“สุกำพล” อุบปรับกำลังทหารรอบพระวิหารปกติ ผบ.สส.เตรียมชงข้อมูล “ปู” เจรจาเขมร

ผบ.สส.เผยกองทัพเตรียมข้อมูลเขาพระวิหารเสนอ “ยิ่งลักษณ์” เจรจาเขมรเรื่องเขาพระวิหาร อีกไม่เกิน 10 วัน เขมรส่งชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดรอบเขาพระวิหารพร้อมหารือกับไทย ด้าน “สุกำพล” อุบข้อเสนอเหล่าทัพเรื่องปรับกำลังทหาร อ้างเป็นกรณีพิเศษโอกาสครบ 1 ปีคำสั่งศาลโลก ชี้ปกติก็ปรับกำลังอยู่แล้วแต่พูดไม่ได้

วันนี้ (12 ก.ค.) ที่รัฐสภา พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเดินทางเยือนประเทศกัมพูชาในวันที่ 13 ก.ค.นั้นจะมีการเสนอข้อมูลเรื่องเขาพระวิหารต่อนายกฯ เพื่อนำไปหารือกับทางกัมพูชาหรือไม่ว่า เป็นนโยบายของรัฐบาล ทางกองทัพได้เตรียมข้อมูลไว้ให้ หากนายกรัฐมนตรีมีข้อสงสัยเราก็พร้อมมีข้อมูลให้ ทั้งนี้ ยืนยันว่าเราทำตามกฎกติกาและอยู่ร่วมกัน มีคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา หรือเจดับเบิลยูจี (JWG) อะไรที่เกิดขึ้นต้องเท่าเทียมกัน ที่ผ่านมาไทยและกัมพูชาได้มีการหารือและมีความคืบหน้าที่ดี ซึ่งอีกไม่เกิน 10 วันทางกัมพูชาจะส่งชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดมาหารือกับไทย และจะเริ่มเก็บกู้ในพื้นที่รอบเขาพระวิหาร รวมทั้งจะมีการหารือกันว่าจะมีการปรับกำลังกันตรงไหน และต้องเสมอกัน แต่ขณะนี้อยู่แบบนี้ก็มีความสุขด้วยกันทั้งคู่ และไม่มีเรื่องกันมาประมาณ 2 ปีแล้ว

“หากทั้งสองประเทศไม่ร่วมมือกัน อีกหน่อยผลประโยชน์ทั้งหลายจะบินไปที่อื่น ตรงนี้เป็นเรื่องของความรู้สึกธรรมดา หากเราร่วมมือกันและพูดกันด้วยเหตุผล ก็จะวิน-วินทั้งสองฝ่าย และทุกอย่างก็จะไปได้ด้วยดี ที่ผ่านมาสื่อได้นำเสนอว่าจะมีหารือกรณีเอ็มโอยูปี 44 ที่มีปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลว่าจะยกเลิกหรือไม่นั้น ทุกอย่างแต่ละประเทศมีเครื่องมือ รัฐบาลมีคนที่คิดรอบคอบ ทหารก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เสนอความคิดเห็นเท่านั้น” พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าว

เมื่อถามว่า ในเมื่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศดี แต่เหตุใดทางกัมพูชาถึงไปฟ้องศาลโลก พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า เป็นนิสัยและเทคนิคของแต่ละคน คนไทยจะเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ แต่ต้องยึดกฎกติกา แต่ทั้งนี้ขอให้สื่อช่วยเขียนให้อยู่ตรงกลางและออกมาดี ทั้งนี้ขอให้มั่นใจทหารและชาวโลก รวมถึงศาลโลกก็จะมั่นใจเรา เพราะเราทำดีที่สุด

เมื่อถามว่ามีสื่อของกัมพูชานำเสนอว่าทางกัมพูชาจะมีกาปรับกำลังบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร พล.อ.ธนะศักดิ์กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้ หากการปรับเขาคงเปลี่ยนคนหรือเปลี่ยนประเภท แต่ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้มีการคุยกันชัดเจน ถ้ามีการปรับเปลี่ยนประเภทของขึ้นอยู่กับนโบยายของแต่ละประเทศ เพราะการใช้กำลังบริเวณชายแดนจะใช้งบประมาณจำนวนมาก ทั้งนี้ การปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลกต้องว่าไปตามกติกา ซึ่งขณะนี้มีเครื่องมือเจดับเบิลยูจี หากดำเนินการเสร็จแล้วก็จะกลับเข้าไปสู่การดำเนินการของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (จีบีซี) เมื่อรวบรวมเสร็จก็จะนำเสอนรัฐบาล หากยังไม่ลงตัวรัฐบาลก็จะประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) แต่ถ้าสิ่งใดที่จะมีผลกระทบทางนายกฯและทางเราก็ยืนยันว่าจะต้องนำเข้าสู่การพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 190 หากจะต้องมีการขยับกำลังเป็นไปตามขั้นตอนโดยไม่มีอะไรที่ซ่อนเร้นหรือน่ากลัว

ต่อมาในช่วงบ่ายที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพเกี่ยวกับการปรับกำลังทหารบริเวณพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร เพื่อเตรียมข้อมูลให้นายกรัฐมนตรีก่อนเดินทางไปกัมพูชาในวันที่ 13 ก.ค.นี้ว่า เป็นการเตรียมการของฝ่ายไทย เนื่องจากนายกรัฐมนตรีจะมีโอกาสได้พบกับสมเด็จฮุน เซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และที่กัมพูชาออกมาแถลงข่าวหลายครั้งเกี่ยวกับการปรับกำลังทหาร ซึ่งเราได้พูดคุยกันว่า จะเตรียมการเรื่องนี้อย่างไรให้สอดคล้องในการปรับกำลังในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งต้องคุยกับกัมพูชาอีกครั้งหนึ่งว่า ส่วนข้อเสนอของเหล่าทัพ ตนไม่สามารถเปิดเผยได้ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งการปรับกำลังครั้งนี้เป็นกรณีพิเศษในโอกาสครบรอบ 1 ปีที่ศาลโลกได้มีคำพิพากษาคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งไทยและกัมพูชาต้องปฏิบัติตาม แต่ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้ถอนกำลังอะไรกัน ซึ่งคงต้องมีการคุยในรายละเอียด

“ปกติเรามีการปรับกำลังอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้บอก เพราะเป็นเรื่องที่พูดไม่ได้ว่า ปรับไปจำนวนเท่าไร แต่ครั้งนี้เมื่อกัมพูชาจะมีการปรับกำลังก็มาคุยกันว่า ถ้ามีความพร้อมจะทำได้ไหมและจะทำอย่างไร ส่วนหลักประกันที่ต้องทำให้กัมพูชาปรับกำลังเท่ากับไทยนั้น เรื่องนี้เป็นหัวใจที่เราต้องไปคุยว่าจะเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้เมื่อทำเสร็จต้องชี้แจงต่อศาลโลกให้ทราบด้วย โดยต่างฝ่ายต่างชี้แจง ขอให้มั่นใจและไว้ใจกองทัพว่าเราไม่ได้ทำให้เรื่องที่ท่านสงสัยหรือห่วงใยเกิดขึ้น ส่วนเก็บกู้วัตถุระเบิดเราก็ทำอยู่ แต่เมื่อเขาอยากจะปรับกำลังตอนนี้ เราก็ต้องมาคุยเพื่อทำให้เหมือนกัน โดยในสัปดาห์หน้า เราจะให้หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดมาคุยกับเราว่าจะทำอย่างไร แต่ในหลักการเรายังยึดมั่นคณะทำงานร่วม (JWG) เป็นประตูที่จะคุยกันเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลก” รมว.กลาโหมกล่าว

เมื่อถามว่า หากไทยไม่ปรับกำลังตามกัมพูชาจะถูกมองว่าไม่ให้ความร่วมมือหรือไม่ พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า อย่าไปมองอย่างนั้น ตนมองบวก ไม่เคยมองอย่างที่ทางนั้นเขามอง เราก็ทำของเรา ไม่ต้องแถลงข่าวก็ได้ เพราะก็ทำมาหลายครั้ง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเปิดเผยเพราะเป็นเรื่องความมั่นคงว่าเราจะปรับกำลังอย่างไร ซึ่งเราปรับมาหลายครั้งแล้ว แต่จะทำอย่างไรเป็นเรื่องอิสระของทั้งสองฝ่าย ส่วนรายละเอียดยังไม่ขอบอกว่าเป็นอย่างไร