ละเมิดรัฐธรรมนูญ ตลกฝืด

ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

มีปมเงื่อนเล็กๆ อยู่ประการหนึ่งในการใช้แนวทางให้วุฒิสมาชิกเสนอรายชื่อทูลเกล้าบุคคลที่เป็นเหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรี นั่นคือการดำรงอยู่ของรัฐมนตรีรักษาการจำนวนหนึ่งซึ่งอ้างว่าตนเองมีอำนาจรักษาการไปจนกว่าจะมีนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่มาจากการเลือกตั้ง

คนกลุ่มนี้พยายามหยิบยกข้อกฎหมายบางอย่างมาใช้เพื่อดำรงความชอบธรรม อย่างเช่น พระราชบัญญัติบริหารราชการแผ่นดิน และรัฐธรรมนูญบางมาตรา แต่กลับจงใจละเลยและละเมิดรัฐธรรมนูญอีกหลายมาตรา

สภาพการเมืองไทยในขณะนี้ที่ชัดเจนมากคือการกระทำหลายอย่างของหลายองค์การไม่ได้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2557 หรือการรักษาการตำแหน่งรัฐมนตรีของกลุ่มบุคคลบางกลุ่มก็ตาม ล้วนแล้วแต่ละเมิดเนื้อหาและทำเกินเลยขอบเขตที่รัฐธรรมนูญกำหนดทั้งสิ้น แต่หากถามว่ากลุ่มใดที่ละเมิดรัฐธรรมนูญมากที่สุด ก็เห็นทีจะไม่พ้นกลุ่มระบอบทักษิณที่ทำหน้าที่รักษาการรัฐมนตรีอยู่ในขณะนี้นั่นแหละครับ

อันที่จริงกลุ่มระบอบทักษิณทำเกินขอบเขตของรัฐธรรมนูญตั้งแต่ วันที่ 21 มีนาคม 2557 อันเป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. 2557 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ เป็นต้นมา เพราะรัฐบาลรักษาการในขณะนั้นรู้อยู่แก่ใจล่วงหน้าว่าการจัดการเลือกตั้ง 2 ก.พ. 2557 ไม่มีทางดำเนินการให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญได้ และศาลรัฐธรรมนูญก็ระบุชัดเจนว่าสามารถเลื่อนวันเลือกตั้งได้ แต่รัฐบาลรักษาการยิ่งลักษณ์ก็ดื้อรั้นไม่ยอมเลื่อนวันเลือกตั้ง กลับจงใจจัดให้มีการเลือกตั้ง และในที่สุดก็นำไปสู่ปัญหาสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้คนจำนวนมากจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐและสมุนบริวารของระบอบทักษิณ

แม้จะสร้างความเสียหายมากมาย แต่รัฐบาลระบอบทักษิณก็หาได้มีความสำนึกรับผิดชอบต่อบ้านเมืองและประชาชน กลับยืนกรานรักษาอำนาจต่อไปบนซากปรักหักพังของบ้านเมือง

การจงใจละเมิดรัฐธรรมนูญก็เกิดขึ้นอีก เมื่อครบ 60 วันหลังเลือกตั้งแล้ว หรือ หลังวันที่ 2 เมษายน 2557 เพราะไม่มีทั้งสภาผู้แทนราษฎรชุดใหม่ และไม่อาจจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ แต่แทนที่จะสำนึกถึงความผิดที่ตนเองทำและปัญหาที่ตนเองสร้าง และตัดสินใจลาออกจากการรักษาการคณะรัฐมนตรี กลุ่มระบอบทักษิณกลับจงใจอยู่ในอำนาจรักษาการต่อไปโดยไม่ใส่ใจทั้งข้อกฎหมายและความชอบธรรมทางการเมือง

แต่ในที่สุดยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและรัฐมนตรีจำนวนหนึ่ง ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความยุติธรรมของกฎหมายได้ เมื่อถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่ามีกระทำความผิดรัฐธรรมนูญและมีผลให้พ้นจากตำแหน่งทันที ความผิดของยิ่งลักษณ์ และรัฐมนตรีของระบอบทักษิณคือ บริหารราชการไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม ใช้อำนาจและสถานะนายกรัฐมนตรีแทรกแซงการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ โดยนำเครือญาติของตนเองดำรงตำแหน่ง ผบ. ตร. ซึ่งเป็นการกระทำเข้าข่ายการขัดกันระหว่างผลประโยชน์สาธารณะกับประโยชน์ส่วนตัว

การตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นในวันที่ 7 พ.ค. 2557 และวันต่อมา คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติก็ได้มีมติให้ถอดถอนยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี กรณีปล่อยปละละเลยให้มีการทุจริตโครงการจำนำข้าวหลายแสนล้าน ทั้งที่ ป.ป.ช. เคยมีหนังสือเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขนโยบายจำนำข้าวแล้ว แต่ยิ่งลักษณ์และรัฐมนตรีกลับไม่ใส่ใจจนสร้างความเสียหายแต่ชาติอย่างใหญ่หลวง

แม้ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรและรัฐมนตรีที่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจละเมิดรัฐธรรมนูญ กรณีย้ายคุณถวิล เปลี่ยนศรีอย่างไม่เป็นธรรมพ้นจากตำแหน่งไปแล้ว แต่กลุ่มบุคคลในระบอบทักษิณที่เหลืออยู่ก็ยังเกาะอำนาจอย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมขยับไปไหน เมื่อประชาชนเรียกร้องให้ลาออกเพื่อให้กระบวนการทางการเมืองดำเนินการต่อไปได้ กลุ่มบุคคลเหล่านั้นก็หาได้สนใจไยดี กลับพยายามไปแสวงหาข้อกฎหมายมาทำเป็นกาวให้กับเก้าอี้ของตนเอง

จะเห็นว่ารัฐบาลยิ่งลักษณ์ละเมิดรัฐธรรมนูญตั้งแต่ 2 เดือนแรกของการเข้าสู่ตำแหน่ง โดยยิ่งลักษณ์ เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2554 จากนั้นช่วงต้นเดือนกันยายน 2554 ก็เกิดเหตุการณ์ละเมิดรัฐธรรมนูญหลายมาตรา กรณีใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่มิชอบในการย้ายข้าราชการ และในช่วงสองปีกว่าๆที่ผ่านมาของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และส.ส.พรรคเพื่อไทย ก็มีการละเมิดรัฐธรรมนูญอีกหลายครั้ง เช่น การแก้รัฐธรรมนูญมาตรา 291 หรือ การออก พ.ร.บ.กู้เงิน 2.2 ล้านๆ เป็นต้น

กล่าวได้ว่าในสายตาของคนระบอบทักษิณ รัฐธรรมนูญเป็นเพียงกระดาษเปื้อนหมึกเท่านั้น หากบทบัญญัติใดที่ขัดขวางความปรารถนาของตนเองก็จงใจละเมิดเอาดื้อๆ หากสังคมจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน พวกเขาก็เก็บเกี่ยวผลประโยชน์เอาไปอย่างเต็มที่ แต่ทว่าประชาชนไทยจำนวนมากไม่ใช่ควายที่ให้พวกระบอบทักษิณหลอกจูงจมูกเอาอย่างง่ายๆ มีคนรู้ทันระบอบทักษิณจำนวนมากพวกเขาจึงใช้มาตรการทางกฎหมายตอบโต้กลับ และด้วยความเที่ยงธรรมที่ยังหลงเหลืออยู่บ้างจากศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ผู้ตรวจการแผ่นดินและ ป.ป.ช. ก็ทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์และกลุ่มบุคคลของระบอบทักษิณต้องรับโทษตามกรรมชั่วที่พวกเขาก่อเอาไว้

ขณะนี้เมื่อยิ่งลักษณ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้ว ตามหลักกฎหมายก็ต้องมีการสรรหานายกรัฐมนตรีภายในสามสิบวัน ซึ่งองค์กรทางการเมืองที่เหลืออยู่จะต้องรับผิดชอบในพันธกิจอันนี้ก็คือวุฒิสภา และเป็นที่น่ายินดีว่าสมาชิกวุฒิสภาได้ดำเนินการปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็งและรับผิดชอบต่อบ้านเมือง เพื่อให้ได้บุคคลที่เหมาะสมขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี

แต่กลุ่มระบอบทักษิณก็พยายามขัดขวางทุกวิถีทาง โดยหยิบยกกฎหมายที่มีศักดิ์ตำกว่ารัฐธรรมนูญมาโต้แย้งรัฐธรรมนูญ สั่งการให้กลุ่มลัทธิแดงจัดชุมนุมเพื่อข่มขู่ประชาชนและองค์กรต่างๆในสังคมที่พยายามหาทางออกให้แก่ประเทศ สั่ง ศอรส. และสมาชิกพรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ข่มขู่ว่าจะเกิดความรุนแรงบ้าง ขู่ประชาชนว่าจะจับข้อหากบฏบ้าง และพยายามบั่นทอนการต่อสู้ของมวลมหาประชาชนโดยการเร่งรัดออกหมายจับแกนนำมวลมหาประชาชนในข้อหากบฏ

สิ่งที่ตลกขบขันที่สุดของกลุ่มระบอบทักษิณคือ ด้านหนึ่งจงใจละเมิดกฎหมาย และทำผิดรัฐธรรมนูญจนเป็นปกติวิสัย อีกด้านหนึ่งกลับบอกให้ผู้อื่นเคารพกฎหมายและรัฐธรรมนูญ

ตัวตลกทางการเมืองเหล่านี้แสดงละครตลกฝืดๆหลอกประชาชนอยู่หลายปี ยามนี้กำลังเดินเข้าสู่ฉากสุดท้าย หลังจากนางตลกตัวหัวหน้าถูกขับไล่ลงจากเวทีไปแล้ว บรรดาตัวตลกระดับสมุนบริวาร ก็กำลังถูกมวลมหาประชาชนไล่ให้พ้นเวทีทางการเมืองไทยในอีกไม่ช้า

เมื่อขับไล่ตัวตลกทางการเมืองที่สกปรกเหล่านั้นออกไปได้ ประเทศไทยก็จะเดินหน้าอย่างจริงจังเสียที เราเสียเวลากับพวกเล่นตลกฝืดๆที่สร้างความเสียหายแก่ประเทศมามากแล้ว ถึงเวลาที่ต้องเลิกให้พวกตัวตลกเล่นการเมือง ได้เวลาที่ เอาคนที่มีความสามารถมาบริหารบ้านเมืองเสียที