“สุกำพล” พร้อมคณะลงชายแดนใต้เยี่ยมค่ายทหาร และชมสาธิตโจรใต้ก่อเหตุ ยกเป็นสิทธิ “เฉลิม” ตั้งวาดะห์ที่ปรึกษา เชื่อคิดดีแล้ว แนะอย่ามองแค่เหตุป่วนรายวัน โวสถานการณ์ดีขึ้น 2-3 เดือนเห็นชัด อ้างโจรใต้กลับใจเพียบ สั่งทำความเข้าใจ ปชช ม.21 ดีขึ้นพร้อมปรับลด กม. ลั่นมาถูกทาง เล็งนำสื่อฯ ลงพื้นที่ ชี้ “ปู” บอกพร้อมจัด ครม.สัญจร คุยทีมดับไฟใต้ทีมเวิร์กดี โบ้ยสื่อตีความสับสน ปัดผิดใจ “เหลิม”
วันนี้ (21 ก.พ.) ที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 (บน.6) พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ม.ล.ประสบชัย เกษมสันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ผู้แทนจากกระทรวงมหาดไทย และคณะนายทหารระดับสูงร่วมเดินทางลงตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการร้อยปืนเล็กที่ 2 (ร้อย ปล.ที่ 2) หน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส 32 อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส พร้อมตรวจเยี่ยมกองกำลังทหารพรานค่ายอิงคยุทธบริหารจังหวัดปัตตานี และชมการสาธิตการก่อเหตุด้วยระเบิดแสวงเครื่องของผู้ก่อเหตุรุนแรง
โดย พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวก่อนเดินทางถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งกลุ่มวาดะห์ 9 คนเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เป็นสิทธิของ ร.ต.อ.เฉลิม คงคิดรอบคอบแล้ว ซึ่งการตั้งที่ปรึกษาเป็นสิทธิส่วนตัว ตนสามารถตั้งได้เหมือนกัน ส่วนที่มองว่าบางคนมีประวัติไม่ค่อยดีนั้นตนถามว่าคดีจบหรือยัง และคดีจบแล้วเป็นอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมคงทราบแล้ว เรื่องนี้ต้องถามท่าน ส่วนเขาจะมาช่วยแก้ปัญหาได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้เป็นที่ปรึกษาตน ต้องไปถาม ร.ต.อ.เฉลิม เรื่องนี้เป็นเรื่องของท่าน อย่าให้ตนแสดงความคิดเห็น ท่านก็มีมุมมองหนึ่ง ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันทั้งนั้น คือ อยากให้ภาคใต้ดีขึ้น แต่วิธีการหรือสไตล์อาจไม่เหมือนกัน
“สถานการณ์ภาคใต้ขณะนี้ดีขึ้น ต้องบอกว่าดีวันดีคืน อีก 2-3 เดือนจะดีมากกว่านี้อีก ในปีนี้น่าจะดีมากๆ เพราะมีสิ่งบอกเหตุหลายอย่าง ขอให้ดูเอาเอง อย่ามองระเบิดรายวัน อย่ามองแคบ ขอให้มองให้ยาว หากลงไปคลุกคลีจะเห็นว่า ปัญหาภาคใต้ดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมามีผู้ก่อความไม่สงบมาติดต่อขอมอบตัวมากมาย แต่กลุ่มหัวแข็งยังไม่ยอมก็ยังมี ซึ่งเราจะค่อยๆ รุกไป โดยผมจะลงไปคุยว่ากลุ่มที่ติดต่อมามอบตัวมีกลุ่มใดบ้าง ทั้งนี้ต้องให้หน่วยในพื้นที่เร่งประสัมพันธ์เกี่ยวกับมาตรา 21 เพราะบางทีชาวบ้านอาจยังไม่เข้าใจ บางคนไปทำความผิดหลายพื้นที่ แต่กฎหมายที่ประกาศขณะนี้แต่ละพื้นที่ใช้กฎหมายคนละฉบับ คือ พ.ร.บ.ความมั่นคงใช้ใน 4 อำเภอ จ.สงขลา ส่วน พ.ร.ก.ฉุกเฉินใช้ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ถ้าไปทำผิดทั้ง 2 พื้นที่จะต้องทำอย่างไร ซึ่งจะต้องไปหารือให้ได้ข้อสรุป เพื่อให้ผู้มามอบตัวมั่นใจและเข้าใจ ทั้งนี้ หากพื้นที่ไหนที่สถานการณ์ดีขึ้นก็จะมีการปรับเปลี่ยนจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแทน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องหารือร่วมกันอีกครั้ง เพราะการประกาศใช้กฎหมายแต่ละฉบับมีเหตุผลในตัว เราต้องอธิบายให้ชาวบ้านเข้าใจด้วย” รมว.กลาโหมกล่าว
พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า นโยบายที่ใช้อยู่ขณะนี้ดีและถูกต้องทุกอย่าง เพียงแต่การปฏิบัติเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาและความอดทน ไม่ใช่มีระเบิด 1-2 วันแล้วบอกว่าเหตุการณ์ร้ายแรง มันมีบ้างธรรมดา เหมือนชกเขาแรง เขาก็ชกกลับบ้างเป็นเรื่องธรรมดา บางครั้งต้องเข้าใจสถานการณ์และรูปแบบของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จะพูดทุกวันไม่ได้ ซึ่งเราเดินมาถูกทางแล้ว ผู้ดำเนินการเรื่องนี้ต้องมั่นคงและนิ่ง ไม่ไขว้เขว คิดว่าถ้าเป็นไปได้เดือนหน้าจะนำคณะสื่อมวลชนลงพื้นที่ภาคใต้ จะได้เห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ ส่วนกรณีที่ ครม.มีแผนว่าจะไปประชุม ครม.สัญจรในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่างนั้น เป็นเพียงกำหนดการเบื้องต้นว่าจะลงไปในช่วงเดือน พ.ย. แต่ยังไม่ได้กำหนดพื้นที่ รายละเอียดชัดเจน ซึ่งนายกฯ บอกว่าถ้าพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้พร้อมเมื่อไหร่ก็จะลงไป แต่ขณะยังไม่ได้กำหนดวัน เพื่อให้สิทธิกับภาคใต้ตอนล่างว่าพร้อมเมื่อไหร่ และต้องดูสภาพอากาศด้วย เบื้องต้นได้คุยแล้วว่าให้หาช่วงเวลาที่ดีสุด และจะประชุมที่ไหน อย่างไร
เมื่อถามว่า ท่านจะร่วมลงภาคใต้พร้อมกับ ร.ต.อ.เฉลิม หลังจากการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เสร็จสิ้น หรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ถ้าท่านชวนไปตนก็ไป เพราะตนมีปฏิทินลงภาคใต้ทุกเดือนอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นหน้าที่ของตนที่จะดูในระดับนโยบาย ส่วนผู้บัญชาการทหารบกเหมือนหัวหน้าระดับผู้ปฏิบัติโดยตรงดูในระดับลึกลงไป คือในส่วนของกองทัพบก และกอ.รมน.ซึ่งการทำงานในภาคใต้เรามีการประสานงานสอดคล้องกันตลอด เข้ากันได้ดี เป็นทีมเวิร์กที่ดีมาก เป็นตัวอย่างให้กับภาคอื่นได้เลย ใครบอกว่าไทยเป็นทีมเวิร์กไม่เป็นให้ไปดูที่ภาคใต้ กอ.รมน.กับ ศอ.บต.ทำงานคู่กันตลอด ถือเป็นจุดแข็งของฝ่ายรัฐ ปัญหาที่ผ่านมาที่บอกว่าขัดแย้งกับ ร.ต.อ.เฉลิมเรื่องเคอร์ฟิว เป็นเรื่องของความคิด ความจริงยังไม่ได้สั่งอะไรเลย แต่สื่อไปเสนอข่าวตั้ง 7 วัน ทำให้คนอ่านสับสน ที่สื่อเขียนไปกับข้อเท็จจริงในพื้นที่มันผิดกัน ทำให้คนเข้าใจผิด