xs
xsm
sm
md
lg

วิวัฒนาการของระบอบทรราชใหม่ (1)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

ระบอบทรราชใหม่เป็นระบอบการเมืองที่เป็นการวิวัฒนาการขึ้นมาอีกระดับของระบอบทักษิณ กลุ่มที่เป็นแกนขับเคลื่อนหลักของระบอบทรราชใหม่คือ กลุ่มทุนสามานย์ใหม่หรือทุนโลกาภิวัตน์ อันเป็นกลุ่มทุนที่มีบทบาทหลักทางการเมืองไทยในปัจจุบัน ส่วนกลุ่มที่เป็นฐานทางการเมืองของระบอบทรราชใหม่คือ กลุ่มชาวบ้านในชนบทหรือชนชั้นล่างเก่าซึ่งถูกเปลี่ยนร่างแปลงโฉมให้เป็น “ชนชั้นกลางใหม่” โดยนักวิชาการเสื้อแดง

การผสานตัวทางการเมืองของสองกลุ่มนี้ทำให้เส้นทางการพัฒนาการของระบอบประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วมในสังคมไทยต้องสะดุดหยุดลง ถดถอย และเลือนรางหายไปในที่สุด และสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทยคือ ระบอบทรราชใหม่ที่กลุ่มทุนสามานย์ใหม่มุ่งรวบอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จโดยอาศัยระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทนเป็นเครื่องมือ ดุจเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นในประเทศเยอรมันยุคนาซีครองอำนาจนั่นเอง ในประเทศเยอรมนียุคก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ชนชั้นกลางใหม่ของเยอรมนียุคนั้นสนับสนุนพรรคนาซีฉันใด ในประเทศไทยยุคนี้ “ชนชั้นกลางใหม่” ก็สนับสนุนพรรคเพื่อไทยฉันนั้น และผลที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือ “ระบอบทรราชใหม่” นั่นเอง

เป้าประสงค์ของระบอบทรราชใหม่คือการสถาปนาอำนาจนำและสืบทอดอำนาจภายในตระกูลของกลุ่มทุนสามานย์ใหม่ การสร้างสำนึกแห่งการพึ่งพาหรือสำนึกทาสให้กระจายไปทั่วสังคม การรวมศูนย์อำนาจการใช้เงินงบประมาณของสังคมโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ การจำกัดสิทธิและเสรีภาพ การขยายความเหลื่อมล้ำทางสังคมและการเมือง และการรวมศูนย์อำนาจอธิปไตยไว้ที่ฝ่ายบริหารหรือตัวบุคคลที่เป็นผู้นำของระบอบ

การสถาปนาอำนาจนำของระบอบทรราชใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายทุนผู้ร่ำรวยจากธุรกิจสัมปทานการสื่อสารที่ได้รับการเอื้อเฟื้อจากกลุ่มเผด็จการทหารเก่าอันเป็นผู้นำการรัฐประหาร พ.ศ. 2534 ได้จัดตั้งพรรคไทยรักไทยและชนะการเลือกตั้งทั่วไป พ.ศ. 2544 ชัยชนะของพรรคไทยรักไทยในขณะนั้นเป็นเพราะได้รับการสนับสนุนจากทั้งชนชั้นกลางในเมืองและชาวบ้านในชนบท ชนชั้นกลางในเมืองมองว่าทักษิณ น่าจะเป็นตัวเลือกสำหรับการขับเคลื่อนทางการเมืองไทย เพราะไปหลงเชื่อในภาพลักษณ์ของการเป็นนักธุรกิจที่มีประสิทธิภาพในการบริหารเพียงด้านเดียว ส่วนชาวบ้านในชนบทด้านหนึ่งเลือกพรรคไทยรักไทยเพราะพวกเขาอยู่ภายใต้โครงสร้างระบบอำนาจนิยมอุปถัมภ์ของนักการเมืองหัวคะแนน ถูกโน้มน้าวจูงใจด้วยเงินตรา และคาดหวังจะได้รับผลประโยชน์จากนโยบายประชานิยม

เมื่อมีอำนาจรัฐอยู่ในการควบคุม ทักษิณ ชินวัตรได้ขยายอาณาจักรของอำนาจโดยการทำให้พรรคการเมืองบางพรรค เช่น พรรคความหวังใหม่ ต้องสลายตัว และนักการเมืองที่อยู่ในพรรคเหล่านั้นถูกโอนเข้าไปอยู่ใต้การควบคุมของพรรคเพื่อไทย พร้อมกันนั้นก็แผ่สยายอำนาจไปครอบงำและควบคุมสู่องค์กรอิสระและวุฒิสภาได้สำเร็จ ทั้งยังดำเนินนโยบายโดยยึดหลัก “กำปั้นเหล็ก” ใช้การตีตราและความรุนแรงต่อประชาชนที่ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดกฎหมายโดยไม่ผ่านกระบวนการยุติธรรม ประชาชนที่บริสุทธิ์นับพันคนจึงต้องสูญเสียเลือดเนื้อและสังเวยชีวิตภายใต้กำปั้นเหล็กของเขา และที่สำคัญยังได้รุกคืบเข้าไปในพรมแดนอำนาจแห่งจารีตอันเป็นเสาหลักของสังคมไทยด้วย

แต่การสถาปนาอำนาจนำเพื่อสร้างระบอบทรราชแบบใหม่ของทักษิณ ชินวัตรต้องเผชิญกับอุปสรรคที่สำคัญจากพลังประชาชนในนามกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ซึ่งเป็นพลังที่มาจากประชาชนทุกกลุ่ม ทุกชนชั้น ทั้งชนชั้นกลาง ผู้ใช้แรงงาน ชาวบ้าน และชนชั้นสูงอันมีฐานที่มั่นอยู่ในกรุงเทพมหานครและเขตเมืองของต่างจังหวัดเป็นหลัก พธม.มีแกนนำหลักเป็นชนชั้นกลางผู้รู้ทันเกมอำนาจทางการเมืองของทักษิณ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้วิพากษ์วิจารณ์และเปิดโปงความชั่วร้ายของระบอบทรราชใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนทั่วไปได้เห็นมหันตภัยของระบอบทรราชใหม่อย่างรอบด้าน จนทำให้ระบอบทรราชใหม่เกิดวิกฤติความชอบธรรมอย่างรุนแรง

ต่อมาเมื่อมีทหารกลุ่มหนึ่งได้ดำเนินการรัฐประหารยึดอำนาจจากทักษิณ ชินวัตร จึงสามารถดำเนินการได้สำเร็จโดยไม่ยากนักท่ามกลางความยินดีและความโล่งใจของคนจำนวนมาก ซึ่งแม้จะไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร แต่เห็นว่าหากไม่หยุดยั้งระบอบทรราชใหม่อาจทำให้ประเทศไทยจมลงไปสู่หุบเหวแห่งความหายนะเสียยิ่งกว่า แต่ทว่าด้วยความอ่อนหัดและไร้เจตจำนงทางการเมืองที่แน่วแน่ของคณะทหารที่โค่นล้มรัฐบาล ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างดีที่สุดก็คือเป็นการสกัดกั้นการเติบโตของระบอบทรราชใหม่ชั่วคราว แต่ที่เลวร้ายที่สุดคือทำให้เชื้อร้ายของทรราชดำรงอยู่และเพิ่มความต้านทาน จนกระทั่งเกิดความแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมในเวลาถัดมา อาจกล่าวได้ว่าเมื่อเชื้อร้ายของทรราชได้แพร่กระจายลงไปในสังคมแล้ว ก็ยากที่จะขจัดกวาดล้างให้หมดสิ้นลงไปได้อย่างง่ายๆ เพราะผืนแผ่นดินของสังคมไทยยังมีผู้อ่อนแอที่พร้อมติดเชื้อนี้อยู่เป็นจำนวนมาก

ยิ่งกว่านั้นการที่คณะรัฐประหารเมื่อ พ.ศ. 2549 และคณะรัฐบาลอันเป็นผลพวงจากการรัฐประหารมิได้มีเจตจำนงทางการเมืองอย่างแน่วแน่ในการขจัดระบอบทรราชใหม่ให้สิ้นซากแล้ว การบริหารประเทศที่อ่อนแอ ไร้จุดยืน และไร้ประสิทธิภาพของพวกเขาทำให้เชื้อทรราชฟื้นตัวขึ้นมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ทั้งยังแพร่ขยายออกไป และดูเหมือนว่าจะแข็งแกร่งกว่าเดิมเสียอีก ผลที่ตามมาคือการเลือกตั้งปลายปี 2550 พรรคพลังประชาชนอันเป็นเครื่องมือทางการเมืองของทรราชใหม่ก็ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างท่วมท้น เมื่อมีอำนาจรัฐอยู่ในมือแล้วภารกิจในการรื้อฟื้นและสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบอบทรราชใหม่จึงเกิดขึ้นในทุกแนวรบทางการเมืองทั้งการปลูกฝังและกระจายความคิดผ่านสื่อมวลชนของรัฐอย่างเป็นระบบและการขยายการจัดตั้งมวลชนลงไปถึงระดับรากหญ้า

ระบอบทรราชใหม่ขยายการจัดตั้งมวลชนโดยกระทำการปลูกฝังความเชื่อผ่านสื่อมวลชนและการทำงานจัดตั้งในระดับลึก ทันทีที่ได้อำนาจรัฐพวกเขาใช้สถานีโทรทัศน์ช่อง 11 ของรัฐเป็นเวทีในการสร้างความเชื่อและมายาคติแก่ประชาชนอย่างต่อเนื่อง จนทำให้ประชาชนจำนวนมากเกิดความเชื่อและจิตสำนึกที่ผิดพลาด และกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้พวกเขาในเวลาต่อมา ขณะเดียวกันระบอบทรราชใหม่ก็ได้ขยายการจัดตั้งมวลอย่างเป็นรูปธรรมมีโครงสร้าง ตัวบุคคล และภารกิจที่ชัดเจน ภายใต้ชื่อ แนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ แดงทั้งแผ่นดิน (นปช.) หรือ “กลุ่มเสื้อแดง” มวลชนกลุ่มนี้พัฒนามาจากกลุ่มนักเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐประหารในปี 2549 ต่อมาผนึกกับนักการเมือง หัวคะแนน มวลชนพรรคเพื่อไทย เป้าหมายที่แท้จริงของระบอบทรราชใหม่ในการจัดตั้งมวลชนกลุ่มนี้คือ การใช้เป็นฐานอำนาจและเป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจให้แก่ระบอบทรราชใหม่นั่นเอง

สำหรับการสืบทอดอำนาจภายในตระกูลของระบอบทรราชใหม่ปรากฏตัวขึ้นอย่างอย่างชัดเจน เมื่อสมชาย วงศ์สวัสดิ์ น้องเขยทักษิณ ชินวัตร ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนสมัคร สุนทรเวช เมื่อเดือนกันยายน 2551 สมชาย วงศ์สวัสดิ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีท่ามกลางมรสุมทางการเมืองที่โหมกระหน่ำพัดใส่ระบอบทรราชมาอย่างต่อเนื่อง กล่าวคือ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพยายามที่จะหยุดยั้งระบอบทรราชใหม่โดยจัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลสมัครซึ่งเป็นหุ่นเชิดของระบอบทรราชใหม่ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2551 จนในที่สุดก็ทำให้รัฐบาลสมัครต้องพ้นตำแหน่งออกไป แต่แม้ว่าหุ่นเชิดของตนเองพ้นตำแหน่งไปแล้ว ระบอบทรราชใหม่ก็ยังคงดำรงอยู่โดยส่งคนใหม่เข้าไปกุมอำนาจรัฐแทน

แต่สมชาย วงศ์สวัสดิ์ไม่อาจนั่งอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้นานเพราะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยังคงชุมนุมขับไล่อย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุที่ระบอบทรราชมีความอดกลั้นกับความแตกต่างทางการเมืองต่ำ รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์จึงตัดสินใจใช้ความรุนแรงในการปราบปรามและสลายการชุมนุม จนทำให้ประชาชนที่ร่วมชุมนุมเสียชีวิต บาดเจ็บ และพิการจำนวนมาก สัญญาณแห่งความหมายอันแสดงถึงภาวะของการเป็นระบอบทรราชใหม่ซึ่งนิยมความรุนแรงจึงได้ปรากฏตัวชัดเจนยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามรัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ยังไม่อาจสานต่อและสร้างระบอบทรราชใหม่ได้นานนัก เพราะว่าพรรคพลังประชาชนถูกยุบลงไปเสียก่อน ด้วยการกระทำที่ผิดกฎหมายของผู้บริหารพรรค รัฐบาลสมชายจึงพบกับจุดจบ และจากนั้นก็ได้มีการจัดตั้งรัฐบาลใหม่อันมีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำและมีพรรคภูมิใจไทยของเนวิน ชิดชอบเป็นพันธมิตร แต่คงเป็นชะตากรรมของสังคมไทยเพราะรัฐบาลใหม่นอกจากไม่ได้ตระหนักถึงภัยของระบอบทรราชใหม่แล้ว ก็ยังแสดงพฤติกรรมการบริหารประเทศแทบจะไม่แตกต่างจากนักการเมืองภายใต้สังกัดของทรราชใหม่แม้แต่น้อย

การมีทัศนะและท่วงทำนองการบริหารประเทศที่ขาดวิสัยทัศน์ ไร้ทิศทาง และขาดเจตจำนงปฏิรูปประเทศอย่างถึงรากถึงโคน แต่กลับมุ่งประนีประนอมเพื่อหวังความอยู่รอดเฉพาะหน้าของรัฐบาล ผลที่ตามมาทำให้รัฐบาลอภิสิทธิ์และชนชั้นนำที่สนับสนุนกลายเป็นแหล่งเชื้อเพลิงในการขยายความเข้มแข็งให้แก่กองกำลังมวลชนของระบอบทรราชใหม่ และที่ร้ายยิ่งกว่านั้นก็คือได้ทำให้พลังของภาคประชาชนฝ่ายการต่อต้านระบอบทรราชใหม่อ่อนแอลงไปด้วยการเอาโซ่ตรวนของคดีร้ายแรงเข้าไปผูกรัดตรึงเอาไว้ สถานภาพของแกนนำพันธมิตรประชาธิปไตยจำนวน 96 คน จากผู้ก่อการดี ไปสู่การถูกฟ้องคดีผู้ก่อการร้าย ภายใต้รัฐบาลอภิสิทธิ์

ส่วนด้านระบอบทรราชใหม่นั้น แม้ว่าจะไม่ได้กุมอำนาจรัฐ แต่ได้มีการขยายการสื่อสารและการจัดตั้งมวลชนอย่างต่อเนื่อง มีการปรับโครงสร้าง มีฐานที่มั่นทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคในหลายจังหวัด มีการกระชับแกนนำ กำหนดภารกิจ และทำงานด้านความคิดกับมวลชนในระดับรากหญ้า เพื่อตอบโต้และช่วงชิงอำนาจรัฐกลับคืนมา สงครามก่อการการร้ายและการนองเลือดกำลังจะเกิดขึ้น แต่ทว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์มองไม่เห็นและไม่อาจรับรู้ได้ ยังคงบริหารประเทศอย่างมีความสุขอยู่บนหมอกควันแห่งมายาคติเช่นเดิม
(อ่านต่อฉบับหน้า)


กำลังโหลดความคิดเห็น