xs
xsm
sm
md
lg

เขมรยิงขู่บางกอกแอร์-จวก“กต.”ผิดพิธีทูตร้ายแรง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“ปู”บินวันนี้ ถกทวิภาคี “ฮุนเซ็น-เต็ง เส็ง" จับตาพบกลุ่มพลังงานมะกัน แลกผลประโยชน์ชาติ “ประสงค์” จวก“บัวแก้ว”ผิดพิธีการทางการทูตร้ายแรง ให้แค่ระดับรัฐมนตรี เชิญผู้นำไปพบถึงต่างประเทศ “มาร์ค” เชื่อมะกันหยิบพลังงานคุยแน่ กระทรวงกลาโหมไทยยอมปรับกำลังตามเขมร งง!เขมรยิงขู่เครื่องบินพาณิชย์ไทย บางออกแอร์โบ้ย!ไม่จริง

เวลา 14.00 น. ของวันที่ 13 ก.ค.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและคณะ จะเดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนานาชาติเสียมราฐ ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อกล่าวปาฐกถาต่อนักธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียนและร่วมงานเลี้ยงรับรอง ณ โรงแรม Le Meridien เมืองเสียมราฐ

ขณะที่เวลา 23.00 น. นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางถึงท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ

นางสาวศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีแถลง ว่าคณะจะถึงโรงแรม Sokha Angkor Resort เพื่อพบหารือทวิภาคีกับสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และประธานาธิบดี เต็ง เส็ง ของเมียนมาร์ ซึ่งจะเป็นการหารือเพื่อยืนยันความสัมพันธ์และความร่วมมือในกรอบทวิภาคีและกรอบอาเซียน

เวลา 18.00 น. นายกรัฐมนตรีจะเข้าร่วมงานเลี้ยงรับรองร่วมกับนางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐอเมริกาและบุคคลสำคัญ และเวลา 19.00 น. นายกรัฐมนตรีจะกล่าวปาฐกถาในงานเลี้ยงอาหารค่ำนักธุรกิจสหรัฐอเมริกา -อาเซียน ภายใต้หัวข้อ Commitment to Connectivity (C2C) จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้นักธุรกิจของสหรัฐฯที่เข้ามาลงทุนในภูมิภาคอาเซียน และนักธุรกิจของอาเซียน ได้มีการพบปะแลกเปลี่ยนในเวทีสัมมนาเพื่อแสวงหาแนวทางความร่วมมือและการค้าการลงทุนกับภาครัฐบาลของแต่ละประเทศในอาเซียน อันจะเป็นการส่งเสริมการเข้าสู่ประชาคมอาเซียนในปี 2558 โดยมีภาคเอกชนชั้นนำจากสหรัฐและจากประเทศอาเซียนที่เข้าร่วมการประชุม รวมทั้ง ผู้แทนจากภาครัฐบาลจากประเทศต่างๆในอาเซียน ร่วมด้วย

นายเสก วรรณเมธี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ประเด็นหารือทวิภาคีกับกัมพูชา จะเน้นกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งขณะนี้กลับมาฟื้นคืนดียิ่งขึ้น รวมทั้งจะมีการหารือถึงการจะจัดประชุมคณะกรรมาธิการร่วม (เจซี) ไทย-กัมพูชา ในเดือนส.ค.นี้ ที่กรุงเทพมหานคร โดยมุ่งขยายความร่วมมือในด้านต่างๆ และเชื่อมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนกับประชาชน

ส่วนการพบปะระหว่างผู้นำไทยและกัมพูชาครั้งนี้ จะหยิบยกเรื่องการให้ความช่วยเหลือนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ 2 แกนนำกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ที่ยังถูกควบคุมตัวในเรือนจำเปรซอร์ ให้ได้รับอิสรภาพหรือไม่นั้น เชื่อว่าเรื่องผลประโยชน์คนไทย หากมีโอกาสคงได้มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นหารืออย่างแน่นอน

**ประสงค์ซัด กต.ผิดพิธีทูตร้ายแรง

น.ต.ประสงค์ สุ่นสิริ อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การเดินทางไปครั้งนี้พิธีการทางการทูตที่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ จะถือเรื่องของระดับเป็นหัวใจสำคัญ ทั้งผู้เชิญและผู้รับว่า ต้องอยู่ในระดับเดียวกัน เช่น รัฐมนตรีต่อรัฐมนตรี ซึ่งจะไม่มีปัญหาเรื่องศักดิ์ศรีตามมาภายหลัง เนื่องจากเป็นเรื่องระหว่างประเทศ

ซึ่งกรณีที่ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐอเมริกา เชิญ นายกรัฐมนตรีของไทยให้ไปพบ แถมยังต้องให้เดินทางออกนอกประเทศ ไปพบถึงประเทศกัมพูชา แต่แทนที่ทางกระทรวงการต่างประเทศของไทย จะปฏิเสธกลับรีบมีการตอบรับตามคำเชิญทันที โดยไม่คำนึงถึงว่าเป็นการทำผิดพิธีทางการทูต จึงเป็นการแสดงให้เห็นถึงความอ่อนด้อยทางการทูตของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่เพียงแค่เห็นจดหมายก็รีบตอบรับ

ทั้งนี้การเชิญจากภาคธุรกิจ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่ดี เพราะเหตุใดจึงไม่เดินทางมาที่ประเทศไทยแล้วทำเรื่องขอเข้าพบนายกรัฐมนตรี แบบนี้จะสมเหตุสมผลมากกว่า

“ตรงนี้เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องสงสัยถึงผลประโยชน์ทับซ้อนต่างๆ เพราะการเชิญครั้งนี้ แม้เป็นการเชิญจากภาคเอกชน ก็ควรที่จะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ไม่จำเป็นต้องตอบรับในทันที และควรถามกลับไปยังผู้เชิญด้วยซ้ำว่าเหตุใดจึงไม่มาหารือกันที่ประเทศไทย ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องเช่นกระทรวงการต่างประเทศ ที่ถือเป็นด่าน แรกที่ต้อเสนอความคิดเห็นให้แก่นายกรัฐมนตรีประกอบการตัดสินใจ กลับปล่อยผ่านเรื่องแบบนี้ไป ซึ่งที่จริงควรตรวจสอบเรื่องนี้ก่อนที่จะให้มีการตอบรับใดๆ เกิดขึ้นด้วยซ้ำ ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอาย"

นอกจากนั้นกลุ่มที่เดินทางมาหารือทางธุรกิจที่กัมพูชา มีบริษัท เชฟรอน เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่ง บริษัท เชฟรอน เองนั้นก็มีผลประโยชน์เกี่ยวกับเรื่องของก๊าซ และน้ำมันในทะเล ที่เป็นปัญหาระหว่างไทยและกัมพูชาอยู่ เป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่จะสงสัยในเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

**มาร์ค เชื่อมะกันหยิบพลังงานคุยแน่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ในแง่ของรูปแบบพิธีการทูตเรื่องมารยาทความเหมาะสม เป็นรูปแบบวิธีการที่ปกติ แต่ตนเห็นว่าแปลกเพราะวันที่ 13 ก.ค.ที่กัมพูชา จะจัดประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศหรือARF (ASEAN RegionalForum)ไม่ได้เป็นการประชุมระดับผู้นำ เพราะถ้าเกิดสมมติว่าเขาจะเชิญผู้นำของเราไปในการประชุมตรงนั้น และมีโอกาสพูดอะไรก็เป็นการให้ความสำคัญ แต่ว่าก็ต้องเป็นคำเชิญจากตัวผู้นำของประเทศเจ้าภาพ แต่ครั้งนี้เชิญไปพบปะกับนักธุรกิจของสหรัฐฯที่เดินทางมาในภูมิภาคนี้ ซึ่งเขาก็สามารถที่จะเชิญโดยตรงที่ไหนอย่างไรถือว่าไม่แปลก เพียงแต่ว่ามันแปลกตรงที่ว่าจริง ๆแล้วที่ผ่านมากลุ่มนักธุรกิจสหรัฐฯนั้น ตนก็เคยพบ เขาจะขอมาโดยตรง แต่มีปัญหาที่เราจะต้องพูดกันในแง่ของตัวเนื้อหาสาระเพราะว่าเวลาที่มีการเดินทางมา ในส่วนของกลุ่มธุรกิจพลังงาน ก็จะคุยเรื่องพื้นที่ทับซ้อนในทะเลกับกัมพูชา แต่เราไปคุยกับเขาที่กัมพูชามันก็คงมีความยากลำบากหรือความซับซ้อน ซึ่งไม่เหมือนกับเราพบเขาที่อื่นหรือที่ในประเทศไท ยเพราะฉะนั้นตรงนี้คิดว่ามันเป็นเรื่องที่แปลก

ส่วนที่นายกฯ ปฏิเสธเรื่องของธุรกิจพลังงานนั้น เชื่อว่านายกฯคงยืนยันไม่ได้ เพราะทางสหรัฐฯมักจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมา
 

ส่วนชัดเจนแล้วหรือไม่ที่บริษัท เชฟรอนซึ่งมีแผนจะมาลงทุนแหล่งพลังงานในพื้นที่ตรงนี้ก็อยู่ในคณะนักธุรกิจที่จะพบกับนายกฯไทย คราวนี้ด้วย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ค่อนข้างมั่นใจ แต่ว่าอันนี้คงจะต้องดูรายละเอียดเพราะว่าทุกครั้งที่มีการเดินทางมาของกลุ่มนักธุรกิจสหรัฐฯนั้น ธุรกิจพลังงานก็เป็นธุรกิจหนึ่งที่เขาแสดงความสนอกสนใจมากโดยเฉพาะในพื้นที่ไทย-กัมพูชา

** 10 วันหารือกู้บึ้มรอบพระวิหาร

เวลา 08.30 น. ที่รัฐสภา พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) กล่าวว่า จะมีการเสนอข้อมูลเรื่องเขาพระวิหารต่อนายกฯ เพื่อนำไปหารือกับทางกัมพูชา เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาล ทั้งนี้ยืนยันว่าเราทำตามกฎกติกาและอยู่ร่วมกัน มีคณะกรรมการร่วมไทย-กัมพูชา (เจดับบิวจี) อะไรที่เกิดขึ้นต้องเท่าเทียมกัน ซึ่งอีกไม่เกิน 10 วันทางกัมพูชาจะส่งชุดเก็บกู้ทุ่นระเบิดมาหารือกับไทย และจะเริ่มเก็บกู้ในพื้นที่รอบเขาพระวิหาร รวมทั้งจะมีการหารือกันว่าจะมีการปรับกำลังกันตรงไหนอย่างเสมอกัน

“ที่ผ่านมาสื่อได้นำเสนอว่าจะมีหารือกรณีเอ็มโอยูปี44 ที่มีปัญหาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลว่าจะยกเลิกหรือไม่นั้น ทุกอย่างแต่ละประเทศมีเครื่องมือ รัฐบาลมีคนที่คิดรอบคอบ ทหารก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เสนอความคิดเห็นเท่านั้น” พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าว

ส่วนที่กัมพูชาไปฟ้องศาลโลก พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า เป็นนิสัยและเทคนิคของแต่ละคน คนไทยจะเป็นคนง่ายๆ อะไรก็ได้ แต่ต้องยึดกฎกติกา แต่ทั้งนี้ขอให้สื่อช่วยเขียนให้อยู่ตรงกลางและออกมาดี ทั้งนี้ขอให้มั่นใจทหารและชาวโลก รวมถึงศาลโลกก็จะมั่นใจเรา เพราะเราทำดีที่สุด

กรณีสื่อของกัมพูชานำเสนอว่าทางกัมพูชาจะมีการปรับกำลัง พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า ก็มีความเป็นไปได้ หากการปรับเขาคงเปลี่ยนคนหรือเปลี่ยนประเภท แต่ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้มีการคุยกันชัดเจน ถ้ามีการปรับเปลี่ยนประเภทของขึ้นอยู่กับนโบยายของแต่ละประเทศ เพราะการใช้กำลังบริเวณชายแดนจะใช้งบประมาณจำนวนมาก

ทั้งนี้การปฏิบัติตามคำสั่งศาลโลกต้องว่าไปตามกติกา ทั้งเจดับบิวจี จีบีซี การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) รวมถึงนำเข้าสู่การพิจารณาตามรัฐธรรมนูญ ตามกรอบมาตรา 190

**กห.ไทยยอมปรับกำลังตามเขมร

เวลา 15.30 น.ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังหารือร่วมกับผบ.เหล่าทัพเกี่ยวกับการปรับกำลังทหารบริเวณพื้นที่ปราสาทเขาพระวิหาร ว่าการปรับกำลังครั้งนี้เป็นเคสพิเศษในโอกาสครบรอบ 1 ปีที่ศาลโลกได้มีคำพิพากษาคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งไทยและกัมพูชาต้องปฏิบัติตาม แต่ขณะนี้ทั้ง 2 ฝ่ายยังไม่ได้ถอนกำลังอะไรกัน ซึ่งคงต้องมีการคุยในรายละเอียด

ส่วนหลักประกันที่ต้องทำให้กัมพูชาปรับกำลังเท่ากับไทยนั้น เรื่องนี้เป็นหัวใจที่เราต้องไปคุยว่า จะเป็นอย่างไร ซึ่งเรื่องนี้เมื่อทำเสร็จต้องชี้แจงต่อศาลโลกให้ทราบด้วย โดยต่างฝ่ายต่างชี้แจง ขอให้มั่นใจและไว้ใจกองทัพว่า เราไม่ได้ทำให้เรื่องที่ท่านสงสัยหรือห่วงใยเกิดขึ้น

ส่วนเก็บกู้วัตถุระเบิดเราก็ทำอยู่ แต่เมื่อเขาอยากจะปรับกำลังตอนนี้ เราก็ต้องมาคุยเพื่อทำให้เหมือนกัน โดยในสัปดาห์หน้า เราจะให้หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิดมาคุยกับเราว่า จะทำอย่างไร แต่ในหลักการเรายังยึดมั่นคณะกรรมการ เจดับบิวจี)
 

ทั้งนี้ หากไทยไม่ปรับกำลังตามกัมพูชาจะถูกมองว่า ไม่ให้ความร่วมมือหรือไม่นั้น พล.อ.อ.สุกำพล กล่าวว่า อย่าไปมองอย่างนั้น ตนมองบวก ไม่เคยมองอย่างที่ทางนั้นเขามอง เราก็ทำของเรา ไม่ต้องแถลงข่าวก็ได้ เพราะก็ทำมาหลายครั้ง ไม่ใช่เรื่องที่ต้องมาเปิดเผยเพราะเป็นเรื่องความมั่นคงว่า เราจะปรับกำลังอย่างไร ซึ่งเราปรับมาหลายครั้งแล้ว แต่จะทำอย่างไรเป็นเรื่องอิสระของทั้งสองฝ่าย

**งง!เขมรยิงขู่เครื่องบินพาณิชย์ไทย

อีกด้าน นายศานิตย์ นาคสุขศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว แจ้งว่า เมื่อเวลา 09.20 น. วันที่ 12 ก.ค.มีเครื่องบินโดยสารของประเทศไทย เที่ยวสุวรรณภูมิ - เสียมเรียบ บินวนรอบสนามบินเสียมเรียบ จังหวัดเสียมเรียบ ประเทศกัมพูชา ท่ามกลางฝนตกหนัก ทัศนวิสัยไม่ดี การสื่อสารไม่ชัดเจน เครื่องบินโดยสารดังกล่าว จึงบินวนหลายรอบ เพื่อรอแลนดิ้ง ประกอบกับ การบินวนเครื่องบินโดยสารดังกล่าว กินพื้นที่ ระยะกว่า 100 กิโลเมตร เกือบถึงเมืองปอยเปต อยู่ด้านทิศตะวันออก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

ทำให้เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงตามแนวชายแดน กัมพูชา เข้าใจผิด คิดว่าเป็นเครื่องบินสอดแนม จึงยิงขู่ 3 นัด ก่อนที่จะลงจอดที่สนามบินเสียมเรียบ และทุกคนบนเครื่องบินปลอดภัย

“เท่าที่ทราบ การยิงเครื่องบิน ใกล้เมืองปอยเปต อำเภอโอโจรว จังหวัดบันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา เป็นการยิงขู่ เพื่อเตือน ฝนตกก็หนัก ทางกัมพูชา ไม่สามารถสื่อสารได้ และขาดความชัดเจน จึงเกิดความเข้าใจผิดเกิดขึ้น และเชื่อว่าไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์” นายศานิตย์กล่าว

มีรายงานจากฝั่ง กัมพูชาได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทหารประจำหน่วย 51 ตั้งอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรมโอเนียง ในจ.บันเตียเมียนเจย ใช้อาวุธปืนยิงเตือนเครื่องบินของฝ่ายไทย

นายเสก วรรณเมธี รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ กระทรวงการต่างประเทศกำลังตรวจสอบข้อมูล เพื่อทราบข้อเท็จจริง จะได้นำขึ้นหารือกับทางกัมพูชาต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะที่ ผู้บริหารบางกอกแอร์ ชี้แจง ว่าไม่ได้ถูกทางกัมพูชายิงขู่ระหว่างบินลง จ.เสียมเรียบ แต่อ้างว่าอากาศปิดทำ 2ไฟท์บินวนเหนือน่านฟ้านาน 20นาที ขณะที่นักบินแจ้งไม่พบเหตุผิดปกติ
กำลังโหลดความคิดเห็น