xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

เลื่อนเลือกตั้ง 2 ก.พ. ฟัน 2 ประธานขี้ข้า ชัยชนะ ? บนคราบเลือดประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์- ธันวาคม 2556 คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ได้ออกแถลงการณ์สำคัญที่ต้องถือว่าเป็น “จุดเปลี่ยน” ต่อสถานการณ์การเมืองไทยหลังเกิดเหตุความรุนแรงจากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการอย่างเหี้ยมโหดด้วยการระดมยิงแก๊สน้ำตาและ กระสุนยางเข้าใส่ผู้ชุมนุมเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย(คปท.) ที่ชุมนุมอยู่บริเวณ “ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร(ไทย-ญี่ปุ่น)” ดินแดง อันเป็นสถานที่คณะกรรมการการเลือกตั้งประกาศให้เป็นจุดรับสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)ระบบบัญชีรายชื่อหรือระบบปาร์ตี้ลิสต์

เนื้อหาที่ “นายศุภชัย สมเจริญ” ประธาน กกต. แถลงการณ์มีทั้งหมด 5 ข้อด้วยกันคือ 1. กกต.ขอแสดงความเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และขอโทษประชาชน ที่ไม่สามารถทำให้เกิดความสงบเรียบร้อยได้

2. กกต.ได้เคยส่งเสียงไปยังผู้เกี่ยวข้องแล้ว หากเดินหน้าต่อไป อาจเกิดการจลาจล สูญเสียเลือดเนื้อ

3. การสมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ยังเป็นเพียงเบื้องต้นของขั้นตอนการเลือกตั้งเท่านั้น และมี ส.ส.เขต หาเสียง เลือกตั้ง รวมถึงมีกระบวนการอื่นๆ อีกมากมาย หากยังมีความขัดแย้งเกิดขึ้น ก็จะไม่สามารถเดินต่อไปได้

4. กกต.ขอแจ้งข่าวสารแถลงการณ์ฉบับนี้ถึงรัฐบาล และคู่ขัดแย้งทุกภาคส่วนในสังคมว่า วันที่ 2 ก.พ.2557 จะเกิดขึ้นไม่ได้ หากฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ยังมีความไม่เข้าใจกัน หากไม่มีวิธี หรือตัวกลาง ในการเจรจา กกต.จะขอเป็นตัวกลางในการประสานแต่ละฝ่าย นอกจากนี้ กกต.ขอให้เลื่อนการเลือกตั้งออก ไป

5. หากยังไม่รีบดำเนินการใดๆ กกต.จะขอใช้สิทธิส่วนบุคคลในการดำเนินการคลี่คลายสถานการณ์

เนื้อหาในแถลงการณ์ของ กกต.ชัดเจนว่า ต้องการให้รัฐบาลเลื่อนการเลือกตั้งออกไปจากวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557

แต่สิ่งที่จะต้องขบคิดต่อไปก็คือ แถลงการณ์ข้อง 5 ที่ระบุว่า หากยังไม่รีบดำเนินการใดๆ กกต.จะขอใช้สิทธิส่วนบุคคลในการดำเนินการคลี่คลายสถานการณ์นั้นหมายความว่าอย่างไร

หรือสิ่งที่นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้งด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง ระบุว่า หากรัฐบาลยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง กกต.จะพิจารณาใช้สิทธิและอำนาจส่วนบุคคล ในการแก้ไขปัญหาเพื่อความสงบสุขในสังคมนั้นหมายความว่าอย่างไร

อย่างไรก็ตาม เมื่อวิเคราะห์ความเป็นไปได้แล้ว ก็อาจสรุปได้ว่า ความหมายดังกล่าวหมายถึงการที่ กกต.ทั้งหมด หรือคนใดคนหนึ่งลาออกจากตำแหน่ง เพราะเมื่อไม่มี กกต.ก็ไม่มีองค์กรที่สามารถจัดการเลือกตั้งได้

ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะแสดงความเห็นต่อแถลงการณ์ของ กกต. โดยระบุว่า ทุกคนรู้หน้าที่ของตนเองที่จะต้องมีความเป็นกลาง และวิงวอนผู้ชุมนุมเห็นใจ เนื่องจากประเทศบอบช้ำมา มากจากการชุมนุมตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา และส่วนตัวก็เข้าใจข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมดี เพียงแต่ว่าไม่สามารถทำตามได้

กระนั้นก็ดี สิ่งที่ต้องขบคิดต่อไปก็คือ ทำไม กกต.ถึงตัดสินใจช้าเยี่ยงนี้ ทำไมถึงต้องรอให้เกิดเหตุความรุนแรงจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากเช่นนี้ เพราะกกต.ย่อมเห็นตั้งแต่แรกว่า การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ไม่มีวันที่จะเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ก็โยนกลองกันไปมาระหว่าง กกต.กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรว่า ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ

ที่สำคัญไปกว่านั้นอยู่ตรงที่ กกต.ได้ดันทุรังเดินหน้าต่อไปโดยไม่สนใจเสียงของมวลมหาประชาชนว่า ต้องการให้มีการปฏิรูปประเทศเสียก่อน เริ่มตั้งแต่การรู้เห็นเป็นใจให้กับ 9 พรรคการเมือง “ลักหลับ” สมัครปาร์ตี้ลิสต์ตั้งแต่ตีสามของวันที่ 23 ธันวาคม 2556 ท่ามกลางวงล้อม คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น ) ดินแดง แถมใช้ สน.ดินแดงตรวจเอกสารอีกต่างหาก

เช่นเดียวกับในวันที่ 26 ธันวาคม 2556 ที่ กกต.ก็ยังดันทุรังให้มีการจับสลากหมายเลขขึ้นที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 โดยพรรคต่างๆ ได้หมายเลขประจำพรรคเป็นที่เรียบร้อยแล้วคือพรรคชาติพัฒนา ได้หมายเลข 1 พรรคถิ่นกาขาว ได้หมายเลข 2 พรรครักประเทศไทย ได้หมายเลข 3 พรรคเสรีนิยม ได้หมายเลข 4 พรรคสหกรณ์ประชาธิปไตย ได้หมายเลข 5 พรรคภูมิใจไทย ได้หมายเลข 6 พรรคภราดรภาพ ได้หมายเลข 7 พรรคพลังประชาธิปไตย ได้หมายเลข 8 พรรคเพื่อสันติ ได้หมายเลข 9 พรรคชาติสามัคคี ได้หมายเลข 10 พรรคพลังประเทศไทย ได้หมายเลข 11 พรรคประชาสามัคคี ได้หมายเลข 12 พรรคกสิกรไทย ได้หมายเลข 13 พรรคชาติไทยพัฒนา ได้หมายเลข 14 พรรคเพื่อไทย ได้หมายเลข 15

พรรคแทนคุณแผ่นดิน ได้หมายเลข 16 พรรคพลังเครือข่ายประชาชน ได้หมายเลข 17 พรรคครูไทยเพื่อประชาชน ได้หมายเลข 18 พรรคไทยมหารัฐพัฒนา ได้หมายเลข 19 พรรคพลังไทยเครือข่าย ได้หมายเลข 20 พรรคยางพาราไทยได้หมายเลข 21 พรรคดำรงไท ได้หมายเลข 22 พรรครักษ์สันติ ได้หมายเลข 23 พรรคประชาธิปไตยใหม่ ได้หมายเลข 24พรรคชาติประชาธิปไตยก้าวหน้า ได้หมายเลข 25 พรรคเมืองไทยของเรา ได้หมายเลข 26 พรรคเครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย ได้หมายเลข 27 พรรคพลังไทยรักชาติ ได้หมายเลข 28 พรรคทวงคืนผืนป่าประเทศไทย ได้หมายเลข 29 พรรครักไท ได้หมายเลข 30

ท่าความประสบความสำเร็จที่เกิดขึ้นก็เต็มไปด้วยความทุลักทุเลและแลกมาด้วยชีวิตและเลือดเนื้อของกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งถือเป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น

ศูนย์เอราวัณ กรุงเทพมหานคร และ สธ.ร่วมกัน โดยข้อมูลเมื่อเวลา 16.30 น. มีผู้บาดเจ็บรวม 96 ราย กระจายตามโรงพยาบาลต่างๆ อาทิ รพ.ราชวิถี 41 ราย รพ.พระมงกุฏ 8 ราย รพ.รามาธิบดี 10 ราย รพ.พญาไท 1 ราย รพ.เปาโล 2 ราย รพ.ทหารผ่านศึก 6 ราย และ รพ.ตำรวจ 18 ราย ทั้งนี้ เหลือนอนพักรักษาตัวอยู่ใน รพ.ราชวิถี 4 ราย แบ่งเป็น ชายไทยอายุ 30 กว่า ถูกยิงที่ศีรษะ 1 ราย ชายชาวญี่ปุ่นอายุ 40 ปี อาชีพนักข่าวอิสระ ถูกตีที่บริเวณใบหน้า บาดแผลยาวประมาณ 10 เซนติเมตร อยู่ในระหว่างการรักษา ชายไทยอายุ 17 ปี ถูกยิงทะลุขาขวา และชายไทยอายุ 56 ปี ถูกยิงที่เท้าซ้าย ส่วนผู้บาดเจ็บที่เหลือส่วนใหญ่เกิดจากถูกแก๊สน้ำตา
กระนั้นก็ดี ก่อนที่จะเกิดเหตุความรุนแรงจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และกกต.มีความเห็นให้เลือกตั้ง ได้มีเหตุการณ์ระหว่างทางที่มีนัยสำคัญและจำเป็นต้องขยายความตรวจสอบ โดยเฉพาะท่าทีของ กปปส.

กล่าวคือขณะที่ คปท.เกิดเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ระดมยิงกระสุนยาง แก๊สน้ำตาที่สนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดงอย่างหนัก แทนที่ กปปส.จะปรับแผนจากเดิมที่ประกาศไปบุกบ้านนายกฯ ยิ่งลักษณ์แล้วย้ายไปช่วยเหลือ คปท. หรือช่วยระดมคนจากเวทีอนุสารีย์ประชาธิปไตยเข้าเสริมทัพ ก็ไม่ปรากฏ กปปส.รู้ร้อนรู้หนาวกับพี่น้องคปท.แต่ประการใด

นี่คือคำถามที่ กปปส.และกำนันสุเทพต้องตอบกับสังคม

หรือก่อนหน้านี้ที่ กปปส.โดยกำนันสุเทพที่ประกาศถอนมวลชนออกจากสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่นดินแดงอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย จนผู้คนงงไปตามๆ กัน เพราะถ้า กปปส.จะแสดงการปิดล้อมเป็นเชิงสัญลักษณ์จริงเหมือนที่กำนันสุเทพให้เหตุผลก็ควรที่จะจบภายในวันเดียว ไม่ใช่ปล่อยให้ล่วงเลยเข้าสู่วันที่สองแล้วถึงค่อยตัดสินใจเยี่ยงนี้

สั่งประชาชนใส่เกียร์เดินหน้าลุยเต็มพิกัด แต่อยู่ๆ ก็กลับมาสั่งถอนกำลังเอาเสียดื้อๆ

ด้วยเหตุดังกล่าวนี่จึงทำให้มวลมหาประชาชนตั้งข้อสงสัยว่า เป็นเพราะ กปปส. กลัวว่า การปิดล้อมดังกล่าวจะมีผลต่อพรรคประชาธิปัตย์ในการลงรับสมัครเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่ เนื่องจากไม่ว่าจะอธิบายอย่างใด ก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงได้ว่า มวลชนของทั้งสองกลุ่มเป็นมวลชนกลุ่มเดียวกันจำนวนหนึ่ง แม้จะไม่ใช่ทั้งหมด แต่ก็มีจำนวนไม่น้อย

เช่นเดียวกับตำรวจที่มีหลักฐานหลายต่อหลายชิ้นที่แสดงให้เห็นชัดว่า “บ้าคลั่ง” ทำร้ายประชาชน รวมถึงผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องอย่างหน้ามืดตามัว โดยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตรรู้เห็นเป็นใจ ขณะที่บรรดา “นายพลถั่งเช่า” ก็รับบทตีกินแทงกั๊ก เพิกเฉยต่อสถานการณ์บ้านเมืองจนทำให้ตำรวจมะเขือเทศทั้งหลายย่ามใจทำร้ายประชาชนสนุกมือ

นอกจากนี้ ข่าวดีปิดท้ายปี 2556 อีกข่าวหนึ่งที่สำคัญยิ่งไม่แพ้กันก็คือ ข่าวเรื่องที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) มีมติแจ้งข้อกล่าวหา 2 ประธานขี้ข้า นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภาและอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร นายนิคม ไวยรัชพานิช ประธานวุฒิสภา

นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษก แจกแจงรายละเอียดว่า ตามที่ ป.ป.ช. มีคำสั่งให้ไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีกล่าวหาส.ส. และ ส.ว. จำนวน 383 คน ว่า กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่และร้องขอให้ถอดถอนออกจากตำแหน่ง กรณีเสนอร่างรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติมเกี่ยวกับที่มาของส.ว. โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งชุดร่วมเป็นองค์คณะในการไต่สวน ฯ มาตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค.2556 ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงรวม 6 ปาก โดยได้ขอเอกสารหลักฐานจากศาลรัฐธรรมนูญ รัฐสภา และจากผู้ร้องเป็นจำนวนมากแล้ว และพิจารณาว่า เพียงพอต่อการแจ้งข้อกล่าวหา นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และนายนิคม ไวรัชพานิช ประธานวุฒิสภา ว่ากระทำการส่อไปในทางทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อหน้าที่ราชการ ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายหรือไม่ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 จึงมีมติให้แจ้งข้อกล่าวหา โดยให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 10 ม.ค. 2557

ส่วน ส.ส. และ ส.ว. ที่เหลือ 381 คน ซึ่งถูกร้องในข้อหาเดียวกันนั้นเนื่องจากมีจำนวนมากและมีรายละเอียดเกี่ยวกับพฤติกรรมที่ถูกกล่าวหาต่างกัน ปปช .จึงเห็นสมควรให้สรุปสำนวนและลงมติในวันที่ 7 ม.ค. 2557

นี่คือข่าวดี 2 ข่าวที่เกิดขึ้นท่ามกลางโศกนาฏกรรมของมวลมหาประชาชน และคำถามที่มีต่อกำนันสุเทพ เทือกสุบรรณ




กำลังโหลดความคิดเห็น