xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ไม่กล้าบีบกองทัพ “กำนัน”พาพี่น้องกลับบ้านเถอะ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สุเทพ เทือกสุบรรณ
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ถึงเวลานี้เรียกได้ว่าความชอบธรรมของเครือข่ายบริวารของ นช.ทักษิณ ชินวัตร ที่จะครองอำนาจรัฐนั้นไม่มีเหลืออยู่แม้แต่น้อย ด้วยพฤติกรรมทุจริตฉ้อฉลการใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ตามที่ศาลและองค์กรอิสระได้มีคำวินิจฉัยเอาไว้ ทั้งกรณีโครงการรับจำนำข้าว การโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี การแก้ไขรัฐธรรมนูญหลายมาตรา การออก พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท ฯลฯ

กระนั้นก็ตาม เครือข่ายบริวารของ นช.ทักษิณยังอาศัยความดื้อด้าน ครองอำนาจรัฐในฐานะรัฐบาลรักษาการอยู่ได้ ด้วยการอ้างรัฐธรรมนูญมาตรา 181 ที่ระบุให้รัฐมนตรีชุดเดิมที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้วอยู่รักษาการไปจนกว่าจะมีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ และอ้างมาตรา 171 วรรคสอง ที่ระบุว่านายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อรอให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ก่อน

มาตรา 181 และ 171 ที่ฝ่ายระบอบทักษิณยกขึ้นมาอ้างดังกล่าว จึงเป็นเสมือนอาวุธปืนที่โจรขาหักเอาไว้ยิงสู้ตำรวจ เมื่อถูกรุกไล่จวนตัวมีหรือจะไม่เอามายิงสู้ และด้วยสันดานโจรที่ฝังลึกในตัว จึงไม่คิดที่จะสำนึกผิดยอมมอบตัววางอาวุธโดยง่ายๆ

การต่อสู้ของมวลมหาประชาชนภายใต้การนำของคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.)ที่ดูเหมือนว่าใกล้จะจบแล้วในสัปดาห์ที่ผ่านมา จึงมีแนวโน้มจะยืดเยื้อไปเรื่อยๆ เมื่อเครือข่ายระบอบทักษิณยังอ้างบทบัญญัติของมาตรา 171 และ 181 ที่จะอยู่ในอำนาจในฐานะรัฐบาลรักษาการต่อไป

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับการย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี ออกจากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.)โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ต้องพ้นสภาความเป็นรัฐมนตรี นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการ กปปส.ได้ตัดสินใจเปิดเกมรุกฆาตระบอบทักษิณให้เร็วขึ้น ด้วยการเคลื่อนมวลชนออกจากสวนลุมพินีไปชุมนุมกดดันฟรีทีวีช่องต่างๆ และมาที่ถนนราชดำเนินกับทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ก่อนจะย้ายมาปักหลักพักค้างพร้อมตั้งเวทีปราศรัยหน้าองค์การสหประชาชาติตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม จากกำหนดเดิมนัดดีเดย์วันที่ 14 พฤษภาคม

ยุทธการพามวลชนไปกดดันฟรีทีวีให้ถ่ายทอดสดแถลงการณ์ของ กปปส.เรื่องการเสนอทางออกให้ประเทศนั้น กปปส.ทำได้สำเร็จเมื่อฟรีทีวีส่วนใหญ่ยอมถ่ายทอดสดให้

อย่างไรก็ตาม แถลงการณ์ กปปส.ที่นายสุเทพอ่านให้ฟรีทีวีเกือบทุกช่องถ่ายทอดสดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมนั้น ก็ยังไม่ใช่การยื่นคำขาดอันนำไปสู่ชัยชนะของมวลมหาประชาชนแต่อย่างใด เป็นเพียงการป่าวประกาศให้คนทั้งประเทศได้รู้ว่า นายสุเทพในฐานะเลขาธิการ กปปส.ได้ทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด และประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)แล้ว เพื่อเรียกร้องให้ร่วมกันดำเนินการให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่โดยทันที เนื่องจากประเทศไทยในขณะนี้ไม่มีนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลที่มีอำนาจเต็มที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ หลังจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกวินิจฉัยให้พ้นสภาพการเป็นรัฐมนตรีไปแล้ว

แม้นายสุเทพไม่ได้ระบุในแถลงการณ์ว่า การดำเนินการให้มีนายกรัฐมนตรีคนใหม่นั้นมีวิธีการอย่างไร แต่ก็เป็นที่เข้าใจว่า ความประสงค์ของ กปปส.นั้น ต้องการให้ใช้ช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 ประเด็นอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย และมาตรา 7 ประเด็นการอุดช่องว่างในรัฐธรรมนูญ หากไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

วิธีการโดยรูปธรรมก็คือให้นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่แทนประธานสภาผู้แทนราษฎรเสนอชื่อผู้ที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงลงพระปรมาภิไทยแต่งตั้ง

แต่ช่องทางนี้ก็ถูกคัดค้านโดยทันทีจากเครือข่ายบริวารของ นช.ทักษิณ นั่นเพราะรัฐธรรมนูญมาตรา 171 เรื่องการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ยังมีผลบังคับใช้อยู่ เนื้อความในมาตรานี้ ระบุชัดเจนว่า นายกรัฐมนตรีต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และยังมีมาตรา 172 ที่ระบุว่า ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี

ด้วยเหตุนี้ ประมุขฝ่ายตุลาการจึงไม่ได้ออกมารับลูกตามแนวทางที่นายสุเทพเสนออย่างชัดเจน เพื่อสงวนท่าทีและรักษาความศักดิ์สิทธิ์ของอำนาจตุลาการเอาไว้ แม้แต่นายสุรชัยเองก็ยังไม่กล้ารับปากว่าจะเดินตามแนวทางของนายสุเทพแนวทางเดียว แต่ได้แสดงท่าทีอย่างกลางๆ มาโดยตลอดว่า พร้อมพิจารณาทุกข้อเสนอทุกแนวทาง เพื่อลดข้อขัดแย้งลงให้ได้ก่อน

หากมองอย่างไม่เข้าข้างตัวเอง นายสุเทพและ กปปส.น่าจะตระหนักดีว่า แนวทางตามมตรา 3 และมาตรา 7 นั้น ยังมีช่องโหว่ที่ทำให้ฝ่ายตรงข้ามนำไปโจมตีได้ นี่ยังไม่นับกรณีที่เป็นการโยนภาระให้สถาบันพระมหากษัตริย์

มาตรา 3 นั้น ระบุว่า “อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย”จริง แต่ก็มีข้อความต่อเนื่องว่า “พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุขทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรี และศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้” นั่นแสดงว่า ประชาชนไม่สามารถใช้อำนาจอธิปไตยโดยตรงที่จะตั้งใครมาเป็๋นนายกรัฐมนตรีก็ได้

ส่วนมาตรา 7 นั้น ระบุถึงการอุดช่องโหว่ของรัฐธรรมนูญกรณีที่ “ไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด” ก็ให้วินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่กรณีการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีนั้น มีบทบัญญัติระบุไว้ชัดเจนในมาตรา 171 และ 172 จึงไม่เข้าข่ายที่จะใช้มาตรา 7 แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีได้

ดังนั้น หากมีการทูลเกล้าฯ เสนอชื่อผู้จะเป็นนายกรัฐมนตรี โดยอ้างช่องทางตามมาตรา 7 ฝ่ายเครือข่ายระบอบทักษิณจะยกมาตรา 171 และ 172 ขึ้นมาเล่นงานทันที เหมือนโจรที่กำลังจะถูกล้อมจับ เมื่อมีปืนอยู่กับตัว มีหรือจะไม่ชักออกมายิงสู้

มาตรา 171 และ 172 เป็นอาวุธของเครือข่ายบริวารของ นช.ทักษิณในการต่อสู้กันบนดิน ต้องมีไม่ลืมว่าระบอบทักษิณยังมีเกมใต้ดินที่จะเล่นงานฝ่ายตรงข้ามอีก ล่าสุดคือการยิงระเบิดเอ็ม 79 และเอ็ม 16 ใส่ผู้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อกลางดึกวันที่ 14 พฤษภาคม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บอีก 22 คน และมีแนวโน้มว่าการเล่นเกมอำมหิตนี้จะมีออกมาเรื่อยๆ

หากรัฐธรรมนูญมาตรา 171 และ 172 ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ก็เหมือนฝ่ายโจรมีปืนอยู่ในมือ มวลมหาประชาชนต้องหาทางเอาปืนออกมาจากมือโจรให้ได้ นั่นคือต้องให้ทั้งสองมาตรานี้ไม่มีผลบังคับใช้ หรืองดใช้ชั่วคราว

มวลมหาประชาชนจะประกาศงดใช้รัฐธรรมนูญสองมาตรานี้ด้วยตัวเองไม่ได้อย่างแน่นอน หากไม่มีอำนาจรัฎฐาธิปัตย์ และการชุมนุมยาวนาน 6 เดือนเศษที่ผ่านมา ก็พิสูจน์แล้วว่า ไม่สามารถสถาปนาอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ได้

หนทางชนะของมวลมหาประชาชนจึงไม่มีหนทางอื่น นอกจากการใช้กำลังกองทัพยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการและสถาปนาอำนาจรัฏฐาธิปัตย์ประกาศงดใช้รัฐธรรมนูญบางมาตรา ไม่ให้ฝ่าย นช.ทักษิณใช้เครื่องมือทางกฎหมายเป็นประโยชน์ต่อตัวเองได้ ขณะเดียวกันหากฝ่าย นช.ทักษิณจะเดินเกมอำมหิตใต้ดิน ศักยภาพของกำลังกองทัพก็ช่วยปกป้องมวลมหาประชาชนได้อยู่แล้ว

แต่...นับจากมวลมหาประชาชนเสียสละทุ่มเทแรงกายแรงใจออกมาต่อสู้จนเวลาผ่านไปเกือบ 200 วันแล้ว กองทัพยังคงเฉยเมยต่อเสียงเรียกร้องของหลายฝ่ายที่ต้องการให้กองทัพประกาศอยู่เคียงข้างมวลมหาประชาชน แม้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.เคยประกาศว่า ถ้าประชาชนบาดเจ็บล้มตาย รัฐบาลต้องรับผิดชอบ แต่จนวันนี้ ประชาชนเสียชีวิตไปแล้ว 25 คน บาดเจ็บร่วม 800 คน พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังไม่เคยทำอะไรที่เป็นการกดดันให้รัฐบาลออกมารับผิดชอบเลย

ขณะเดียวกัน นายสุเทพก็ไม่เคยนำมวลมหาประชาชนไปกดดันกองทัพให้ออกมายืนข้างประชาชนแม้แต่ครั้งเดียว

จึงทำนายล่วงหน้าไว้ได้เลยว่า หากนายสุเทพยังเดินตามแนวทางเดิมอย่างที่เคยทำมาตลอด 6 เดือนกว่า ชัยชนะจะไม่มีวันเป็นของมวลมหาประชาชนอย่างเด็ดขาด ชีวิตเลือดเนื้อของมวลชนที่เสียสละไปก็จะสูญเปล่า นายสุเทพตัดสินใจพามวลชนกลับบ้านไปเสียแต่วันนี้ยังจะดีกว่า


กำลังโหลดความคิดเห็น