทับซ้อน

2. ปฏิรูปการกระจายอำนาจ เพิ่มอำนาจสภาท้องถิ่นในการตรวจสอบถ่วงดุลย์อำนาจให้เป็นจริง มีกฎหมายลูกรองรับบทบัญญัติจากรัฐธรมนูญเกี่ยวกับท้องถิ่น กำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมืองท้องถิ่นด้วยกระบวนการการเมืองของพลเมืองเพื่อต้องการคนดีเข้ามาใช้อำนาจรัฐในโครงสร้างที่ดี เพิ่มองค์กรตรวจสอบคุณภาพบริการสาธารณะ เพื่อเสริมการทำหน้าที่การกำกับการควบคุมการทำงานของท้องถิ่น เพิ่มอำนาจในการจัดเก็บรายได้ให้อำนาจและบทบาทองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น มีหน้าที่จัดเก็บภาษีโดยตรงมากขึ้น

3. ปฏิรูปการศึกษา มีเป้าหมายให้สามารถผลิตและพัฒนาบุคลากรที่มีคุณภาพและผลิตภาพสูงขึ้น โดยปฏิรูปครูผ่านกระบวนการคัดครองตั้งแต่ครูขั้นพื้นฐานจนถึงระดับอุดมศึกษามีกลไกการผลิตและพัฒนาครูต่อเนื่อง มีมาตรการจูงใจให้เข้าสู่สภาวิชาชีพครู จัดการศึกษาที่มีคุณภาพอย่างทั่วถึง ลดความเหลื่อมล้ำ ปฏิรูปการบริหารจัดการกระจายอำนาจทางการศึกษา วางกลไกการจัดการบนฐานการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ

4. การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม แก้ปัญหาและพัฒนาระบบยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพพร้อมนำแนวคิดยุติธรรมทางเลือกมาช่วยเสริมการทำให้เกิดกระบวนการยุติธรรมแบบมีส่วนร่วมของชุมชน ทำให้เกิดการคุ้มครองสิทธิที่ครอบคุลมทั้งต่อผู้เสียหาย ผู้ต้องหา จำเลย และผู้ต้องโทษ เปิดให้ประชาชนตรวจสอบการทำงานของหน่วยงานด้านยุติธรรม ปรับปรุงอัตราโทษให้เหมาะกับยุคสมัย

5. ปฏิรูปการต่อต้านคอรัปชัน ซึ่งกำหนดขอบเขตการศึกษาแค่ สถาบันอุดมศึกษา พรรคการเมือง องค์กรบริหารส่วนจังหวัด คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) โดยลดแรงจูงใจใฝ่คอรัปชั่น ลดการหวังผลจากการคอรัปชั่นที่เป็นเงินหรือสิทธิประโยชน์เป็นกอบเป็นกำ และเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดแก่ผู้ที่เล็งว่าควรจะทุจริตหรือไม่โดยการเพิ่มความโปร่งใส ตรวจสอบได้ รวมทั้งเพิ่มความจริงจังแก่ผู้รับผิดชอบ

6. ปฏิรูปด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพิ่มค่าใช้จ่ายวิจัยและพัฒนาราวมของประเทศ เพิ่มสัดสว่นการลงทุนวิจัยภาคเอกชน 70% ภาครัฐ 30% จำเป็นต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น อุทยานวิทยาศาสตร์ภูมิภาค ห้องปฏิบัติการหรือศูนย์ความเป็นเลิศทางการวิจัยระดับชาติ การจัดการทรัพย์สินทางปัญญา

ด้านนายเทียนฉายกล่าวว่า จะนำข้อมูลที่ได้นี้ไปสังเคราะห์ใช้ประโยชน์ในการปฏิรูปต่อไป นอกจากนี้ในส่วนของข้อเสนอที่ปรากฏจากคณะกรรมาธิการชุดต่างๆ ที่ปรากฏเวลานี้เป็นเพียงเแค่ข้อสรุปที่ได้จากในชั้นกรรมาธิการเท่านั้นยังต้องนำไปพิจารณาในที่ประชุม สปช.และอาจมีความเห็นเพิ่มเติมต่อไป โดยจะเริ่มประชุมวันที่ 15-17 ธ.ค. และพิจารณาขัดเกลาวันสุดท้าย 18 ธ.ค. เพื่อส่งให้ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 19 ธ.ค. และจะมีการแถลงรายละเอียดครั้งใหญ่ในวันดังกล่าวด้วย



กำลังโหลดความคิดเห็น