ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ใกล้ชี้ชะตาอนาคตทางการเมืองเข้ามาทุกขณะ สำหรับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่อยู่ในช่วงถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ส่งขึ้นเขียงเตรียมพิจารณาคดีถอดถอนออกจากตำแหน่ง
กรณีละเว้นไม่ระงับความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว ตามสำนวนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องมาให้ สนช.ดำเนินการถอดถอน
วางเกมล็อกเป้าด้วยแผนบันได 5 ขั้น สอย “ปู”หลุดจากกระดอง !!!
บันไดขั้นแรก ประเดิมคิวพิจารณานัดแรกในวันที่ 28 พ.ย. เพื่อกำหนดแนวทางการไต่สวนคดี ก่อนเดินเครื่องเข้าสู่บันไดขั้นที่สอง นัดแถลงเปิดคดี เรียกตัวแทนฝ่าย ป.ป.ช. และตัวแทนฝ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ มาแถลงเปิดคดีให้ข้อมูลต่อที่ประชุมสนช. ขั้นที่สาม เรียกพยานมาให้ข้อมูลต่อที่ประชุมสนช. ตามด้วยบันไดขั้นที่สี่ การแถลงปิดคดีของคู่ความทั้งสองฝ่าย ก่อนปิดท้ายด้วยการลงมติถอดถอนในขั้นตอนสุดท้าย
กางปฏิทินการเมืองคำนวณแผนบันได 5 ขั้น น่าจะอยู่ในช่วงเวลาประมาณ 45-60 วัน หรือประมาณต้นปี 58 น่าจะได้รู้ผลคดีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์
การเล่นเกมเร็วสอย“ยิ่งลักษณ์”พ้นถนนการเมืองครั้งนี้ อดีตนายกฯ จอมตีกรรเชียง ต้องเปลี่ยนเป็นท่ากบ พุ่งหน้าเข้าหาดิ้นรนสู้สุดฤทธิ์ ปักหลักสู้ข้อกล่าวหาทุกวิถีทางให้รอดพ้นจากกระบวนการถอดถอน เพราะมีอนาคต เรื่องการถูกตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี เป็นเดิมพัน อันจะส่งผลให้ต้องเปลี่ยนบทจากผู้เล่นกัปตันทีม ไปเป็นผู้ชมอยู่ข้างสนามแทน ไม่มีแม้แต่เก้าอี้ตัวสำรอง !!!
ช่วงนี้จึงเห็นการเดินเกมของทีมทนายความ “นายกฯปู”ยื่นหนังสือคัดค้านกระบวนการถอดถอน ต่อลมหายใจช่วย“ยิ่งลักษณ์” กันมือระวิง เพื่อตัดเกมกระบวนการถอดถอนเกิดขึ้น หรืออย่างน้อยก็ประวิงเวลา ยื้อกระบวนการถอดถอนออกไปให้นานที่สุด
หลังจากนี้คงได้เห็นกลยุทธ์ของทีมทนายความอดีตนายกฯ“ยิ่งลักษณ์”ใช้แทกติกดึงเวลากระบวนการถอดถอนออกไปอีกหลายยก หวังลากยาวขั้นตอนการพิจารณาคดีของสนช.ออกไปให้นานที่สุด
เพราะ “ยิ่งลักษณ์”เอง ก็ไม่วางใจอนาคตทางการเมืองของตัวเองที่อยู่ในอุ้งมือของ สนช.ว่า จะออกมาในรูปใด
ทั้งยังแตะมือแท็กทีมกับอดีตเครือข่ายนายใหญ่คอยผสมโรงดิสเครดิตกระบวนการพิจารณาคดีของ ป.ป.ช. ขุดเรื่องเก่าจนสำนวนขึ้นรา อย่าง คดีองค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.)ยุครัฐบาล นายชวน หลีกภัย และการถอดถอน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี มาเล่นอีกรอบ เพื่อลดทอนความน่าเชื่อถือของป.ป.ช. ในห้วงเวลาที่อดีต “นายกฯปู”กำลังถูกรุกไล่ใกล้จนกระดาน
ไม่รู้จะออกมุกไหน เลยใช้วิธีการข้าเลวเอ็งก็ชั่ว มั่วซั่วกันไปแบบดิบๆ จี้จุดไปที่มาตรฐานป.ป.ช. ซึ่งก็ได้ผลอยู่เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ากระบวนการถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะต้องใช้คะแนนเสียงสูงถึง 3 ใน 5 ของสมาชิกสนช. ทั้งหมด หรือ 132 เสียงขึ้นไป แต่ในสภาวะการเมืองยามนี้ ที่มีการส่งสัญญาณอันตราย ตั้งโจทย์ล้างบางขั้วการเมืองเก่า ไล่ล้างเครือข่ายนายใหญ่ยกเข่ง ทำให้ “ยิ่งลักษณ์”ต้องยืนขาสั่น ไม่กล้าเสี่ยงวัดดวงลุ้นการลงดาบจากที่ประชุมสนช. ที่มีเครือข่ายต่อต้าน“ทักษิณ”ร่วมวงจำนวนมาก
ยังไม่รวมถึงคิวระทึกคดีอื่นๆของ“ยิ่งลักษณ์”ที่อยู่ในสารบบบัญชีของป.ป.ช. ที่จ่อตามอีกหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)โดยมิชอบ โดยมีอดีตรัฐมนตรีร่วมติดร่างแหมาอีก 33 คน
กระนั้นก็ตามคิวที่ “ยิ่งลักษณ์”ลุ้นระทึกมากที่สุด ไม่ใช่เรื่องคดีถอดถอน แต่เป็นการพิจารณาคดีอาญาโครงการจำนำข้าว ซึ่งป.ป.ช.ลงมติชี้มูลความผิด“ยิ่งลักษณ์”ไปเรียบร้อยแล้ว ข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ยับยั้งความเสียหายในโครงการจำนำข้าว จนทำให้เกิดความเสียหายในโครงการหลายแสนล้านบาท
เนื่องจากเป็นคดีที่ต่อสู้ชี้ขาดกันในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพียงศาลเดียว ม้วนเดียวจบ ไม่มีโอกาสแก้ตัวสู้ในชั้นอุทธรณ์ ฎีกา เหมือนคดีในศาลยุติธรรมทั่วไป
ถ้าต้องมีอันเป็นไป ถูกชี้ว่ามีความผิดจริง นั่นหมายความว่า ต้องติดคุกสถานเดียว โอกาสเดินตามรอยพี่ชาย “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯนักโทษ ที่ถูกศาลฎีกาฯตัดสินจำคุก 2 ปี ในคดีการซื้อขายที่ดินรัชดาฯ ต้องเดินทางหนีออกนอกประเทศ สูงลิบลิ่ว เรื่องนี้หนักหนาสาหัสกว่าคดีถอดถอนของสนช. ที่มีโทษสูงสุดแค่โทษเว้นวรรค ถูกพักยาวทางการเมือง
จึงเป็นชนักปักหลังที่ “นายกฯปู” หวาดหวั่นมากที่สุด ไม่อยากให้กงล้อประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นกับพี่ชายซ้ำรอยมาถึงตัวเอง จึงต้องตั้งป้อมสู้คดีอย่างถึงที่สุด เพื่อไม่ให้ต้องเจอการจองจำเป็นบทสรุปสุดท้าย
อย่างไรก็ตาม “ยิ่งลักษณ์” ยังมีโอกาสได้หายใจยาวๆ เตรียมตัวสู้คดีพักใหญ่ เนื่องจากคดียังอยู่ขั้นตอนการตั้งคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุดกับป.ป.ช. ทบทวนข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดี แม้จะประชุมกันมาแล้วหลายรอบ แต่ก็ยังหาข้อสรุปไม่ได้ว่าอัยการสูงสุดจะเป็นผู้ส่งฟ้องคดีดังกล่าวต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองให้หรือไม่ ทั้งสองฝ่ายยังเห็นไม่ลงรอยเรื่องพยานหลักฐานในสำนวน
ประเมินทิศทางแล้ว โอกาสที่ป.ป.ช.จะต้องเป็นผู้ยื่นฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเองมีความเป็นไปได้สูงมาก เพราะอัยการสูงสุดคงไม่ฟ้องให้ เพราะเห็นว่าหลักฐานของฝ่ายป.ป.ช.ยังไม่สมบูรณ์เพียงพอ
คำนวณแล้ว“ยิ่งลักษณ์”ยังมีเวลาตั้งหลัก สู้คดีได้อีกยาวนานกว่าที่คดีจะขึ้นสู่ชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง และกว่าที่ศาลฎีกาฯจะนัดสืบพยาน นัดตัดสินคดีคงใช้เวลาอีกพักใหญ่ ไม่น่าจะต่ำกว่า 4-5 เดือน
หันไปสำรวจตรวจตราสถานการณ์บ้านเมืองยามนี้แล้ว น่ากังวลกับแรงเสียดทานจากกลุ่มต่อต้านต่างๆที่เริ่มจะขยับออกมาลองของรัฐบาล และคสช.มากขึ้น เห็นได้จากสัญญาณเตือนจากการลงพื้นที่จ.ขอนแก่น ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ที่ถูกโปรยใบปลิวต่อต้น และถูกกลุ่มนักศึกษา ชูสัญลักษณ์สามนิ้วต้านการทำรัฐประหาร หยามต่อหน้านายกรัฐมนตรี
เป็นการส่งสัญญาณเตือนจากคลื่นใต้น้ำในพื้นที่เรดโซนของเครือข่ายนายใหญ่ พร้อมแสดงอิทธิฤทธิ์สร้างความสั่นไหวก่อเกิดสึนามิได้ตลอดเวลา
ยิ่งหากมีการปลดล็อกกฎอัยการศึกเมื่อไร จะยิ่งมีการลองของจากกลุ่มคลื่นใต้น้ำมาลองเชิงรัฐบาลและคสช.ขวางขบวนปฏิรูป และการยกร่างรัฐธรรมนูญมากยิ่งขึ้น ไม่ให้ขบวนการแม่น้ำ 5 สายได้แก่ คสช. ครม. สนช. สปช.และคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ สานฝันโรดแม็ปปรองดองได้สำเร็จ
โดยเฉพาะช่วงใกล้ตัดสินคดีน.ส.ยิ่งลักษณ์ ของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะยิ่งมีแรงกดดันของกลุ่มต่อต้านออกมามากและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ปลุกเร้าเพิ่มอุณหภูมิการเมือง พร้อมปฏิบัติการช่วยอดีตนายกฯหญิงไม่ให้เดินเข้าสู่แดนประหาร ถึงชั่วโมงนั้นเหตุการณ์อาจถึงจุดพีค ละเลงกันเละเทะไม่สนใจขื่อแปกฎหมายบ้านเมือง สร้างวิกฤติรอบใหม่ทำลายความสงบสุขประเทศ
บ้านเมืองอาจลุกเป็นไฟอีกครั้งจากการปกป้องคนในตระกูลชินวัตร อีกหน !!!