ศึกการเมืองสู้ยาวถึงปี 57 ที่ โหรดังวิเคราะห์ชัด หยุดนองเลือดไม่ได้ จับตา “กุมภาพันธ์” นองเลือดครั้งใหญ่ ขณะที่สงครามแตกหักของภาคประชาชนจะเกิดขึ้นในเดือนแดงเดือด “มิถุนายน 57” ที่ประชาชนทุกภาคจะต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะการแบ่งฝ่ายไม่สามารถเจรจาได้ ถือเป็นสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่จะเกิดขึ้น และบ้านเมืองจะใช้เวลาฟื้นฟูอีก 3-8 ปี ขณะที่แกนนำ กปปส.หวั่นคุมมวลชนไม่อยู่เพราะความเกลียดชังตระกูลชินวัตร!
ปลายปี 2555 โหรบ้านโหรเมืองหลายคนทำนายว่า ปี 2556 จะเป็นปีที่มีการปฏิวัติภาคประชาชน! เป็นคำทำนายล่วงหน้าที่เกิดขึ้นจริงในปลายปี 2556 ที่ผ่านมาอย่างที่หลายคนก็คงไม่คิดมาก่อนว่าประชาชนที่เป็น “ไทยเฉย” จะกลายเป็นไทยไม่เฉย และไม่ยอมให้นักการเมืองลุแก่อำนาจทำเพื่อผลประโยชน์ของคนเพียงคนเดียว และตระกูลเดียวอีกต่อไป
เป็นเรื่องที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น แต่ได้เห็นจริง
ปรากฏการณ์ที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นแต่ได้เห็นอีกคือนักการเมืองสุดยี้อย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กลายเป็นขวัญใจมหาชนในชื่อเรียกว่า “ลุงกำนัน”
กี่ยุคกี่สมัยที่ผ่านมาเราเคยแต่เห็น “ทหาร” ออกมายึดอำนาจ “ปฏิวัติ” เพื่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในประเทศไทย แต่วันนี้กลับเป็น “มวลมหาประชาชน” ที่ออกมาเต็มถนนเพื่อต่อสู้โค่นล้มระบอบทักษิณโดยยึดหลักอหิงสา ปราศจากอาวุธใดๆ ทั้งสิ้น ในขณะที่ “ทหารเฉย”
ในส่วนกลุ่มองค์กรภาคธุรกิจ ก็กลายเป็นกลุ่มที่มีบทบาทในการเคลื่อนไหวทางการเมืองในครั้งนี้อย่างชัดเจน และเสนอแนะแนวทางในการปฏิรูปประเทศอย่างเป็นระบบ พร้อมยินดีทำหน้าที่เป็นตัวกลางผลักดันทำให้เกิดขึ้น
ขณะที่ “กลุ่มแพทย์และพยาบาล” ทั้งโรงพยาบาลแพทย์ โรงพยาบาลของรัฐในสังกัดต่างๆ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด รวมไปถึงโรงพยาบาลเอกชน ต่างออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเนืองแน่น
ด้าน “กลุ่มเด็กอาชีวะ” จากสถาบันต่างๆ ก็เลิกตีกัน และหันมาร่วมมือกันในการ “ปกป้องสถาบัน” และเป็นด่านหน้าในการต่อสู้เผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เข้ามาปกป้องระบอบทักษิณโดยตรง
อีกทั้งการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักวิชาการที่หลากหลาย รวมทั้งกลุ่ม ทปอ. (ที่ประชุมอธิการบดี) มีบทบาทและออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองรวมกันมากมายขนาดนี้
อย่างไรก็ดี ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในการต่อสู้เรียกร้องเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณในครั้งนี้ จึงเป็นการรวมพลังของทุกกลุ่ม ทุกอาชีพ ที่ในอดีตเราอาจไม่เคยเห็นการกล้าแสดงออกอย่างชัดเจนเช่นนี้
การชุมนุมขับไล่จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 60 วัน กลับพบว่าปัญหาระบอบทักษิณที่หยั่งกินรากลึกในไทยนั้น ไม่ได้แก้ง่ายๆ แม้จะมีมวลมหาประชาชนออกมาเดินเต็มถนนหลายล้านคนทั้งในวันที่ 24 พ.ย. ,9 ธ.ค. และล่าสุดเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ก็ไม่ได้ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สะทกสะท้านแต่อย่างใด
เนื่องเพราะรักษาการนายกฯ ยิ่งลักษณ์และพลพรรคเพื่อไทย จะเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งก่อนที่จะมีการปฏิรูปประเทศไทยเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องเลือกตั้ง!
“2 กุมภาพันธ์ 2557” ยิ่งลักษณ์ต้องการเลือกตั้ง
ขณะที่ กปปส.และมวลมหาประชาชน ต้องการปฏิรูปประเทศไทยก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง เพราะแท้จริงแล้ว มวลชนคือพลังสำคัญที่ไม่ยอมให้เลิกชุมนุมต่อต้าน ซึ่งนับวันมวลชนยิ่งมีความรู้สึกเกลียดชังกับคนตระกูลนี้ จนบางครั้งแกนนำเองก็คุมมวลชนไม่อยู่
แกนนำ กปปส.บอกย้ำกับทีม special scoop ว่า สิ่งที่กังวลมากที่สุดขณะนี้คือความเกลียดชังตระกูลชินวัตรของมวลมหาประชาชนจะนำไปสู่ความรุนแรงในอีกไม่ช้า โดยเฉพาะเมื่อ “กำนันสุเทพ” ประกาศแล้วว่า เดือนมกราคม 2557 ต้องจบ
กุมภาพันธ์เสี่ยงนองเลือดสูง!
หมอนิด-กิจจา ทวีกุลกิจ โหรทำนายบ้านเมืองชื่อดังวิเคราะห์ตรงกันว่า สถานการณ์บ้านเมืองในปี 2557 มีโอกาสนองเลือดสูงมาก และจะเกิดขึ้นในช่วงก่อนและหลังเดือนกุมภาพันธ์ หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซ้ำเชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดไม่ได้
อีกทั้งแม้จะมีการปฏิรูปประเทศไทย แต่ก็ยังจะป่วน และจะมีสถานการณ์ความวุ่นวายในบ้านเมืองไปอีก 2-3 ปีอย่างแน่นอน ทั้งการลอบวางระเบิด สร้างสถานการณ์ความวุ่นวาย
เหตุเพราะคนคนเดียวที่ไม่ยอมแพ้ ไม่ยอมหยุด และเป็นคนอาฆาตแค้นอย่างที่สุด
อะไรเป็นสัญญาณส่อนองเลือด!
สิ่งที่เป็นสัญญาณส่อนองเลือด หลีกเลี่ยงไม่พ้น ต้องบอกว่าเกิดจากทั้ง 2 ฝ่ายที่ไม่ยอมแม้แต่การอ่อนข้อให้กันแม้แต่ก้าวเดียว ตั้งแต่เรื่องใหญ่อย่างการปฏิรูปการเมือง ที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีรักษาการก็แถลงข่าวชิงการนำไปเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2556 ขณะที่ กปปส.ประกาศทันทีว่าอยากปฏิรูปต้องเข้าร่วมกับ กปปส.เท่านั้น
นอกจากนั้นการพยายามแบ่งฝักแบ่งฝ่ายมวลชนก็เกิดควบคู่กันไปตลอด โดยเฉพาะการแบ่งแยกคนเป็นรายภาคที่ตอนนี้พรรคเพื่อไทยและนางสาวยิ่งลักษณ์ได้เดินสายตอกย้ำอย่างมาก
คน กทม. คนใต้ ต้านรัฐบาล
คนเหนือ คนอีสาน รักรัฐบาล
สิ่งที่ชัดเจนยิ่งคือท่าทีของรัฐบาลที่ไม่ได้สนใจเลยว่าการคัดค้านต่อต้านรัฐบาลอยู่ในเวลานี้จะมีคนเข้าร่วมมากมายเพียงไร เหตุผลของพรรคเพื่อไทยคือ “ไม่ใช่ฐานคะแนนทางการเมือง” “สนใจทำไม ไม่เลือกพรรคเพื่อไทยอยู่แล้ว”
ซึ่งเป็นแนวความคิดที่แบ่งแยกคนชัดเจน ไม่ได้มองประชาชนเป็นพลเมือง แต่มองประชาชนเป็นฐานเสียงและไม่ใช่ฐานเสียง โดยพรรคเพื่อไทยมองว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ส.ส.500 แบ่งเป็น ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ 125 รายชื่อ ส.ส.เขต 375 เขต
เมื่อเพื่อไทยแบ่งพื้นที่เป็นเหนือ-อีสาน ก็แสดงว่าให้ความสำคัญกับคะแนนเสียง
ดังนั้น พรรคเพื่อไทยจึงเน้นการหาเสียงไปที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน ที่รวมกันแล้วมี ส.ส.ได้มากถึง 162 คน มากกว่า ส.ส.กทม.รวมกับ ส.ส.ใต้ที่มีแค่ 86 เสียง (กทม. 33 คน ภาคใต้ 53 คน ภาคอีสาน 126 คน ภาคเหนือ 36 คน ภาคกลาง 82 คน ภาคตะวันออก 26 คน และภาคตะวันตก 19 คน)
ส่วนความพยายามที่จะทำให้คนแตกแยกกันเป็นภาคต่างๆ ของรัฐบาลเพื่อไทยก็มีอย่างชัดเจนมาตลอด
ขณะที่การต่อสู้ระดับสนาม ฮาร์ดคอร์ตัวพ่ออย่าง “คปท.” ก็เป็นม็อบที่ไม่กลัวว่าจะเกิดอันตรายถึงชีวิต มีการสู้กับภาครัฐแบบดุเดือด โดยเป็นหน่วยแนวหน้าตลอด ทั้งการพังแบร์ริเออร์ทำเนียบ-สำนักงานตำรวจนครบาล หรือการเดินสายไปปิดล้อม กกต.ในช่วงการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ ที่สนามกีฬาไทยญี่ปุ่น-ดินแดง
ฮึ่มๆ ตลอด และไม่มียอมหรืออ่อนข้อใดๆ
โอกาสนองเลือดนับจากนี้ไปคงหลีกเลี่ยงได้ยากแล้ว...
คนตระกูลเดียวยึด ‘การเมือง-เศรษฐกิจ’
ด้าน ดร.เทียนชัย วงศ์ชัยสุวรรณ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า การก่อตัวทางการเมืองในขณะนี้ถือเป็นพัฒนาการด้านประชาธิปไตยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทย จึงเชื่อว่าเกมนี้ยาวแน่นอน
แต่เกมยาวต่อจากนี้ไปเป็นข้อดี ถือว่าเป็นวิกฤตที่เป็นโอกาสจะพัฒนาประชาธิปไตยภาคประชาชน ที่ขณะนี้ถือว่ามีพัฒนาการใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และเป็นมิติที่หายาก อย่างเช่น การรวมตัวของภาคประชาชนที่เป็นการรวมตัวของทุกชนชั้น ตั้งแต่คนชั้นสูงที่เป็นราชนิกุล ผู้มีบทบาททางสังคม ประชาชนธรรมดา หรือแม้กระทั่งกลุ่มเพศที่ 3 ก็มีบทบาทในการออกมาแสดงจุดยืนในการเคลื่อนไหวทางการเมือง นับเป็นการเปิดพื้นที่การเมืองภาคประชาชนอย่างมาก
“สู้สั้น กระบวนการนี้ก็จบเร็ว แต่ถ้าสู้นานก็ไม่เป็นไร เพราะจะมีการสร้างระบบเครือข่ายพัฒนาการทางประชาธิปไตยขึ้นมา เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในประเทศสหรัฐอเมริกา”
โดยวิกฤตที่เกิดขึ้นในเวลานี้เป็นการต่อสู้ของคน 1% ที่สู้กับคน 99% ในโลกที่เรียกว่าเป็นยุคทุนนิยมสมัยใหม่ ที่สร้างคนแบบที่เรียกว่า super class หรือคนรวยล้นฟ้าขึ้นมา เหมือนไทยก็มีคนตระกูลเดียวที่รวยขึ้นมา คุมเหนือทั้งการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ
ปรากฏการณ์อย่างนี้ก็เกิดขึ้นในยุโรป และอเมริกา
แต่สุดท้ายคนจำนวนมากกว่าก็จะทนไม่ได้
ไม่สู้-เศรษฐกิจบ้านเมืองพัง
“ยิ่งคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่เท่าไหน ประเมินตัวเองสูงเท่าไร คิดว่ามีเงินเยอะ เงินซื้อได้ทุกอย่าง มีลูกน้องทั้งหมด ก็จะเกิดความฉิบหาย เรียกว่านายทุนที่ทำลายตัวเอง”
เพราะฉะนั้นถ้ามองพัฒนาการทางการเมือง มองได้ว่าเกมนี้เป็นเกมยาว ไม่เลิกราง่ายๆ
“ต้องสู้ เพราะถ้าปล่อยให้เขาบริหารเศรษฐกิจต่อไปมีแต่เศรษฐกิจจะพัง สร้างหนี้สร้างสินให้คนไทย เช่น ข้าวจะเห็นได้ชัดมากว่านโยบายผิดพลาด เจ๊ง แต่ยังทุ่มต่อ ทุ่มต่อ เป็นนิสัยของ พ.ต.ท.ทักษิณที่แพ้ไม่เป็น ทุ่มต่อเหมือนคนติดการพนัน ถ้าเรายอม ต้องพินาศทางเศรษฐกิจอีกเท่าไร”
อย่าลืมนะว่าเขาไม่แคร์ “ทุนโลกาภิวัตน์สมัยใหม่” ไม่ได้แคร์ว่าเศรษฐกิจของประเทศจะล่มสลายหรือว่าอะไร เพราะคนกลุ่มนี้สามารถเคลื่อนทุนไปลงทุนที่อื่นได้ แต่คนในประเทศไม่ได้ทำแบบนั้นทั้งหมด
“เป็นเรื่องที่เขาไม่สนใจว่าบ้านเมืองจะพังพินาศแค่ไหน เพราะเขายังหากำไรจากธุรกิจที่เชื่อมต่อกันในโลกได้ ทุนนิยมไม่มีพรมแดน เคลื่อนจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งได้ แต่ประชาชนธรรมดา คนที่ไม่มีโอกาสสิจะแย่”
มิถุนา-สงครามแตกหักประชาชนแบ่ง 2 ฝ่าย
เกมยาวนี้ ในมิติของดวงดาวแล้ว อาจารย์โสรัจจะ นวลอยู่ โหราศาสตร์ดวงดาวชื่อดัง กล่าวว่า ถ้าดูตามดวงดาวแล้ว เหตุการณ์บ้านเมืองของไทยจะเป็นการต่อสู้ยาว
โดยขณะนี้คือปลายปี 2556 นั้นถือว่าลักขณาดวงเมืองอยู่ในราศีเมฆ ที่เสาร์มีราศีตุลย์เล็งอยู่ ส่งผลให้ปัญหาของปลายปี 2556 นี้จะเกิดยาวไปถึงปี 2557 เพราะดาวทั้ง 2 ดวงยังไม่เปลี่ยน จนกว่าจะถึงกลางปี ในช่วงประมาณเดือนมิถุนายน 2557 ที่ราหูจะเขยิบเข้าราศีกันย์
“ราหูกับเสาร์เดินสวนทางกันตลอด แต่ราหูจะย้ายก่อน จะย้ายช่วงเดือนมิถุนายน 2557 ที่บ้านเมืองจะถึงจุดแตกหัก เป็นเหตุการณ์รุนแรงถึงขึ้นเป็นสงครามกลางเมือง เพราะคนชิงชัง แบ่งฝักแบ่งฝ่ายกันจนไม่มีทางออก ฉะนั้นจะเกิดเหตุการณ์รุนแรงอย่างมากในช่วงนั้น เรียกได้ว่าประวัติศาสตร์การต่อสู้กันเองของคนไทย จะไม่มีเหตุการณ์ไหนในอดีตที่รุนแรงเท่าเหตุการณ์นี้ จะเป็นประวัติศาสตร์ช่วงสำคัญของบ้านเมืองอย่างมาก”
ทั้งนี้ เหตุการณ์นองเลือดจะเกิดขึ้นได้นับจากวันนี้ไปเป็นระยะๆ จนกว่าจะถึงจุดแตกหัก หรือจุดที่คนไทยเข่นฆ่ากันเอง สงครามการเมืองครั้งนี้จะมีการแบ่งการต่อสู้เป็นภาค ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ แต่ละภาคจะสู้กันเอง
โดยจากดวงดาวแล้ว ตั้งแต่วันนี้ไปจนถึงปี 57 และหลังจากมีการเข่นฆ่ากันแล้วจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีมากกว่าจะเข้าสู่ความเจริญ การก้าวขึ้นเป็นมหาอำนาจของประเทศไทยได้
ณ วันนี้ จึงอยากเตือนว่า ดวงดาวเป็นเรื่องที่เปลี่ยนไม่ได้ แต่คนไทยต้องหันหน้าเข้าหากัน เจรจากัน และขอให้แต่ละคนทำบุญให้มากเข้าไว้ ก็อาจจะช่วยได้บ้าง
หลัง 16 มิ.ย.-กฎหมายคลี่คลายปัญหาบ้านเมือง
ขณะที่ อาจารย์ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ กล่าวเช่นเดียวกันว่า ถ้าดูจากลัคนาเสาร์ราหูที่เล็งดวงเมืองอยู่ ก็จะพบว่าจากประวัติศาสตร์ที่ดวงดาวอยู่จุดนี้ ก็จะมีเหตุการณ์บ้านเมืองรุนแรงทุกรอบ ซึ่ง 1 รอบการเดินของลัคนาเสาร์ราหู 1 รอบจะมี 18.6 ปี เมื่อนับถอยหลังไป 1 รอบ จะเจอเหตุการณ์ในช่วงปี พ.ศ. 2538 ที่มีการสูญเสียบุคคลสำคัญของบ้านเมืองไป และมีการยุบสภาตรงกับวันที่ราหูอยู่ในตำแหน่งนี้พอดี บ้านเมืองก็มีน้ำท่วม ขณะที่นับไปอีก 1 รอบ จะเจอปี 2519 ที่มีการจลาจล และนองเลือด
“ดูประวัติศาสตร์แล้วก็เห็นได้ชัดว่ามีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นร้ายแรงจากดวงดาวจริงๆ เหตุการณ์ยุบสภาในปี 2538 นี่เกิดขึ้นในวันที่เสาร์ราหูอยู่ตำแหน่งนี้พอดีอีกด้วย เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อ แต่เกิดขึ้นจริง”
ดังนั้นถือว่าเวลานี้บ้านเมืองอยู่ในตำแหน่งที่ซ้ำรอยเดิม กับการใช้กำลัง การยึดอำนาจ แต่ในโลกสมัยก่อนคนอาจจะยอมรับการยึดอำนาจโดยทหารได้ แต่วันนี้ยอมรับไม่ได้ จึงเกิดการยึดอำนาจแบบใหม่ขึ้นมา
ทั้งนี้ ถ้าจะมองว่าไม่มีอะไรดีเลยหรือไม่ ก็ยังตอบว่าไม่ใช่ เพราะในกลางปีหน้าคือวันที่ 16 มิถุนายนไปแล้วในส่วนของดาวพฤหัสจะโคจรจากลัคนาเมถุนไปเข้ากรกฎา ซึ่งดาวพฤหัสจะเป็นเรื่องของผลประโยชน์ วงการกฎหมาย
ในช่วงนั้น กฎหมายจะเป็นตัวคลี่คลายปัญหาบ้านเมืองได้เช่นกัน