ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์-"ส่วนการจำนำของรัฐบาลชุดนี้ มีมูลค่าข้าวคงเหลือ 2.26 แสนล้านบาท ขาดทุน 3 ปี แยกเป็น 4.2 หมื่นล้านบาท 9 หมื่นล้านบาท และ 8.4 หมื่นล้านบาท ถ้าเอามูลค่าสินค้าคงเหลือ หักกับมูลค่าดำเนินการ ไม่พบยอดขาดทุน 2.6 แสนล้านบาท แต่ก็มีข้อสงสัยว่า มูลค่าสินค้าคงเหลือคิดจากราคาต่ำสุด หรือราคาที่ระบายได้ จึงยังสรุปไม่ได้ว่ารัฐบาลขาดทุนเท่าไร" ไอ้เต้น-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ แถลงที่กระทรวง
ความโง่ บวกกะล่อน ณัฐวุฒิ ทำให้ไม่สามารถบวกเลขการขาดทุนได้ ทั้งๆ ที่เป็นคนแถลงด้วยตัวเองว่า ขาดทุนปีแรก 4.2 หมื่นล้านบาท ปีที่สอง 9 หมื่นล้านบาท ปีที่สาม 8.4 หมื่นล้านบาท
เท่ากับ 2.16 แสนล้านบาท
ที่สำคัญกว่านั้น ไอเต้น ยังไม่รู้ด้วยว่า “สินค้าคงเหลือ”คืออะไร และ“มูลค่าการดำเนินการ”คืออะไร
เพราะถ้ารอยหยักสมองมีสักหนึ่งหยัก จะคิดได้ว่า การบอกว่า ยังมีสินค้าคงเหลือ และค่าดำเนินการอีก
แสดงว่า โครงการจำนำข้าวของรัฐบาล ขาดทุนมากกว่า 2.16 แสนล้านบาท
แปลเป็นไทยง่ายๆ คือ รัฐมมนตรีทั้งสองกำลัง “โกหก”ประชาชน ปั้นน้ำเป็นตัว สร้างตัวเลขขึ้นมาลวงโลก
ทั้งๆ ที่ใช้เงินไปแล้วตั้งแต่ ปี 54, 55, 56 จำนวน 6.06 แสนล้านบาท แยกเป็น นาปี 2554/55 จำนวน 1.18 แสนล้าน นาปรังปี 2555 จำนวน 2.1 แสนล้าน ปี 2555/56 จำนวน 2.28 แสนล้าน และนาปรัง ปี 2556 จำนวน 5 หมื่นล้านบาท
ที่สำคัญ ข้อมูลขาดทุนมโหฬารถึง 2.6 แสนล้านบาทนั้น มาจากคณะอนุกรรมการปิดบัญชีของกระทรวงการคลัง ที่มี น.ส.สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ซึ่งปิดบัญชี เมื่อวันที่ 31 ม.ค. 56
คณะอนุกรรมการปิดบัญชี ยังมีการตั้งสังเกตในโครงการรับจำนำกว่า 10 เรื่อง นอกเหนือจากตัวเลขขาดทุน เช่น การลงทะเบียนเกษตรกร การออกใบประทวน ขององค์การคลังสินค้า (อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) ที่ไม่รัดกุม การใช้เงินของธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ที่เกินสภาพคล่อง 9 หมื่นล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มาออกมติย้อนหลัง การเก็บรักษาข้าว และการระบายข้าว ซึ่งทำให้โครงการไม่มีประสิทธิภาพ เกิดการรั่วไหล และไม่มีความโปร่งใส รวมทั้งการปิดบัญชีโครงการทำได้ลำบาก เพราะได้ข้อมูลไม่ครบ และไม่ตรงข้อเท็จจริง
นั่นจึงทำให้ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หวังอาศัยประสบการณ์ของ “วราเทพ รัตนากร”รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับผิดชอบรวบรวมข้อมูลโครงการรับจำนำ แทนแก๊งสิบแปดมงกุฎ เพราะแนบเนียนกว่า
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้ ยิ่งลักษณ์รับผิดชอบ โดยยืนยันว่า
" น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะปฏิเสธว่าไม่รับรู้ตัวเลขขาดทุนในโครงการไม่ได้ เพราะมีการรายงานถึงครม. และ กขช. ซึ่งนายกฯเป็นประธาน และยังมีคำสั่งของนายกฯ ในการแต่งตั้งคณะกรรมการปิดบัญชี และคณะกรรมการชุดดังกล่าวก็รายงานมาตั้งแต่ปลายปี 2555 ต่อเนื่องมาสม่ำเสมอว่า โครงการนี้ขาดทุนอยู่ประมาณ 2 แสนล้านบาท ฉะนั้น นายกฯ จะมาบอกว่าไม่ทราบไม่ได้ "
“ถึงเวลาที่นายกฯ จะต้องมาทำความกระจ่างให้กับสังคมว่า ขณะนี้สถานะของโครงการนี้ทำไปแล้วเท่าไหร่ เอาข้าวมาเก็บอยู่เท่าไหร่ ขายข้าวไปเท่าไหร่ ซึ่งไม่เป็นเรื่องที่ยากเย็น และมั่นใจ 100% ว่า ขาดทุนประมาณ 2 แสนล้านบาท”หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอกย้ำข้อเท็จจริงที่รัฐบาลปกปิดมาตลอด
“ถามว่าในความเป็นจริงแล้ว มีใครจะยอมทนให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นอีก ผมไม่เชื่อว่าจะมีใครอดทนได้ขนาดนั้น คงจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นก่อน”เมธี ครองแก้ว ประธานอนุกรรมการมาตรการป้องกันการทุจริต และความเสียหายของทางราชการ แสดงความเห็นถึงความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช)
เขาบอกว่า “หากเทียบจากจำนวนการผลิตข้าว การบริโภคภายในประเทศ และปริมาณที่เสียหายที่มีการคาดกันก่อนหน้านี้ ทั้งจากนักวิชาการ หรือแม้แต่สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) ถือว่า ไม่คลาดเคลื่อนกับตัวเลขที่อนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวที่มี น.ส.สุภา เป็นประธาน ออกมาเปิดเผย โดยเฉพาะตัวเลขขาดทุน 2 แสนล้านบาท ขาดทุนแน่นอนอยู่แล้ว แต่ที่บอกว่าขาดทุนแค่หลักหมื่นล้านบาทนั้น เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทาง เพราะรัฐขายข้าวไม่ออก”เมธี อธิบาย
“เกียรติ สิทธีอมร”ส.ส.บัญชีรายชื่อปชป. บอกว่า “การที่นายกฯ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ออกมาปฏิเสธว่า ไม่รู้ความเสียหายโครงการนั้น เป็นการเล่นละครทั้งสิ้น เพราะ ครม. ได้รับหนังสือรายงานการดำเนินการโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี ปีการผลิต 2554/55 และพิจารณาปริมาณ และวงเงินโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ปีการผลิต 2555/56 จากกระทรวงการคลัง ในวันที่ 3 ต.ค.2555 ซึ่งหนังสือฉบับดังกล่าว ระบุชัดว่า การจำนำปี 2555/56 นั้น หากสามารถระบายข้าวในโครงการได้ภายใน 3 ปีจะมีภาระขาดทุนเฉลี่ย 2.2 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งเป็นที่รับรู้ของ ครม. ก่อนอนุมัติโครงการจำนำปี 2555/56 จึงอย่ามาทำเป็นตกใจกับตัวเลขขาดทุนที่เกิดขึ้น”
แม้กระทั่ง “ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล”อดีต รมว.การ คลังยังได้โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงการแถลงข่าวของ กระทรวงพาณิชย์ ในเรื่องการขาดทุนในโครงการว่าคิดไม่ได้ เพราะยังมีสต็อกข้าวอยู่ว่า
“เป็นการบิดเบือน หลอกตัวเลข เพราะในทางบัญชี หากมีสต็อกเหลืออยู่ในมือ ก็ต้องหักสต็อกออกไปก่อน จึงได้ตัวเลขขาดทุน ซึ่งได้สอบถามคนในคณะกรรมการปิดบัญชีแล้ว ได้รับคำยืนยันชัดเจนว่า ตัวเลขขาดทุนที่คำนวณนั้นได้หักสต็อกออกไปเรียบร้อยแล้ว”
ธีระชัย ยังได้โพสต์ความเห็นเชิงวิชาการเกี่ยวกับการจำนำ และประกันราคาข้าวว่า “วิธีประกัน รัฐขาดทุนเท่าไหร่ ชาวนาก็ได้ประโยชน์เท่านั้นเต็มๆ แต่วิธีจำนำ รัฐขาดทุนเท่าไหร่ ชาวนาได้ประโยชน์เพียงบางส่วน ที่เหลือจะตกหล่นเบี้ยบ้ายรายทาง แถมบางส่วนออกไปนอกประเทศ ส่วนที่ตกหล่นไปนี้ นอกจากสร้างภาระแก่ผู้เสียภาษีโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังสร้างนิสัยที่ไม่ดีให้เกิดขึ้นในแวดวงบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ประโยชน์ที่ไม่ควรได้จากขบวนการรับจำนำอีกด้วย”
“การรับจำนำข้าวฤดูกาล 2554/55 และฤดูกาล 2555/56 น่า จะสะท้อนความจริงให้กับรัฐบาลได้แล้ว ว่าเป็นราคาที่นำตลาดมากเกินไป ทำให้เกิดปัญหามากมายจากการขายข้าวไม่ออก และขาดทุนจำนวนมาก ทำให้เกิดภาระการคลังของประเทศ”ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยวิจารณ์นโยบายของรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ทั้งขาดทุน ทำลายตลาดข้าวของไทย ขายข้าวไม่ได้ ชาวนาไม่ได้ประโยชน์ โกงกันโจ๋งครึ่ม
แต่ยิ่งลักษณ์ไม่แคร์ เพราะไม่ใช่เงินของชินวัตร เพราะเป็นเงินของประเทศไทยจ้าง ยิ่งลักษณ์ มาหว่านเล่น !!!