ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคไทยรักไทย เมื่อปี 2541“พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร”ก็เวียนว่ายตายเกิดในสารบบวงจรการเมืองไทยมาจนถึงทุกวันนี้
หลังจากก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “ทักษิณ”แพร่อำนาจครอบคลุมเกือบทุกเครือข่ายในฐานอำนาจของประเทศไทย ทั้งข้าราชการ-เอกชน-ตุลาการ ต่างตกอยู่ภายใต้การคอนโทรลของทักษิณ แต่เพียงผู้เดียว
และด้วย“ผู้นำนโยบายประชานิยม”ลด-แลก-แจก-แถม ทำให้ชื่อของ ทักษิณ เข้าไปอยู่ในหัวใจของ ประชาชนในหลายภาคส่วนได้ไม่ยาก
ถือเป็นฐานรากที่คอยค้ำยันให้ทักษิณ ทำทุกอย่างได้ตามที่ใจอยากจะทำ ทั้งการโยกย้ายข้าราชการในสังกัดเข้าสู่ตำแหน่ง เพื่อทำงานรับใช้ การใช้อำนาจเงินฟาดหัวคนอื่น การดำเนินนโยบายผิดๆ เช่น การฆ่าตัดตอน
แต่ที่สำคัญคือ การเข้าแทรกแซง“อำนาจตุลาการ”โดยเฉพาะคดีซุกหุ้นทั้งภาค 1 และ ภาค 2 ที่ใครๆก็รู้ว่า ทักษิณรอดมาได้ เพราะการช่วยเหลืออุปถัมภ์ จาก“ตุลาการบางคน”ที่ยอมรับเงินบาปของทักษิณ
ทั้งหมดคือจุดเริ่มต้นของ “ระบอบทักษิณ”เป็นระบอบที่ไม่ยอมให้ใครมาอยู่เหนือกว่าด้วยประการทั้งปวง
การต่อสู้กับ ระบอบทักษิณ เริ่มตั้งแต่“กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย”(พธม.) ที่นำโดย “สนธิ ลิ้มทองกุล” “จำลอง ศรีเมือง” “พิภพ ธงไชย”ออกมาจุดเทียน ถือธงนำต่อสู้กับ ระบอบทักษิณ
ทว่าการต่อสู้กับ ระบอบทักษิณ ที่แทรกซึมอยู่ทุกอณูของสังคมไทยไม่ใช่เรื่องง่าย พันธมิตรฯ สู้ยืดเยื้อยาวนาน สู้เท่าไรก็ไม่ชนะ แต่ยังดีอยู่ที่ว่า ทำให้ “คนไทย”ตาสว่างขึ้นมาได้
จนเป็นชนวนหนึ่งที่นำมาสู่การรัฐประหาร โดย “พล.อ.สนธิ บุญรัตนกลิน”อดีต ผบ.ทบ. จัดตั้ง“รัฐบาลขิงแก่”ที่นำโดย “พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์” พร้อมทั้งจัดทำรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2550
การทำ รัฐประหาร ส่งผลให้ระบอบทักษิณถูกขจัดไปได้เพียงปีเศษเท่านั้น
กระทั่งมีการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม 2551 ระบอบทักษิณได้ฟื้นคืนชีพกลับมาใหม่ แต่เมื่อ “ไทยรักไทย”โดนสั่งให้ยุบพรรค พร้อมตัดสิทธิทางการเมืองคณะกรรมการบริหารพรรค 5 ปี “เครือข่ายทักษิณ”จึงต้องรีแบรนด์ สร้างพรรคใหม่ ซึ่งลงล็อกที่ชื่อ “พรรคพลังประชาชน”(พปช.) ส่ง “สมัคร สุนทรเวช”นั่งนายกฯ นอมินีสมใจอยาก
ทว่า รัฐบาลพลังประชาชนก็ประสบปัญหาไม่ต่างจาก รัฐบาลไทยรักไทย เพราะไม่สามารถสลัดคราบทักษิณออกไปได้ นโยบายหลักของทักษิณ ยังถูกนำมาใช้ จึงเสมือน“รัฐบาลเงา”ของ ทักษิณ เปลี่ยนแค่ตัวชูโรงเท่านั้น
ในที่สุด รัฐบาลพลังประชาชน ก็ต้องปิดฉากลงพร้อมถูกตัดสิทธิ์ 5 ปี ซ้ำรอยไทยรักไทย
แต่ที่เครือข่ายทักษิณ เจ็บปวดมากที่สุดคือการที่ “เนวิน ชิดชอบ”พลิกขั้ว จับมือกับพรรคประชาธิปัตย์จัดตั้ง“รัฐบาลอภิสิทธิ์”
กระนั้นระบอบทักษิณ ก็ยังฟื้นคืนชีพมาได้อีก ในนามพรรคเพื่อไทย (พท.) โดยมี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”น้องสาวแท้ๆ ของ“พี่แม้ว”ขึ้นมายืนท้าทายสู้กับขั้วอำนาจเก่า
จากวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 ยิ่งลักษณ์ ได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้ง จัดตั้งรัฐบาลภายใต้การกำกับดูแลของ“พี่แม้ว”พร้อมชูว่า“น้องปู”คือ “โคลนนิ่ง”ที่เหมือนกับพี่แม้ว เกือบทุกอย่าง
ยิ่งลักษณ์ บริหารประเทศมาประมาณ 2 ปีกว่า เพราะด้วยจำนวน ส.ส.ที่มากกว่าประชาธิปัตย์เป็นเท่าตัว การต่อสู้ทางการเมืองของประชาธิปัตย์ จึงยากยิ่งที่จะทำให้ ยิ่งลักษณ์ ระคายเคืองได้
จนกระทั่งมีจุดพลิกผัน เมื่อเครือข่ายชินวัตร ชะล่าใจ คิดอ่านว่า กระแสต้าน“พ.ร.บ.นิรโทษกรรม”ล้างผิดให้ “นายใหญ่” จะมีน้อย
ตรงกันข้าม พ.ร.บ.นิรโทษกรรม กลับเป็นชนวนทิ่มแทง เครือข่ายชินวัตร ให้ล้มกระดานจนยอมยกธงขาว ถึงขั้นต้องยุบสภา
แต่กระแสต้านไม่จบ เมื่อ “สุเทพ เทือกสุบรรณ”เลขาธิการ กปปส. ยอมเทหมดหน้าตัก หวังขจัด“ระบอบทักษิณ”ให้ราบคาบ ชูธง “ปฏิรูปการเมือง”เพื่อปูทางการเมืองไทยเสียใหม่
ม็อบ กปปส. ของ สุเทพ ยิ่งจุดเหมือนยิ่งติด เดินไกลแค่ไหนก็มี มวลมหาประชาชน ร่วมทางอยู่ไม่ขาดสาย
ตรงกันข้ามกับ ยิ่งลักษณ์ ที่นับวันยิ่งเข้าสู่จุดอันตรายมากขึ้น เพราะมีหลายประเด็น ที่องค์กรอิสระ รอง้างดาบฟันอยู่ แต่จะโทษใครก็ไม่ได้ เพราะนโยบายของ“พี่แม้ว”ทำร้าย “น้องปู”เอง
ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทั้งมาตรา 190-ที่มาส.ว. -มาตรา 68 -มาตรา 237 เป็นต้น ศาลรัฐธรรมนูญ รอฟันอยู่เกือบทั้งหมด และไม่มีประเด็นใดที่ เครือข่ายชินวัตร จะสู้ได้เลย เพียงแต่รอวันโดนขย้ำอย่างเดียว
ประเด็นโครงการรับจำนำข้าว รัฐบาลใช้เวลาเพียงแค่ 2 ปี ทำให้ประเทศไทย ต้องขาดทุนรวมกว่า 5 แสนล้าน โดยรัฐบาล ไม่มีเงินใช้คืน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) เนื่องจากไม่สามารถขายข้าวในสต็อกของรัฐบาลได้
เมื่อขายข้าวไม่ได้ก็เป็นรัฐบาลเอง ที่ต้องรับกรรมที่ก่อเอาไว้
เพราะล่าสุดไม่มีเงินจ่ายให้ ชาวนา ที่ได้ออกใบประทวนไปแล้ว แถมอำนาจในการกู้เงินก็หมดไป เพราะเป็นเพียง รัฐบาลรักษาการ
ฟันธงได้เลยว่า ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกมาตรา ที่ล่อแหลมต่อการกระทำผิด ส่งผลกระทบต่อความดำรงอยู่ของ พรรคเพื่อไทย แน่นอน
โดยเฉพาะประเด็นทุจริตโครงการรับจำนำข้าว มีผลต่ออนาคตทางการเมืองของ ยิ่งลักษณ์ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ดังนั้นความอยู่รอดของ“ยิ่งลักษณ์-เพื่อไทย”ชั่วโมงนี้ ยากลำบากยิ่ง แม้จะท่องคาถาให้มีการเลือกตั้งวันที่ 2 ก.พ. เพื่อกลับมาครองอำนาจเต็มอีกครั้ง แต่คนใน เพื่อไทย ก็รู้อยู่แก่ใจว่า อีกไม่นานอาจจะถึงบท อวสาน“เพื่อไทย”บรรยากาศการลงพื้นที่หาเสียง การลุ้นผู้สมัครลงเลือกตั้ง แทบที่จะไม่มีให้เห็น
กระดานการเมืองชั่วโมงนี้ เพื่อไทย ถือไพ่เสียเปรียบขั้วตรงข้ามแทบทุกหมาก จะขยับ “เบี้ย”เพื่อป้อง “ขุน”อย่างไร ก็หนีไม่พ้น ขั้วตรงข้ามพร้อม “รุกฆาต”ได้ทุกเวลา
เพียงแต่การรุกฆาต ของขั้วตรงข้ามครั้งนี้ ถือเดิมพันไว้สูง หากศึกครั้งนี้ยังไม่สามารถฆ่าเชื้อ ระบอบทักษิณ ให้ตายสนิทลงได้ บทเรียนในอดีต มีไว้ให้จำ
หากฆ่าไม่ตายอีกไม่นาน ระบอบทักษิณ ก็จะกลับมาอีกอย่างแน่นอน และจะยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น เพราะ พรรคการเมืองสำรอง ถูก เครือข่ายชินวัตร จัดเตรียมไว้หมดแล้ว