“สุริยะใส” ชี้หลังศาลรัฐธรรมนูญตัดสิน 20 พ.ย. เป็นจุดเริ่มต้นการต่อสู้ของสองฝ่าย เชื่อรัฐบาลไม่ยอมแพ้แน่ ระบุเหลือ 10 วันล้มระบอบทักษิณ เลยจากนี้ไปไม่รู้จะมีโอกาสแบบนี้อีกไหม พร้อมเผยเตรียมคุยยุทธศาสตร์กับอีก 2 เวที เป็นไปได้ตั้งแต่ศุกร์นี้เป็นต้นไปการเคลื่อนไหวบนถนนราชดำเนินพลิกโฉมหน้าแน่นอน
วันนี้ (19 พ.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวบนเวที คปท.ว่า มีความเป็นไปได้มากที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมเรื่องที่มา ส.ว.ให้ตกไป แต่สิ่งที่รัฐบาลกลัวมากที่สุดไม่ใช่แค่กฎหมายตกไป แต่จะมีผลทำให้ทุกพรรคที่ร่วมโหวตถูกยุบไปด้วย และ ส.ส.-ส.ว.310 คนที่หนุนร่างฯ ถูกตัดสิทธิทางการเมือง อาการตื่นตระหนกที่ออกมาแถลงไม่รับอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ เหมือนจะรู้ชะตากรรมล่วงหน้าว่าพรุ่งนี้จบไม่สวยแน่นอน อย่างที่นายนิติธรบอกเข้าข่ายเป็นกบฏ ซึ่งต้องมีการดำเนินคดีอาญาต่อคนกลุ่มนี้
นายสุริยะใสกล่าวต่อว่า พรุ่งนี้หลายคนอาจคิดว่าเป็นจุดจบหรือวันสุดท้าย แต่จริงๆ แล้วพรุ่งนี้ในทางการต่อสู้ คือการเป่านกหวีดของทุกฝ่ายอย่างแท้จริง เหตุที่ไม่จบเพราะถ้าคำวินิจฉัยออกมาไม่เป็นคุณต่อรัฐบาล เขาคงไม่ยอมรับ แล้วเขาจะชุมนุมเพื่อรอดูคำวินิจฉัย ถ้าไม่ถูกใจจะชุมนุมยืดเยื้อ ในขณะเดียวกัน พวกเราต่อให้คำวินิจออกมาร้ายแรงที่สุดของฝ่ายโน้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลจะพัง เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ไม่ได้เป็นกรรมการบริหารพรรค และไม่ได้โหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนี้ ฉะนั้น ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะถูกยุบ แต่อำนาจตั้งรัฐบาลและสถานภาพของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังอยู่ต่อไป แต่คำถามคือ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยังมีความชอบธรรมอยู่ต่อหรือ ถ้าดื้อต่อก็เป็นความชอบธรรมที่พวกเราต้องยกระดับมากขึ้น
พรุ่งนี้เป็นการนับหนึ่งในการต่อสู้ของสองฝ่าย ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปเตรียมตัวมาที่นี่ เหตุที่คิดว่าไม่จบ เพราะศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจัดการปัญหาได้บางระดับ ไม่ใช่ทั้งหมด ถ้าแพ้ครั้งนี้รัฐบาลอาจแพ้ทั้งกระดาน เขาเลยต้องเป่านกหวีดเพื่อสู้กับพวกเรา เป็นไปได้หลัง 20 พ.ย.ความตึงเครียดทางการเมืองจะสูงขึ้น ถ้าธงของเราคือสิ้นเดือนนี้ ก็มีแค่ 10 วัน อยากให้เตรียมตัวออกจากบ้านแล้วมาให้ครบ 10 วัน เกมการเมืองขณะนี้ว่าด้วยความอยู่รอดของคนที่ชื่อ ทักษิณ ชินวัตร นี่คือภารกิจเดียวที่เหลืออยู่ของรัฐบาลช่วง 10 วันจากนี้ไป ถ้าจัดการระบอบทักษิณไม่ได้ก็ไม่รู้โอกาสนี้จะกลับมาอีกไหม
ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนยังกล่าวด้วยว่า ตนได้คุยกับนายนิติธรว่า การต่อสู้วันที่ 22 พ.ย.นี้มีนัยการกดดัน ที่สำคัญที่สุดไม่สุ่มเสี่ยง และตนค่อนข้างห็นด้วย และอยากให้คุยทั้ง 3 เวที ถ้าเวทีอื่นเห็นด้วย ศุกร์นี้เป็นต้นไปรูปแบบการเคลื่อนไหวบนถนนราชดำเนินเปลี่ยนโฉมหน้าแน่นอน