xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

แฉความลับ “เสธ.น้ำเงิน”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -นับตั้งแต่เกิดการชุมนุมของ กปปส. จะเห็นได้ว่าชื่อของ “เสธ.น้ำเงิน” ปรากฏเป็นข่าวในสังคมออนไลน์และพื้นที่ตามข่าวต่างๆ เนื่องจากเขาเป็นเจ้าของเพจ “แฉ...ความลับ” หรือ Top Secret Thailand ที่มีการวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองแบบรายวัน ชนิดถึงพริกถึงขิง

จุดเด่นของเสธ.น้ำเงิน คือการเกาะติดความเคลื่อนไหวของบุคคลสำคัญ ในรัฐบาล รวมถึงฝ่ายตรงข้าม กปปส. โดยเฉพาะเรื่องอินไซต์อย่างเช่น กรณีมือป๊อบคอร์นจะปฏิบัติการอย่างไรบ้าง มียุทธวิธีอย่างไร เสธ.น้ำเงินคนนี้ รู้หมด ทำให้เขากลายเป็นกระแสสังคม มีแฟนเพจกดไลค์เป็นจำนวนมาก

วันนี้ แฟนเพจแฉ...ความลับของเสธ.น้ำเงินมียอดคนกดไลค์เกือบ 4 แสนคน ผู้คนในแวดวงการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งแกนนำของ กปปส. มักจะกดแชร์ข้อความของเสธ.น้ำเงินในโซเซียลมีเดียประจำ

ดังนั้น ตัวละครอย่าง “เสธ.น้ำเงิน” ถือว่าน่าสนใจไม่น้อย

ยุทธการ IO แผนพิฆาตข่าวมวลชน

แน่นอน คำถามแรกที่สังคมกระหายใคร่รู้ก็คือ เสธ.น้ำเงินเป็นใคร?

ไม่มีใครทราบว่า เสธ.น้ำเงินคือใคร เนื่องจากเขาไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนให้ได้รับรู้อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

และถ้าจะว่าไปแล้ว เสธ.น้ำเงินเป็นใคร ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

เพราะเมื่อวิเคราะห์และติดตามบทบาทของ เสธ.น้ำเงินกระทั่งถึงวันนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า เสธ.น้ำเงินคือ “หน่วยปฏิบัติทางทหารและหน่วยงานด้านความมั่นคง” หรือที่ศัพท์แสงทางการทหารเรียกขานกันว่า “IO“ หรือ “Information Operations”

หน้าที่ของ เสธ.น้ำเงินคือเป็น “ไพ่ของทหาร” ซึ่งมีหน้าที่เป็นกระบอกเสียงและโฆษณาชวนเชื่อให้กองทัพ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือใช้หล่อเลี้ยงหรือกล่อมคนที่ไม่เอาระบอบทักษิณ

เพียงแค่ภาพโปรไฟล์ของเพจ “แฉ..ความลับ” ที่เขียนเอา
ไว้ว่า “รัฐประหารแล้วประชาชนมีความสุข ดีกว่าเลือกตั้งแล้วประชาชนมีความทุกข์” ก็สะท้อนให้เห็นจุดยืนของเสธ.น้ำเงินแล้วว่า ทำงานรับใช้ใคร

ทั้งนี้ ถ้าจะว่าไปแล้ว วิธีที่ฝ่ายทหารเดินเกมโดยให้ เสธ.น้ำเงินเป็นฝ่าย โฆษณาชวนเชื่อนั้น ถือเป็นยุทธการที่ฝ่ายทหารใช้มาอย่างต่อเนื่องโดยเป็นหนึ่งในปฏิบัติการทางทหารที่รู้จักกันในชื่อ “IO” ซึ่งหมายถึงยุทธการทางข้อมูลข่าวสาร โดยการใช้โครงข่ายอินเทอร์เน็ตและอิเล็กทรอนิกส์, จิตวิทยามวลชน และภาพมายาทางทหาร เพื่อใช้จัดการข้อมูลข่าวสารทั้งของฝ่ายตนเอง และฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้เป็นเครื่องมือสร้างความได้เปรียบของฝ่ายตัวเอง

หน่วยงานใต้ดินอย่าง เสธ.น้ำเงินถูกใช้กันอย่างกว้างขวางในทุกหน่วยงาน ความมั่นคงในโลกนี้ ยกตัวอย่างเช่นที่ประเทศจีนซึ่งให้ความสำคัญของการโฆษณาชวนเชื่อและยุทธการข่าวสารนี้ไม่น้อย จึงได้ห้ามให้มีการใช้เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และกูเกิ้ลสัญชาติอเมริกัน เพื่อเป็นการควบคุมการรับข้อมูลข่าวสารของประชาชนชาวจีน อันอาจจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของรัฐบาลจีนได้ ในขณะเดียวกันจีนก็ไม่ทิ้งยุทธการ IO โดยมีการใช้ให้ “นายแจ๊ค หม่า” ผู้ก่อตั้ง "อาลีบาบา" เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของจีน และได้ชื่อว่าเป็นผู้ร่ำรวย ที่สุดของประเทศเป็นกระบอกเสียงให้ ในยามที่รัฐบาลจีนต้องการสื่อสารข้อความกับประชาชน

เฉกเช่นเดียวรัฐบาลอเมริกันที่มี “กูเกิ้ล” เป็นเรือธงในการทำหน้าที่เป็นหน่วย IO

ดังนั้น เมื่อจีนมี “นายแจ๊ค หม่า” เมื่อรัฐบาลอเมริกันมีกูเกิ้ล เป็นกระบอกเสียงให้ ฝ่ายกองทัพไทยก็มี “เสธ.น้ำเงิน” เป็นกระบอกเสียง แม้จะดำเนินคนละบทบาท แต่ก็ต้องถือว่า ทำหน้าที่ไม่แตกต่างกัน

ตามรอย เสธ.น้ำเงิน

หน้าที่ของเสธ.น้ำเงินคืออะไร

เมื่อวิเคราะห์ดูชื่อของ “เสธน้ำเงิน” ก็พบว่าน่าสนใจไม่น่อย เพราะเห็นแล้วว่าตั้งใจตั้งชื่อให้ตรงข้ามกับ “เสธ.แดง” หรือ “พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล” ที่รู้ๆ กันว่าเป็นคนของระบอบทักษิณ เป็นหนึ่งในแขนขาใต้ดินของคนเสื้อแดง

ดังนั้นชื่อ “เสธ.น้ำเงิน” จึงเหมือนเป็นการแสดงจุดยืนว่าอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายกลุ่มเสื้อแดง นั่นคืออยู่ฝ่ายเดียวกับกลุ่มของ กปปส.หรือกองทัพนั่นเอง



ใครที่ติดตามเพจ “แฉ...ความลับ” ของเสธ.น้ำเงินมาอย่างต่อเนื่อง มาจนถึงปัจจุบันก็จะพบข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้ว่า หน้าที่ของ เสธ.น้ำเงินคือการให้ข้อมูลข่าวสารในลักษณะของปฏิบัติการทางจิตวิทยาเพื่อหล่อเลี้ยงมวลชนในยามที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แกนนำ กปปส. ไม่สามารถตอบคำตอบของสังคมได้ หรือในห้วงเวลาที่สังคมพุ่งเป้ากดดันการทำหน้าที่ของฝ่ายทหารหลังเริ่มผิดความผิดปกติและความไม่ชอบมาพากล

และที่ผ่านมาเสธ.น้ำเงินปฏิบัติการฟีดข่าวสารเพื่อหล่อเลี้ยงมวลชนด้วยความ ขมีขมันมาโดยตลอด

ที่น่าสนใจกว่านั้นอยู่ตรงที่ “ตรรกะ” ของเสธ.น้ำเงิน

เสธ.น้ำเงินมี “ธง” ชัดเจนว่า ไม่ว่าอ้ายอีหน้าไหนที่บังอาจกล้าวิพากษ์วิจารณ์ทหารหรือรัฐบาลทหาร เสธ.น้ำเงินจะตอบโต้แบบไม่เลี้ยง เพราะถือว่า คนเหล่านั้นคือศัตรูของทหาร และเหมารวมเสร็จสรรพว่าเป็นพวกเดียวกับระบอบทักษิณไปโดยปริยาย ทั้งๆ ที่ความจริงมิได้เป็นเช่นนั้นทั้งหมด


ในช่วงที่มีการชุมนุมของ กปปส.จะเห็นได้ว่า ทั้งนายสุเทพและเสธ.น้ำ เงิน ทำงานสอดประสานกันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย โดยเฉพาะเสธ.น้ำเงินที่มีผู้สนใจ ติดตามแฟนเพจเป็นจำนวนมาก และข้อมูลของเสธ.น้ำเงินก็ถูกบรรดาแกนนำ กปปส. และผู้ร่วมชุมนุม กปปส.ในทุกสาขาวิชาชีพแชร์หรือส่งต่อกันเป็นจำนวนมาก

ถ้าหากจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพก็ต้องบอกว่า ถ้าหากนายสุเทพ เทือกสุบรรณหรือหลวงลุงกำนัน เป็น “หน่วยงานบนดิน” ของทหาร เสธ.น้ำเงินก็คงเป็น “หน่วยงานใต้ดิน” ของทหารที่กองทัพใช้สื่อสารกับประชาชน

หลังเกิดการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 สังเกตได้ว่าช่วงแรกๆ คะแนนนิยมของทหารพุ่งพรวด กลายเป็นจุดพีคที่สุดของกองทัพ ทหารกลายเป็นขวัญใจประชาชน ในห้วงเวลานั้น เสธ.น้ำเงินก็จะทำหน้าที่“ อวย” ฝ่ายคสช.ให้เห็นเป็นประจำ

ทว่า เวลาผ่านไป คะแนนของคสช. เริ่มตก เพราะหลายครั้งที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือรัฐบาลถูกตั้งคำถามในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการจับปลาซิวปลาสร้อยในคดีหมิ่นสถาบันพระกษัตริย์ โดยไม่สนใจจัดการตัวการใหญ่ที่อยู่เบื้องหลัง เรื่องคดีเกาะเต่าที่คนสงสัยว่าตำรวจจับแพะ แต่รัฐบาลทหารออกมารับประกันอย่างออกนอกหน้า, เรื่องที่อนุญาตให้ยิ่งลักษณ์เดินทางออกนอกประเทศ, เรื่องที่ยังปล่อยให้นช.ทักษิณ ลอยนวล หรือปัญหาปฏิรูปพลังงาน ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังหาข้อยุติไม่ได้ ยิ่งพล.อ. ประยุทธ์ ไฟเขียวให้เปิดสัมปทานใหม่ ก็ทำให้สังคมตั้งคำถามว่าทำไมต้องรีบสัมปทาน ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้เองกลายเป็นปัญหาที่ทำให้ความน่าเชื่อถือของ คสช.หรือรัฐบาลลดน้อยลงเป็นลำดับ

เมื่อเป็นเช่นนี้เอง ทำให้แผนการ “IO“ ถูกกลับนำมาใช้อีกครั้ง ทั้งบนดินโดยนายสุเทพที่วันนี้อยู่ในสมณเพศเป็นหลวงลุงกำนัน ทั้งใต้ดินกับการฟีดข้อมูลข่าวสารโจมตีฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์ของ เสธ.น้ำเงิน

ที่ต้องขีดเส้นใต้เอาไว้ก็คือเป็นไปอย่างดุเดือดไม่แพ้ช่วงการชุมนุมของ กปปส.เลยทีเดียว

กระนั้นก็ดีกล่าวสำหรับยุทธการบนดินนั้น ณ ห้วงเวลานี้ “หลวงลุงกำนัน” กำลังปฏิบัติการบนดินด้วยการเดินสายเทศน์เพื่อปกป้องรัฐบาลทหาร รับประกันว่าเป็นคนดี และสะกดไม่ให้มวลชน กปปส.เคลื่อนไหวที่ต่อต้าน

“ในใจเรามวลมหาประชาชนก็ฝากความหวังไว้ที่ พล.อ.ประยุทธ์มาก เพราะ พล.อ.ประยุทธ์เราเห็นว่าเป็นคนซื่อสัตย์สุจริต เป็นคนจงรักภักดีต่อแผ่นดิน และเราชื่อว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นคนจริง ทำจริง ยังไงก็ต้องผลักดันการปฏิรูปประเทศไปในทิศทางที่ประชาชนเขาตั้งความหวังไว้ เพราะฉะนั้น เรา กปปส.มวลมหาประชาชนก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรในขณะนี้ อยู่เฉย เข้าวัดเข้าวา ศึกษาธรรมะ ปฏิบัติธรรมะไป ปล่อยให้ พล.อ.ประยุทธ์ได้บริหารบ้านเมืองไปโดยไม่มีแรงกดดันจากฝ่ายเราใดๆ ทั้งสิ้น”

หรือประโยคที่บอกว่า

“อาตมาไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ อาตมาเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำที่เหมาะสมในสถานการณ์เช่นนี้ ที่จะพาประเทศไปหาแสงสว่างได้ตามเจตนารมณ์ของประชาชน พล.อ.ประยุทธ์ที่อาตมารู้จักเป็นคนที่ซื่อสัตย์สุจริต เป็นคนที่จงรักภักดีต่อแผ่นดิน ไม่มีข้อสงสัย ดังนั้น อาตมามั่นใจ ไว้ว่างใจและอาตมาก็ได้บอกสมาชิก กปปส.ของอาตมาว่าให้ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ให้เอาใจช่วย อย่าไปสร้างแรงกดดัน ทำให้เขาเสียกำลังใจ ช่วยเขา มีความคิดความอ่านอะไรก็บอกเขา”

นั่นคือ ภารกิจที่หลวงลุงกำนันดำเนินอยู่อย่างต่อเนื่องในขณะนี้

และเมื่อบทบาทของหลวงลุงกำนันถูกจำกัดด้วย ไม่สามารถทำอะไรโฉ่งฉ่างได้มาก เพราะอยู่ในบทบาทของพระภิกษุสงฆ์ ซึ่งจะน่าเกลียดเกินไปหากเปิดหน้าโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างเต็มตัว ด้วยเหตุดังกล่าวยุทธการใต้ดินโดย “เสธ.น้ำเงิน” จึงต้องเข้ามาทำหน้าที่ชดเชยในส่วนที่ขาดหายไป



เมื่อเห็นว่ามีการตำหนิหลวงลุงกำนันที่ออกมาพูดเรื่อง การเมือง มีการตำหนิรัฐบาลทหาร เสธ.น้ำเงิน ก็ออกมาโพสต์ข้อความโจมตีกลุ่มที่อยู่ตรงข้าม เช่น ข้อความที่เสธ.น้ำเงินโพสต์ในวันที่ 26 ต.ค. ซึ่งระบุว่ามีแก๊งออกมา "แบ่งงานกันทำ ความเหมือนที่แตกต่าง" โดยบอกว่าจากการข่าวสายลับที่แฝงตัวเข้าไปพบว่า แกนนำอย่างน้อย 4 แก๊ง มีการนัดหารือลับกัน ในสถานที่แห่งหนึ่ง ในกรุงเทพฯ ซึ่งในบรรดาแกนนำขาใหญ่เหล่านั้น เสธ.น้ำเงินระบุว่า ประกอบด้วย แก๊งติดอาวุธแดง นปช. , แก๊งเคลื่อนไหวพลังงาน , แก๊งสภาท่าพระจันทร์ , แก๊งพิราบกระป๋อง , สื่อมวลชินแดง และมีตัวเชื่อมกลางเป็นกลุ่มทุนสายอำนาจเก่า และหวั่นเกรงเรื่องภาษีมรดก ที่จะเก็บคนรวยเอามาให้คนจน โดยทั้งหมดได้บรรลุพันธกิจหลักๆ โดยย่อ คือต้องการ “ขย่มรัฐบาลชุดนี้ให้สั่นคลอน ตามความถนัดของแต่ละแก๊ง”

นอกจากนั้นยังระบุว่าแก๊งเหล่านี้พุ่งเป้าโจมตี บิ๊กตู่ พระสุเทพ หลวงปู่ โดยเสธ.น้ำเงินกล่าวว่า

“แก๊งสภาท่าพระจันทร์ ก็ดูหมิ่นนักบวชที่ประพฤติดีประพฤติชอบในศาสนา โดยการโจมตีสร้างภาพพระสุเทพ ไว้หน้าปกนิตยสาร เป็นการเหยียดหยามน้ำใจชาวพุทธและมวลชน กปปส. และผู้ที่เคารพอย่างมาก ไม่น่าเชื่อว่าแก๊งนี้จะเพี้ยนสมองกลับทำได้ถึงเพียงนี้ ช่างตลกร้ายนัก

“แก๊งเคลื่อนไหวพลังงาน ก็เร่งเร้ามวลชนในสังกัดอย่างหนัก สร้างภาพว่าบิ๊กตู่ ทำความเสียหายให้ชาติ ในการเปิดสำรวจปิโตรเลียมรอบที่ 21 ทั้งๆ ที่เป็นสิ่งที่ชาติควรจะได้รับ แล้วการสำรวจฯ พลังงาน มันไม่ดีตรงไหน ?? แค่เปิด “สำรวจ” ประเทศชาติยังได้รับค่าธรรมเนียมว่าเข้าคลัง 5,000 บาท มาเป็นสวัสดิการสังคม ค่ายาคนป่วย ค่าเรียนฟรีของเด็กๆ

“จากนั้นแก๊งเคลื่อนไหวพลังงาน ก็อัดด่าทอหลวงปู่พระที่ดี อย่างหนัก เหตุเพราะหลวงปู่ไล่ตะเพิดคราวก่อน ที่มาป่วนเวทีเสวนาปฏิรูปพลังงาน โดยไม่เคารพกติกาอะไรทั้งสิ้น จะป่วนมันลูกเดียว วันนี้แก๊งนี้ ผสมกับเสื้อแดงแฝงกาย เลยด่าทอ หลวงปู่ ด้วยคำหยาบคายไปทั่วโซเชียลเน็ตเวิร์กเต็มไปหมด ไม่เชื่อลองไปหาดูได้ว่าจริงหรือไม่

“แท็กทีม แก๊งสภาท่าพระจันทร์ โจมตีพระสุเทพ และบิ๊กตู่ , แก๊งเคลื่อนไหวพลังงาน โจมตีหลวงปู่ และบิ๊กตู่ , กองกำลังแดงในโซเชียลเน็ตเวิร์ค ทำตัวเป็นแดงแฝงกาย ผสมโรงด่าทอเมามัน..ถ้าใครคิดว่าสิ่งนี้มันเป็นไปตามธรรมชาติก็ผิดแล้ว..ขอบอกว่าเขานัดกันมา!...”

จากข้อความของเสธ.น้ำเงิน กลายเป็นว่าใครก็ตามที่วิจารณ์หรือไม่เห็น ด้วยกับการทำงานของคสช.คือ พวกเดียวกับทักษิณหรือคือพวกต้องการล้มพล.อ.ประยุทธ์แบบเหมาเข่ง ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มเคลื่อนไหวด้านพลังงานที่ทำงานมาอย่างต่อเนื่องในทุกรัฐบาล เวลานี้ก็ถูกเสธ.น้ำเงินเหมารวมว่าเป็นพวกทักษิณ เป็นศัตรูของรัฐบาลไปเรียบร้อยแล้ว แถมปะติดปะต่อเรื่องราวประกอบการมโนของหลวงลุงกำนันพร้อมสรรพ

สิ่งเหล่านี้คงแสดงให้เห็นแล้วว่าเสธ.น้ำเงินมีจุดยืนอย่างไร โดยเฉพาะ อย่างยิ่งการพยายามเป็นกระบอกเสียงให้แก่กองทัพอย่างหน้ามืดตามัว และดิสเครดิตฝ่ายตรงข้ามชนิดจับแพะชนแกะ

ตอนนี้กลายเป็นว่าเสธ.น้ำเงินออกมาด่ากราดกลุ่มอื่นที่ออกมาวิจารณ์คสช. แต่ก็ไม่ลืม “อวย” ฝ่ายกปปส.และคสช. ไปด้วย ให้สมคอนเซ็ปต์บทบาทของตนเอง!

ขณะเดียวกัน สังเกตได้ว่า เสธ.น้ำเงินไม่เคยพูดประเด็นที่จะเป็นผลเสีย แก่กองทัพหรือคสช. เลย เช่น ไม่เคยพูดเรื่องคลิปถั่งเช่า,ไม่เคยพูดถึงตัวการสำคัญที่อยู่เบื้องหลังขบวนการหมิ่นเบื้องสูง พูดถึงแต่ปลาซิวปลาสร้อยที่เป็นลิ่วล้อเคลื่อนไหวระดับล่าง , ไม่เคยพูดเรื่องที่คสช. ยังปล่อยให้ทักษิณลอยนวลทั้งๆ ที่เป็นนักโทษชายหนีคดีซึ่งศาลมีคำพิพากษา ไม่เคยพูดเรื่องคดีเกาะเต่าซึ่งสังคมสร้างความกังขาทั่วทั้งแผ่นดิน แถมยังบากหน้าปกป้องตำรวจซึ่งเป็นองค์กรที่สมควรปฏิรูปเป็นอันดับต้นๆ สอดรับกับหลวงลุงกำนันอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย

วันนี้ สังคมอยากรู้ว่า คดีที่มีการใช้อาวุธสงครามต่อผู้ชุมนุมกลุ่ม กปปส.และเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้ ทำไมมันถึงหยุดอยู่เพียงแค่คนลงมือปฏิบัติการ ไม่สามารถสาวไปถึงคนสั่งการได้ เสธ.น้ำเงินรู้หรือไม่ว่า เกิดอะไร ขึ้น

แม้แต่เรื่องการเปิดสัมปทานปิโตรเลียมรอบที่ 21 ที่ภาคประชาชนคัดค้าน เสธ.น้ำเงินก็เต้นแร้งเต้นกาออกมาเชียร์หน้าตาเฉยโดยไม่สนใจในเหตุผลและข้อมูลของฝ่ายตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย แถมยังกลับกลายเป็นว่า กลุ่มที่ต่อสู้เรื่องปฏิรูปพลังงานไปจับมือกับทักษิณและฝ่ายต่างๆ โค่นล้มรัฐบาลประยุทธ์

หรือข่าวลือที่กระฉ่อนในโลกสังคมออนไลน์และสื่อต่างๆ กรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเดินทางไปประเทศจีน และได้พบปะกับ นช.หนีคดีทักษิณ ชินวัตร เสธ.น้ำเงินก็ไม่เคยกล่าวถึงทั้งๆ ที่มีมูลความจริง หากแต่กรณีที่นายสนธิเดินทางไปพักผ่อนเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วยซึ่งมีผลมาจากการถูกลอบสังหาร เสธ.น้ำเงินกลับจับแพะชนแกะ มั่วข้อมูลอย่างหน้า ด้านๆ

นี่ไม่นับรวมถึงเรื่องที่ สนช.สายทหารที่เดินสายล็อบบี้ไม่ให้มีการถอดถอน “นายนิคม ไวรัชพานิช” และ “นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์” ซึ่งสังคมตั้งข้องสงสัยเป็นอย่างมากถึงเรื่องการปรองดอง แต่ เสธ.น้ำเงินก็ไม่เคยกล่าวถึง เรื่องนี้อีกเช่นกัน

เสธ.น้ำเงินจะออกมาพูดแค่ตอนต้องการโฆษณาชวนเชื่อหรือต้องการแก้ ข่าวต่างๆ อันจะเป็นบวกให้แก่กองทัพและ คสช. เท่านั้น กลายเป็นว่าสิ่งที่สมควรทำ แต่กลับไม่ทำ

สุดท้ายประเด็นที่น่าสนใจที่สังคมอยากรู้และอยากให้ เสธ.น้ำเงิน ตรวจสอบอย่างยิ่งยวดก็คือ เรื่องคดีถอดถอนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรในโครงการทุจริตรับจำนำข้าว ซึ่งบัดนี้ยังไม่มีความคืบหน้าไปถึงไหน และทำไปทำมาเรื่องทำท่าว่าจะจบแบบยืดเยื้อเพื่อความปรองดอง เพราะล่าสุด นายสมชาย แสวงการ สนช.ซึ่งก็ต้องถือว่าเป็นกระบอกเสียงของรัฐบาลคนสำคัญได้ออกมาเปิดประเด็นว่า คดีนี้อาจไม่สามารถนำไปสู่การถอดถอนอดีตนายกรัฐมนตรีคนสวยได้ และมีความเป็นไปได้สูงที่จะส่งกลับไปให้ ป.ป.ช.พิจารณา

ตลอดรวมถึงการตั้งอดีตทูตหลายประเทศซึ่งเป็นที่รับรู้กันว่ามีความใกล้ชิดสองศรีพี่น้องตระกูลชินวัตรเข้ามานั่งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายต่างประเทศประจำทำเนียบรัฐบาล

เสธ.น้ำเงินซึ่งมีความรอบรู้ช่วยตรวจสอบด้วยว่า ทำไมเรื่องถึงแปรเปลี่ยน กลับกลายเป็นเช่นนั้น

ถึงตรงนี้ คงเห็นชัดแล้วว่า ในยุคสงครามข่าวสารเช่นนี้ “เสธ.น้ำเงิน” คือปราการด่านสุดท้ายที่ คสช. ต้องการใช้ทำ “สงครามจิตวิทยา” จากข่าวสารที่ตนเองสร้างขึ้น เพื่อหล่อเลี้ยงมวลชนให้ศรัทธาต่อรัฐบาลหรือคสช. ต่อไป

แต่สิ่งที่ เสธ.น้ำเงินหลงลืมก็คือ ตราบใดที่รัฐบาลทหารยังไม่อาจเรียก ศรัทธาคืนจากประชาชน ไม่อาจสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาประชาชนซึ่งตั้งความหวังเอาไว้สูง ไม่ว่า เสธ.น้ำเงินจะปฏิบัติการทางจิตวิทยาอย่างไร ความจริงก็ย่อมเป็น ความจริงอยู่วันยังค่ำ เพราะความจริงคือสิ่งที่ไม่มีวันตาย....




กำลังโหลดความคิดเห็น