ผอ.สวรส. ยื่นหนังสือ ป.ป.ท. ขอคุ้มครองพยาน สกัดถูกตั้ง คกก. สอบข้อเท็จจริง หลังเปิดโปงเบาะแสการทุจริตภายในหน่วยงาน พร้อมขอไต่สวนรองนายกฯ รมว.- รมช.สาธารณสุข หลังเมินเฉยต่อการแจ้งเบาะแส
วันนี้ (4 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อขอให้คุ้มครองตนในฐานะพยานแจ้งเบาะแสการทุจริตภายใน สวรส. รวมถึงขอให้ไต่สวนการทุจริตประพฤติมิชอบของ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข และ นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลกำกับ สธ.
ศ.นพ.สมเกียรติ กล่าวว่า ในการมายื่นหนังสือที่ ป.ป.ท. ในครั้งนี้ เพราะหลังจากที่ตนแจ้งเบาะแสการทุจริตต่อรองนายกฯ รมว.สาธารณสุข และ รมช.สาธารณสุข แล้ว กลับไม่ได้รับการตอบสนอง ที่สำคัญ รมช.สาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สวรส.ยังแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตนเองด้วย ที่ผ่านมาได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว รวมไปถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ ป.ป.ช. แนะนำว่าให้ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ท. เพราะตามความนัยของข้อ 5 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 69/2557 ที่กำหนดว่าให้ ป.ป.ท. ดำเนินการแสวงหา รวบรวมและดำเนินการอื่นใด เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในการที่จะทราบรายละเอียดและพิสูจน์เกี่ยวกับการทุจริตในภาครัฐ ซึ่งมีการดำเนินงานที่รวดเร็วกว่า ป.ป.ช. ทั้งนี้ หากได้รับการคุ้มครองพยานก็จะช่วยป้องกันตนจากอำนาจทางการเมือง รวมไปถึงการสั่งตั้งกรรมการสอบด้วย นอกจากนี้ ยังขอให้ช่วยไต่สวนว่าบุคคลทั้ง 3 ด้วยว่า เหตุใดจึงไม่เร่งตรวจสอบทุจริตที่ตนแจ้งเบาะแส
“ที่ยิ่งต้องไต่สวน คือ รมช.สาธารณสุข ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเป็นอย่างดีกับอดีตผู้บริหาร สวรส. ทั้งนี้ จะให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ สวรส. ที่ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการทำงานของผม ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาด้วย ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง ซึ่งผมไม่รู้ว่าแต่ละคนที่ลงชื่อไปนั้นถูกหลอกให้ลงชื่อหรือไม่ อย่างไรก็คงต้องให้ตรวจสอบทั้ง 18 คน” ผอ.สวรส. กล่าว
ศ.นพ.สมเกียรติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้แจ้งเบาะแสการทุจริตที่เกิดขึ้นใน สวรส. โดยรายงานสถานการณ์ปัจจุบันของ สวรส. ต่อ รมว.สาธารณสุข และรองนายกฯ ถึงความไม่โปร่งใสจากการบริหารของอดีตผู้บริหาร สวรส. จนก่อให้เกิดความเสียหาย ต้องฟ้องศาลปกครองเรียกเงินคืน 1,746,580 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 รวมถึงมีรายงานจากองค์กรสนับสนุนทุนวิจัยประเทศแคนาดา (IDRC) ว่าตรวจพบความไม่โปร่งใสในระบบการเบิกจ่ายเงิน อันมีต้นเหตุจากคำสั่งสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขที่ 28/2551 สั่ง ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2551 ลงนามโดย นพ.พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข ผอ.สวรส. ในขณะนั้น ซึ่งปัจจุบันเป็นทีมสนับสนุนวิชาการของรัฐมนตรี สธ.
“จากนั้นผมได้นำเรื่องเรียนต่อ รมช.สาธารณสุข เพื่อนำเข้าสู่การวาระการประชุมของบอร์ด สวรส.ในวันที่ 17 พ.ย. 2557 แต่ รมช.สาธารณสุข กลับสั่งให้เลื่อนการประชุมออกไปโดยไม่มีกำหนด และแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนเคยรับเงินวิจัยจาก สวรส. ผมได้คัดค้านไปยังรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแล สธ. และ รมว.สาธารณสุข นอกจากไม่มีการตอบสนองใดๆ แล้ว ยังเร่งผลักดันให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบรายชื่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่คัดเลือกโดยไม่กลั่นกรองผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งผมได้ทำหนังสือคัดค้านไปยังท่านนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา กลับมีการเร่งรัดประชุมบอร์ด สวรส. และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงผม โดยหาว่าผมกระทำผิด ทั้งที่ผลการประเมินการปฏิบัติอยู่ระดับดีมาก ผมจึงได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาสั่งการให้ได้รับการคุ้มครองในฐานะพยาน” ผอ.สวรส. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่
วันนี้ (4 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศ.นพ.สมเกียรติ วัฒนศิริชัยกุล ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ได้เดินทางไปยื่นหนังสือถึงเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เพื่อขอให้คุ้มครองตนในฐานะพยานแจ้งเบาะแสการทุจริตภายใน สวรส. รวมถึงขอให้ไต่สวนการทุจริตประพฤติมิชอบของ นพ.สมศักดิ์ ชุณหรัศมิ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ศ.นพ.รัชตะ รัชตะนาวิน รมว.สาธารณสุข และ นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรีที่ดูแลกำกับ สธ.
ศ.นพ.สมเกียรติ กล่าวว่า ในการมายื่นหนังสือที่ ป.ป.ท. ในครั้งนี้ เพราะหลังจากที่ตนแจ้งเบาะแสการทุจริตต่อรองนายกฯ รมว.สาธารณสุข และ รมช.สาธารณสุข แล้ว กลับไม่ได้รับการตอบสนอง ที่สำคัญ รมช.สาธารณสุข ในฐานะประธานบอร์ด สวรส.ยังแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตนเองด้วย ที่ผ่านมาได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีแล้ว รวมไปถึงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แต่ ป.ป.ช. แนะนำว่าให้ยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ท. เพราะตามความนัยของข้อ 5 คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 69/2557 ที่กำหนดว่าให้ ป.ป.ท. ดำเนินการแสวงหา รวบรวมและดำเนินการอื่นใด เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานในการที่จะทราบรายละเอียดและพิสูจน์เกี่ยวกับการทุจริตในภาครัฐ ซึ่งมีการดำเนินงานที่รวดเร็วกว่า ป.ป.ช. ทั้งนี้ หากได้รับการคุ้มครองพยานก็จะช่วยป้องกันตนจากอำนาจทางการเมือง รวมไปถึงการสั่งตั้งกรรมการสอบด้วย นอกจากนี้ ยังขอให้ช่วยไต่สวนว่าบุคคลทั้ง 3 ด้วยว่า เหตุใดจึงไม่เร่งตรวจสอบทุจริตที่ตนแจ้งเบาะแส
“ที่ยิ่งต้องไต่สวน คือ รมช.สาธารณสุข ที่มีความสัมพันธ์เชื่อมโยงเป็นอย่างดีกับอดีตผู้บริหาร สวรส. ทั้งนี้ จะให้ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ สวรส. ที่ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการทำงานของผม ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาด้วย ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริง ซึ่งผมไม่รู้ว่าแต่ละคนที่ลงชื่อไปนั้นถูกหลอกให้ลงชื่อหรือไม่ อย่างไรก็คงต้องให้ตรวจสอบทั้ง 18 คน” ผอ.สวรส. กล่าว
ศ.นพ.สมเกียรติ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ตนได้แจ้งเบาะแสการทุจริตที่เกิดขึ้นใน สวรส. โดยรายงานสถานการณ์ปัจจุบันของ สวรส. ต่อ รมว.สาธารณสุข และรองนายกฯ ถึงความไม่โปร่งใสจากการบริหารของอดีตผู้บริหาร สวรส. จนก่อให้เกิดความเสียหาย ต้องฟ้องศาลปกครองเรียกเงินคืน 1,746,580 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 รวมถึงมีรายงานจากองค์กรสนับสนุนทุนวิจัยประเทศแคนาดา (IDRC) ว่าตรวจพบความไม่โปร่งใสในระบบการเบิกจ่ายเงิน อันมีต้นเหตุจากคำสั่งสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขที่ 28/2551 สั่ง ณ วันที่ 15 กรกฎาคม 2551 ลงนามโดย นพ.พงษ์พิสุทธิ์ จงอุดมสุข ผอ.สวรส. ในขณะนั้น ซึ่งปัจจุบันเป็นทีมสนับสนุนวิชาการของรัฐมนตรี สธ.
“จากนั้นผมได้นำเรื่องเรียนต่อ รมช.สาธารณสุข เพื่อนำเข้าสู่การวาระการประชุมของบอร์ด สวรส.ในวันที่ 17 พ.ย. 2557 แต่ รมช.สาธารณสุข กลับสั่งให้เลื่อนการประชุมออกไปโดยไม่มีกำหนด และแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและคัดเลือกกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ซึ่งมีผลประโยชน์ทับซ้อนเคยรับเงินวิจัยจาก สวรส. ผมได้คัดค้านไปยังรองนายกรัฐมนตรีที่ดูแล สธ. และ รมว.สาธารณสุข นอกจากไม่มีการตอบสนองใดๆ แล้ว ยังเร่งผลักดันให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบรายชื่อกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่คัดเลือกโดยไม่กลั่นกรองผลประโยชน์ทับซ้อน ซึ่งผมได้ทำหนังสือคัดค้านไปยังท่านนายกรัฐมนตรี แต่สุดท้ายเมื่อวันที่ 27 พ.ย. ที่ผ่านมา กลับมีการเร่งรัดประชุมบอร์ด สวรส. และแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงผม โดยหาว่าผมกระทำผิด ทั้งที่ผลการประเมินการปฏิบัติอยู่ระดับดีมาก ผมจึงได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาสั่งการให้ได้รับการคุ้มครองในฐานะพยาน” ผอ.สวรส. กล่าว
ติดตาม Facebook Fanpage ของ “Quality of Life” ได้ที่