แต่ไหนรัฐบาลหุ่น นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่เคยสนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์นโยบายรับจำนำข้าวแต่อย่างใด ไม่ว่าใครจะบอกว่าเป็นนโยบายที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติ
จะต้องขาดทุนอย่างแน่นอนปีละเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาท เพราะมีแต่คนบ้าเท่านั้นที่รับจำนำสูงกว่าราคาตลาด ซึ่งรัฐบาลนี้ก็บ้าจริงๆ เห็นอยู่แล้วว่าขาดทุนก็ยังหน้าด้านเจื้อยแจ้วอยู่ตลอดเวลาว่า รับจำนำทุกเม็ดค่ะ ให้ชาวนาเถอะค่ะ.....
จะทำให้ตลาดข้าวไทยเสียหาย เพราะเมื่อรับจำนำข้าวราคาสูงกว่าท้องตลาด ข้าวของเราก็ต้องสูงกว่าราคาท้องตลาด ขายเมื่อไหร่ก็ขาดทุนเมื่อนั้น แต่คณะรัฐมนตรีหุ่น ขาดสติหรือเส็งเคร็งเหล่านี้ ก็ยังออกมาพูดโง่ๆ เหมือนคนที่ไม่รู้เรื่องข้าวว่า ตราบใดที่ยังไม่ขายก็ไม่ขาดทุน พวกเขาไม่รู้เลยว่าข้าวถ้ายังไม่ขายก็ต้องเสียค่าดูแล เสียค่ายุ้งฉาง ข้าวทิ้งไว้นานก็ต้องเสียเน่า ขึ้นรา เสื่อมคุณภาพ ราคาก็จะต่ำลงไปอีก และในที่สุดความจริงก็ปรากฏ ประเทศไทยที่เคยเป็นแชมป์ส่งออกเสียแชมป์ให้กับเพื่อนบ้าน
แต่รัฐบาลหน้าโง่ก็ยังประกาศเดินหน้านโยบายรับจำนำข้าวในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดต่อไป
จะทำให้เกิดการทุจริตตั้งแต่รัฐบาลมีนโยบายรับจำนำข้าว การค้าข้าวกลายเป็นธุรกิจที่มืดดำ ไม่มีใครรู้ว่ารัฐบาลขายข้าวให้ใคร ส่งออกไปประเทศใด ราคาเท่าไร มีการเปิดโปงในสภาผู้แทนราษฎรว่าคนใกล้ชิดทักษิณ เป็นผู้ซื้อข้าวจากรัฐและส่งออก มีผู้ช่วย ส.ส.พรรครัฐบาลเป็นนายหน้า รัฐบาลก็ไม่ชี้แจงอ้ำๆ อึ้งๆ
นายกฯ หุ่นนางสาวยิ่งลักษณ์มาให้ความสนใจเรื่องการรับจำนำข้าวก็ต่อเมื่อสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของประเทศแห่งหนึ่งคือ มูดีส์ประกาศอาจจะลดความน่าเชื่อถือของประเทศไทยเพราะนโยบายรับจำนำข้าวทำให้ประเทศไทยขาดทุน นักข่าวไปถามนายกฯ หุ่นนางสาวยิ่งลักษณ์
นางสาวยิ่งลักษณ์ตอบนักข่าวไม่ได้ ทั้งที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นประธานนโยบายข้าวโดยตำแหน่ง โบ้ยไปให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ชี้แจง
รัฐมนตรีว่าการฯ และช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ออกมาชี้แจง ท่าทีในการชี้แจงและคำชี้แจงของรัฐมนตรีทั้งสองทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศเห็นความบัดซบ โง่เง่า เส็งเคร็งของพวกเขาออกมาอย่างล่อนจ้อน
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมรัฐมนตรีช่วย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงร่วมกันชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทว่า โครงการนี้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2554 ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2554/2555 และปี 2555/2556 และโครงการรับจำนำข้าวนาปรังปี 2555 และ 2556 ไม่ได้ขาดทุนมากถึง 2.6 แสนล้านบาทอย่างที่อนุกรรมการปิดบัญชีกระทรวงการคลังประเมินไว้ เพราะขณะนี้ยังมีข้าวในสต็อกรอขายอยู่อีก 10 ล้านตัน ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ได้นำเงินจากการขายข้าวส่งคืนคลังไปแล้ว 1.2 แสนล้านบาท และจนสิ้นเดือนกันยายนนี้จะนำส่งคืนคลัง 1.8 แสนล้านบาท
นักข่าวถามว่า จริงๆ แล้วขาดทุนเท่าไร รัฐมนตรีบอกว่าตัวเลขแน่นอนยังไม่ทราบ แต่ไม่ถึง 2.6 แสนล้านบาท ที่ตอบไม่ได้เพราะโครงการยังดำเนินต่อไป
นี่เป็นคำตอบที่ค่อนข้างจะบัดซบที่สุด และถ้าหากมีสติปัญญาเพียงนี้ไม่สมควรที่จะเป็นรัฐมนตรี ไม่สมควรที่จะมาบริหารประเทศ ที่พูดนี้รวมทั้งข้าราชการกระทรวงพาณิชย์และผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย
อย่าว่าแต่เมื่อไม่นานมานี้ อธิบดีกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าใช้งบประมาณนับร้อยๆ ล้านบาทติดตั้งคอมพิวเตอร์ การสื่อสารเพื่อที่จะตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ในโครงการรับจำนำข้าว ย้อนกลับไปที่เรายังไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยอย่างทุกวันนี้ เขาก็ตรวจสอบกันได้
ย้อนไปถึงสมัย เวียง วัง คลัง นา เขาก็มีข้อมูล มีข้อเท็จจริง ไม่อ้ำๆ อึ้งๆ เสมือนมีสากกระเบือยัดปากอย่างนายบุญทรง เตริยาภิรมย์
มันจะยากเย็นอะไรกันกับโครงการรับจำนำข้าว โรงสีที่เข้าร่วมโครงการกี่โรง ใช้เงินไปเท่าไรในแต่ละวันแต่ละสัปดาห์แต่ละเดือน แต่ละโรงสีมีข้าวเปลือกกี่ตัน สีเป็นข้าวสารกี่ตัน ขายไปแล้วกี่ตัน ได้เงินในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือนเท่าไร ขายไปต่างประเทศให้ประเทศใดบ้าง ได้เงินมาเท่าไร ใช้นิ้วกดคอมพิวเตอร์ไม่กี่ครั้งก็รู้
ไม่ใช่ยังไม่สิ้นสุดโครงการก็เลยตอบไม่ได้ อย่างที่รัฐมนตรีเส็งเคร็งแสดงความขี้เท่อออกมา
มันต้องสรุปได้ซิครับว่า ไตรมาสแรกฉิบหายไปเท่าไร ครึ่งปีฉิบหายไปอีกเท่าไร ครบปีฉิบหายเท่าไร กี่พันกี่หมื่นกี่แสนล้านบาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังบอกว่า ตัวเลขที่บอกว่าขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทนั้น รวมเอาการรับจำนำหรือซื้อพืชผลการเกษตรอื่นๆ ด้วย ก็แจงออกมาให้ชัดซิครับว่า ฉิบหายไปกับข้าวเท่าไร หัวหอมเน่าเท่าไร ยางพารา ฯลฯ เท่าไร
นายบุญทรงบอกว่าไม่ถึง 2.6 แสนล้านบาท น่าจะอยู่ที่ไม่เกิน 8 หมื่นล้านบาท ก็เอาให้มันชัดซิว่า ใช้เงินกับการรับจำนำเท่าไร ขายไปแล้วได้เงินเท่าไร ขายให้ใครบ้าง ไอ้ที่เขาพูดในสภาฯ ได้ยินกันทั่วประเทศทั่วโลกว่า รับจำนำ 15,000 บาทแอบขาย 5 พันกว่าบาทแล้ววันรุ่งขึ้นไอ้คนซื้อเอาไปขายได้ตันละ 12,000 บาท มันเท็จจริงอย่างไร ตอบมาซิครับ ไม่ใช่มาลอยหน้าลอยตาหน้าด้านๆ หน้าเป็นๆ อย่างทุกวันนี้
จะต้องขาดทุนอย่างแน่นอนปีละเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาท เพราะมีแต่คนบ้าเท่านั้นที่รับจำนำสูงกว่าราคาตลาด ซึ่งรัฐบาลนี้ก็บ้าจริงๆ เห็นอยู่แล้วว่าขาดทุนก็ยังหน้าด้านเจื้อยแจ้วอยู่ตลอดเวลาว่า รับจำนำทุกเม็ดค่ะ ให้ชาวนาเถอะค่ะ.....
จะทำให้ตลาดข้าวไทยเสียหาย เพราะเมื่อรับจำนำข้าวราคาสูงกว่าท้องตลาด ข้าวของเราก็ต้องสูงกว่าราคาท้องตลาด ขายเมื่อไหร่ก็ขาดทุนเมื่อนั้น แต่คณะรัฐมนตรีหุ่น ขาดสติหรือเส็งเคร็งเหล่านี้ ก็ยังออกมาพูดโง่ๆ เหมือนคนที่ไม่รู้เรื่องข้าวว่า ตราบใดที่ยังไม่ขายก็ไม่ขาดทุน พวกเขาไม่รู้เลยว่าข้าวถ้ายังไม่ขายก็ต้องเสียค่าดูแล เสียค่ายุ้งฉาง ข้าวทิ้งไว้นานก็ต้องเสียเน่า ขึ้นรา เสื่อมคุณภาพ ราคาก็จะต่ำลงไปอีก และในที่สุดความจริงก็ปรากฏ ประเทศไทยที่เคยเป็นแชมป์ส่งออกเสียแชมป์ให้กับเพื่อนบ้าน
แต่รัฐบาลหน้าโง่ก็ยังประกาศเดินหน้านโยบายรับจำนำข้าวในราคาที่สูงกว่าท้องตลาดต่อไป
จะทำให้เกิดการทุจริตตั้งแต่รัฐบาลมีนโยบายรับจำนำข้าว การค้าข้าวกลายเป็นธุรกิจที่มืดดำ ไม่มีใครรู้ว่ารัฐบาลขายข้าวให้ใคร ส่งออกไปประเทศใด ราคาเท่าไร มีการเปิดโปงในสภาผู้แทนราษฎรว่าคนใกล้ชิดทักษิณ เป็นผู้ซื้อข้าวจากรัฐและส่งออก มีผู้ช่วย ส.ส.พรรครัฐบาลเป็นนายหน้า รัฐบาลก็ไม่ชี้แจงอ้ำๆ อึ้งๆ
นายกฯ หุ่นนางสาวยิ่งลักษณ์มาให้ความสนใจเรื่องการรับจำนำข้าวก็ต่อเมื่อสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางเศรษฐกิจของประเทศแห่งหนึ่งคือ มูดีส์ประกาศอาจจะลดความน่าเชื่อถือของประเทศไทยเพราะนโยบายรับจำนำข้าวทำให้ประเทศไทยขาดทุน นักข่าวไปถามนายกฯ หุ่นนางสาวยิ่งลักษณ์
นางสาวยิ่งลักษณ์ตอบนักข่าวไม่ได้ ทั้งที่ในฐานะนายกรัฐมนตรีเป็นประธานนโยบายข้าวโดยตำแหน่ง โบ้ยไปให้กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้ชี้แจง
รัฐมนตรีว่าการฯ และช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ออกมาชี้แจง ท่าทีในการชี้แจงและคำชี้แจงของรัฐมนตรีทั้งสองทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศเห็นความบัดซบ โง่เง่า เส็งเคร็งของพวกเขาออกมาอย่างล่อนจ้อน
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมรัฐมนตรีช่วย ผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงร่วมกันชี้แจงกรณีที่มีข่าวว่า โครงการรับจำนำข้าวขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทว่า โครงการนี้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนธันวาคม 2554 ในโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2554/2555 และปี 2555/2556 และโครงการรับจำนำข้าวนาปรังปี 2555 และ 2556 ไม่ได้ขาดทุนมากถึง 2.6 แสนล้านบาทอย่างที่อนุกรรมการปิดบัญชีกระทรวงการคลังประเมินไว้ เพราะขณะนี้ยังมีข้าวในสต็อกรอขายอยู่อีก 10 ล้านตัน ขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ได้นำเงินจากการขายข้าวส่งคืนคลังไปแล้ว 1.2 แสนล้านบาท และจนสิ้นเดือนกันยายนนี้จะนำส่งคืนคลัง 1.8 แสนล้านบาท
นักข่าวถามว่า จริงๆ แล้วขาดทุนเท่าไร รัฐมนตรีบอกว่าตัวเลขแน่นอนยังไม่ทราบ แต่ไม่ถึง 2.6 แสนล้านบาท ที่ตอบไม่ได้เพราะโครงการยังดำเนินต่อไป
นี่เป็นคำตอบที่ค่อนข้างจะบัดซบที่สุด และถ้าหากมีสติปัญญาเพียงนี้ไม่สมควรที่จะเป็นรัฐมนตรี ไม่สมควรที่จะมาบริหารประเทศ ที่พูดนี้รวมทั้งข้าราชการกระทรวงพาณิชย์และผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย
อย่าว่าแต่เมื่อไม่นานมานี้ อธิบดีกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่าใช้งบประมาณนับร้อยๆ ล้านบาทติดตั้งคอมพิวเตอร์ การสื่อสารเพื่อที่จะตรวจสอบข้อมูลต่างๆ ในโครงการรับจำนำข้าว ย้อนกลับไปที่เรายังไม่มีคอมพิวเตอร์ ไม่มีเครื่องมือสื่อสารที่ทันสมัยอย่างทุกวันนี้ เขาก็ตรวจสอบกันได้
ย้อนไปถึงสมัย เวียง วัง คลัง นา เขาก็มีข้อมูล มีข้อเท็จจริง ไม่อ้ำๆ อึ้งๆ เสมือนมีสากกระเบือยัดปากอย่างนายบุญทรง เตริยาภิรมย์
มันจะยากเย็นอะไรกันกับโครงการรับจำนำข้าว โรงสีที่เข้าร่วมโครงการกี่โรง ใช้เงินไปเท่าไรในแต่ละวันแต่ละสัปดาห์แต่ละเดือน แต่ละโรงสีมีข้าวเปลือกกี่ตัน สีเป็นข้าวสารกี่ตัน ขายไปแล้วกี่ตัน ได้เงินในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ แต่ละเดือนเท่าไร ขายไปต่างประเทศให้ประเทศใดบ้าง ได้เงินมาเท่าไร ใช้นิ้วกดคอมพิวเตอร์ไม่กี่ครั้งก็รู้
ไม่ใช่ยังไม่สิ้นสุดโครงการก็เลยตอบไม่ได้ อย่างที่รัฐมนตรีเส็งเคร็งแสดงความขี้เท่อออกมา
มันต้องสรุปได้ซิครับว่า ไตรมาสแรกฉิบหายไปเท่าไร ครึ่งปีฉิบหายไปอีกเท่าไร ครบปีฉิบหายเท่าไร กี่พันกี่หมื่นกี่แสนล้านบาท
นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังบอกว่า ตัวเลขที่บอกว่าขาดทุน 2.6 แสนล้านบาทนั้น รวมเอาการรับจำนำหรือซื้อพืชผลการเกษตรอื่นๆ ด้วย ก็แจงออกมาให้ชัดซิครับว่า ฉิบหายไปกับข้าวเท่าไร หัวหอมเน่าเท่าไร ยางพารา ฯลฯ เท่าไร
นายบุญทรงบอกว่าไม่ถึง 2.6 แสนล้านบาท น่าจะอยู่ที่ไม่เกิน 8 หมื่นล้านบาท ก็เอาให้มันชัดซิว่า ใช้เงินกับการรับจำนำเท่าไร ขายไปแล้วได้เงินเท่าไร ขายให้ใครบ้าง ไอ้ที่เขาพูดในสภาฯ ได้ยินกันทั่วประเทศทั่วโลกว่า รับจำนำ 15,000 บาทแอบขาย 5 พันกว่าบาทแล้ววันรุ่งขึ้นไอ้คนซื้อเอาไปขายได้ตันละ 12,000 บาท มันเท็จจริงอย่างไร ตอบมาซิครับ ไม่ใช่มาลอยหน้าลอยตาหน้าด้านๆ หน้าเป็นๆ อย่างทุกวันนี้
