หมอดูชื่อดัง “อาจารย์ภิญโญ พงศ์เจริญ” และ “หมอนิด-กิจจา ทวีกุล” เตือน ย่างเข้าสู่ปีใหม่ไทย จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สั่นคลอนประเทศ!! เศรษฐกิจตก คุณภาพชีวิตต่ำ เตรียมรับเหตุปะทะ เปลี่ยนผลัดอำนาจทางการเมือง เพราะอิทธิพลจากราหูและดาวเสาร์โคจรมาเจอกัน เล็งดวงเมืองให้ตกร่องร้ายที่สุดในรอบ 205 ปี!!
รัฐบาลวงแตก ปีนี้ไม่รอดแน่
“ยิ่งแก่เดือนไปก็ยิ่งไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลชุดนี้ ยิ่งอยู่ก็จะยิ่งเจอปัญหาครับ จะเจอมรสุมใหญ่แน่ๆ ถ้ายังไม่เกิดภายใน เม.ย.-พ.ค. ก็ไม่น่าจะรอดช่วง ต.ค.-พ.ย. ไปได้ แต่เขาจะคิดว่าเขาอยู่ได้ ก็ไว้มาดูกัน ว่าจะอยู่พ้นปีนี้ไหม!!” หมอนิด-กิจจา ทวีกุล หมอดูชื่อดังซึ่งถนัดการทำนายด้วยญาณ ประกาศอนาคตทางการเมืองของประเทศเอาไว้ด้วยน้ำเสียงมั่นใจเกินร้อย
ผลจากการทายทักผ่านตำราจีน นั่งญาณ และนำเอาดวงของผู้มีอำนาจอยู่นอกประเทศ มาประกอบเสริมเข้ากับชะตาของผู้ที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงคนหลักๆ ซึ่งมีอิทธิพลต่อการชี้นิ้วสั่งการบริหารภายในประเทศ ได้ความว่าคราวนี้คงถึงกาลตกอับของบ้านเมือง เพราะดวงผู้นำคนสำคัญตกอับเกือบหมด ส่งผลให้การทำงานของรัฐบาลสั่นสะเทือน
“เพราะช่วงนั้นธาตุน้ำเข้ามาเล่นงานเต็มๆ แล้วดวงของผู้มีอำนาจที่อยู่ทางไกลก็เป็นธาตุไฟ ดวงบุคคลสำคัญหลักๆ ของรัฐบาลนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นธาตุไฟ เพราะฉะนั้น รัฐบาลนี้คงอยู่ไม่ได้แล้ว”
สอดคล้องกับคำทำนายจากดวงดาวของ อาจารย์ภิญโญ พงศ์เจริญ นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ ที่บอกเอาไว้ว่า ดวงผู้บริหารประเทศตกหายนะ เพราะดวงเมืองย่ำแย่ ถูกอิทธิพลจากราหูและดาวเสาร์เข้ามาซ้ำ มีแต่ความแตกแยก สั่นคลอน
“ถ้าตีความจากความหมายของดวงดาวแล้ว ดาวเสาร์เป็นเจ้าเรือนที่ 10 ของดวงเมือง ซึ่งหมายถึงคณะรัฐมนตรี คนที่ดูแลรับผิดชอบบริหารประเทศ และราหู เป็นตัวแทนภาพที่ 11 ของดวงเมือง หมายถึงรัฐสภา เมื่อทั้งดาวเสาร์และราหู มาโคจรตกในราศีตุลย์ ตกดวงเมืองร้าวเช่นนี้ จึงหมายถึงการบริหารประเทศที่สั่นคลอน แตกแยก แตกร้าว ตามดวงเมือง”
ประชาชนลุกฮือ ผลัดอำนาจทางการเมือง
ตามวงโคจรของราหู จะเดินทางเข้าสู่ราศีตุลย์ทุกๆ 18 ปี และครั้งนี้ก็ครบวงโคจรนั้นพอดี ซึ่งแต่ละครั้งที่วงรอบดวงดาวมาบรรจบเช่นนี้ จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าขนลุกเสียทุกครั้ง
อาจารย์ภิญโญเริ่มยกตัวอย่างให้เห็นภาพชัดขึ้น โดยการนับถอยหลังไปอีก 18 ปีก่อนหน้านี้ ในปี 2538 มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองเกิดขึ้น เป็นยุคที่นายชวน หลีกภัย ประกาศยุบสภา หลังจากถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทั้งยังเป็นปีที่เกิดปัญหาอุทกภัย เป็นปีที่สมเด็จย่า (สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี) เสด็จสวรรคต หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์เสียชีวิต เรียกว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงที่น่าใจหายหลายด้าน ดังนั้น ปีนี้จึงต้องระวังเอาไว้เช่นกัน ทั้งทางด้านการเมือง การสูญเสีย และด้านอุบัติภัย
ถอยหลังไปอีก 18 ปีก่อนหน้านั้น เป็นปี 2520 ใกล้เคียงช่วง 6 ต.ค. 2519 ที่เกิดการจลาจลครั้งใหญ่กลางพระนคร ถอยไปอีก 18 ปี เป็นปี 2502 ก็มีเหตุการณ์จอมพลสฤษดิ์ยึดอำนาจ เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น เกิดจากผลของวงโคจรของราหูที่มาอยู่ในลักขณาราศีตุลย์
“แล้วคิดดูว่าครั้งนี้ มีดาวเสาร์มาช่วยเสริมแรงปะทะเข้ามาอีก เรียกว่าเป็นปรากฏการณ์ “ดวงเมืองร้าว ดวงช้ำ ดวงแตก” จึงมีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่กว่าทุกครั้งที่ผ่านมา น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงการปกครอง เปลี่ยนผันรัฐบาล อาจจะด้วยการลาออก ยุบสภา และมีความเป็นไปได้สูงที่จะมีการชุมนุม การจลาจล และยึดอำนาจกันเกิดขึ้น” นายกสมาคมโหราศาสตร์นานาชาติ เตือนด้วยคำทำนาย ซึ่งสอดคล้องกับผลการทายทักของหมอนิดจนน่าตกใจ
“ที่แน่ๆ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เป็นไปได้ว่าจะเกิดเลือดตกยางออก ยกเว้นเสียแต่ว่า ป.ป.ช. หรือตุลาการทำงานเร็ว มีการตัดสินชี้ถูกผิดเร็ว ก็จะสามารถลดการปะทะได้ จะไม่เกิดสงครามประชาชนขึ้น ไม่ว่ากรณีการแก้ข้อกฎหมายหรือโครงการใหญ่โตที่กำลังดำเนินการ ถ้ายิ่งผลการตัดสินออกมาเร็ว ก็จะยิ่งช่วยลดไม่ให้เกิดการปะทะระหว่างกลุ่มประชาชนได้”
เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบ 205 ปี!!
การเปลี่ยนแปลงและความสูญเสียที่ยกตัวอย่างไปนั้น เป็นเพียงผลจากราหูที่เกรี้ยวกราดเพียงดวงเดียว แต่ครั้งนี้ ราหูโคจรมาพบกับดาวเสาร์ในราศีตุลย์ ยิ่งเสริมให้ดวงเมืองวิกฤตเข้าไปใหญ่ อิทธิพลของราหูจะมีผลตั้งแต่วินาทีนี้จนถึง วันที่ 30 มิ.ย. 2557 ส่วนอิทธิพลของดาวเสาร์จะแสดงฤทธิ์ตั้งแต่ตอนนี้ จนถึงวันที่ 26 พ.ย. 2557
“ในอดีต เคยมีเหตุการณ์ที่ราหูและดาวเสาร์โคจรมาประชุมกัน เมื่อ 205 ปีที่แล้ว ทำให้รัฐปัตตานีแข็งเมืองจนทางกรุงเทพฯ ต้องส่งกองกำลังไปปราบปราม จากนั้นรัฐปัตตานีก็แยกออกเป็นหัวเมืองต่างๆ ปกครองตัวเอง เมื่อวงรอบที่ราหูกับดาวเสาร์มาประชุมกันที่ราศีตุลย์โคจรมาอีกครั้ง ดวงเมืองจะเข้มข้นขึ้น อาจมีผลทำให้ซ้ำรูปเดิม ดังนั้น ต้องระมัดระวังเรื่องความไม่สงบในจังหวัดชายแดนใต้ให้มากๆ” อาจารย์ภิญโญเตือน
ถามว่าจะแก้ดวงเมืองได้อย่างไรบ้าง ผู้ทำนายได้แต่ส่ายหน้า บอกว่าคงแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะดวงเมืองก็คือดวงเมือง มีหน้าที่หมุนไปตามวงโคจรของมัน ส่วนเรื่องจริงที่จะเกิดขึ้น ถ้าคนเรามีสติ ระลึกได้ มีความคิดรอบคอบพอว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำ ก็จะช่วยให้เรื่องราวต่างๆ ไม่แตกแยกบานปลายเกินไปนัก
ตรงกับคำทำนายของหมอนิดที่บอกเอาไว้ว่า “ถ้าจะแก้ดวงเมือง คงแก้ไม่ได้ แต่อาจจะแก้ที่การกระทำ คือถ้าผู้บริหารประเทศตอนนี้ไม่แก้ไขกฎหมายนิรโทษกรรม ถ้าไม่ดำเนินโครงการใหญ่ๆ ที่วางโปรเจกต์ไว้ น่าจะทำให้เหตุการณ์เย็นลงได้ ไม่ระอุมากนัก”
ส่วนเรื่องความขัดแย้งระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ ที่หลายคนกำลังเกรงว่าจะก่อให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 นั้น ผลการโคจรของดวงดาวเตือนว่าอย่าเพิ่งวางใจ เพราะขณะนี้ราหูกำลังเล็งดวงโลกอยู่อย่างรุนแรงพอๆ กับที่เล็งดวงเมืองของประเทศไทย โดยเฉพาะประเทศในคาบสมุทรอินโดจีน เช่น จีน เกาหลี ญี่ปุ่น รวมถึงไทย จะถูกราหูเล็งอย่างหนัก อาจเกิดเหตุปะทะเกิดขึ้นได้ แต่ไม่น่าจะร้ายแรงถึงขั้นขยายใหญ่เป็นสงครามโลกอย่างที่กังวลกัน
เศรษฐกิจตก คุณภาพชีวิตต่ำ
“ไม่มีหวังที่เศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นมาเลย มีแต่จะเฉาลงไปเรื่อยๆ ทุกสาขาอาชีพไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ ยิ่งกิจการเกี่ยวกับการส่งออกยิ่งแย่ จะมีปัญหา ขายไม่ได้ ติดขัดไปหมด ส่วนเรื่องหุ้น ตั้งแต่ตอนนี้จนถึงเดือน พ.ค. ให้จับตามองให้ดี เพราะหุ้นจะตกมาก เรียกว่าแดงทั้งกระดานเลย และปัจจัยที่จะส่งผลกระทบให้เป็นแบบนั้นก็คือ เรื่องการเมืองนี่แหละ” หมอนิดนั่งญาณทำนาย
“ถึงแม้มองเผินๆ แล้วจะดูเหมือนทุกวันนี้ความเป็นอยู่ดี แต่แท้จริงเป็นความดีจอมปลอม ดีแบบฉาบฉวย ไม่ได้ดีจริงๆ” อาจารย์ภิญโญช่วยเสริม “ถึงตอนนี้ ดาวพฤหัสกำลังโคจรอยู่ในราศีพฤษก ดาวพฤหัสหมายถึงการเงินการคลัง ยังไม่น่าหนักใจเท่าไหร่นัก กำลังเดินหน้าไปได้เรื่อยๆ เรื่องการเงินจะหมุนไปสู่การคมนาคมขนส่ง เรื่องถนนหนทาง จะช่วยให้เรื่องการค้าและการเดินทางภายในประเทศไหลเวียนไปได้ดี แต่ไม่ได้ดีมาก เพราะเป็นความเจริญแบบไม่ยั่งยืน ต้องจ้องจับตาดู หลังจาก 27 พ.ค. ปีนี้ ดาวพฤหัสจะย้ายไปอยู่ในราศีเมถุน อาจทำให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีกเยอะแยะ”
มีแต่ดวงร้ายรุมเร้าแบบนี้ แน่นอนว่าประชาชนอย่างเราๆ ต้องกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องสภาวะจิตใจ “ราหูเล็งลักขณาดวงเมือง เกิดภาวะตึงเครียด ทำให้ความสุขของผู้คนลดน้อยลงเรื่อยๆ รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเอง มัวแต่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องต่างๆ ที่เข้ามา ถึงแม้ผู้ปกครองบ้านเมืองจะพยายามเร่งนโยบายเพื่อการพัฒนา แต่กลับไม่ทำให้ผู้คนมีความสุขมากขึ้น เพราะสิ่งที่ได้คือความฉาบฉวย จะมีการลุกฮือขึ้นมาแสดงความรักของคนในชาติ ต้องระวังเรื่องความขัดแย้ง อุบัติเหตุ และอุบัติภัย คำพยากรณ์บอกเอาไว้ว่าจะเกิดภัยแล้งขึ้น ส่วนตอนปลายปีจะมีปัญหาเรื่องน้ำ และมีแนวโน้มว่า “กิจการสีเทา” ในสังคมจะดำเนินการไปได้ด้วยดี”
หมอนิดช่วยสรุปปิดท้ายดวงเมืองดวงร้ายช่วงหลังสงกรานต์นี้ว่า “สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นในสังคมได้คือ จะต้องไม่มีนักการเมืองชุดปัจจุบันทุกพรรคอยู่ และหลังจากรัฐบาลนี้หมดอำนาจลงไป ไม่ว่าจะด้วยทางใดก็ตาม จะไม่มีพรรคการเมืองไหนได้ปกครองประเทศ และจะไม่มีการเลือกตั้งไปอีกอย่างน้อย 5 ปี ทางฝ่ายค้านเองก็ดวงตก ถึงแม้พรรคเพื่อไทยจะไม่ได้เป็นรัฐบาล แต่พรรคประชาธิปัตย์ก็จะยังไม่ได้เป็นเช่นกัน”
ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ LIVE